รีวิวพรีเมียร์ลีก (วีก1)

รีวิวพรีเมียร์ลีก (วีก1)

รีวิวพรีเมียร์ลีก (วีก1)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากให้ตามไปจับตามองนักเตะบางคน ทีมบางทีม และสถานการณ์บางสถานการณ์เพื่อเป็นการเพิ่มมุมมองของแต่ละเกมให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น หลังเกมการแข่งขันก็ต้องมารีวิวกันอีกครั้งว่ามีอะไรน่าสนใจจริงๆ หรือเปล่ากับเกมพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกใจบ้างผิดหวังบ้างคละเคล้ากันไป

แต่ที่แน่ๆ เกมพรีเมียร์ลีกทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่มีเจ้าบ้านทีมไหนเก็บ 3 แต้มได้เลย เป็นเรื่องที่แต่ละทีมต้องเก็บไปเป็นการบ้านขบคิดถึงสถานการณ์ของตัวเอง ต้องปรับต้องแก้ไขอย่างไรให้ลงตัว มัวแต่ชักช้าจะไม่ทันกาล     

เฟร์นานโด ตอร์เรส

แม้ว่าเชลซีของอังเดร วิลลาส โบอาส จะดูแล้วขาดสัญชาตญาณการปิดสกอร์อยู่มากก็ตาม ทว่าแนวโน้มของเฟร์นานโด ตอร์เรส ดูดีขึ้น การพยายามต่อสู้กับฟอร์มการเล่น ความฟิต และความมั่นใจที่ติดหล่มอยู่กับการไร้สกอร์มานานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง      

แม้ไม่มีการการันตีว่าตอร์เรสจะกลับมาเหมือนเดิมได้ตอนไหน และถึงแม้ว่าจะยังคงไม่มีสกอร์ให้กับทีมในนัดเปิดสนาม ทว่าความมั่นใจในการเล่นดูดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง พยายามและมุ่งมั่นกับการเล่นของตัวเองอย่างเต็มที่      

เรื่องราวเพียงแค่นี้แสดงถึงทิศทางของเฟร์นานโด ตอร์เรส ได้บ้าง ถึงแม้ว่าฟอร์มโดยรวมของทีมและผลงานของ วิลลาส โบอาส ยังคงเป็นที่ต้องสงสัยกันต่อไปก็ตาม       

คิวพีอาร์

มาแบบเละเทะคาบ้านกันเลยทีเดียวสำหรับทีมน้องใหม่ทีมนี้ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความยากลำบากในการอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก ได้ตั้งแต่ออกสตาร์ตนัดแรก พร้อมกับตอกย้ำว่าทำไม นีล วอร์น็อค กุนซือของทีมจึงอยู่อันดับต้นๆ ของกุนซือที่จะโดนเด้งออกไปจากทีมก่อนใคร

อาเดล ทารับต์ ตัวความหวังของทีม ยังไม่มีอะไรไว้วางใจถึงขนาดที่คาดหวังกัน ขนาดยังไม่เจอกับทีมที่อาจจะสร้างความยากลำบากได้มากกว่านี้ คิวพีอาร์ยังออกอาการให้เห็น โบลตันไม่ใช่ทีมบิ๊กเนม แต่สร้างความวุ่นวายให้น้องใหม่ได้ตั้งแต่อ้อนแต่ออก บอกได้คำเดียวสำหรับ นีล วอร์น็อค และทีมคิวพีอาร์ ฤดูกาลนี้เป็นอะไรที่ถึงขั้นเลือดตกยางออกแน่นอน   

เซบาสเตียน ลาร์สสัน

เป็นการเปิดตัวที่ถูกอกถูกใจแฟนแมวดำกันถ้วนหน้า ย้ายเข้ามาจากทีมเบอร์มิงแฮมแบบไม่มีค่าตัว แต่เปิดหัวได้ใจไปทั้งหมด แค่ลีลาการวอลเลย์ตีเสมอลิเวอร์พูลก็ดูหรูหราหมดจด เมาโร ฟอร์มิก้า ของแบล็คเบิร์น เป็นอีกคนหนึ่งที่เปิดตัวได้ด้วยสกอร์ ทว่านั่นก็ยังไม่ดีพอที่จะช่วยให้ทีมมีแต้มได้

ลิเวอร์พูล     

ส่งตัวใหม่ลงสนามกันพร้อมหน้าพร้อมตา ทว่าฟอร์มโดยรวมเห็นกันเต็มตาเลยว่า ทำไมบรรดาเกจิอาจารย์ดังๆ ทั้งหลายถึงให้ลุ้นเพียงแค่อันดับ 4 บางคนให้อยู่ที่อันดับ 5 ของตารางหลังจบฤดูกาลนี้ด้วยซ้ำไป       

มีปัญหามากมายที่ เคนนี่ ดัลกลิช ต้องคิดหาทางออก กองหน้า กองกลาง กองหลัง ยืนห่างกันจนเกมไม่สามารถเล่นต่อเนื่องได้ ไม่มีการสนับสนุนซึ่งกันและกันที่ดีพอ ดูหวือหวาแค่ช่วงเปิดหัวของเกมเท่านั้น ที่เหลือเป็นลิเวอร์พูลของเดิมที่คุ้นเคย      

แอนดี้ คาร์โรลล์

เคนนี่ ดัลกลิช พยายามอย่างยิ่งที่จะปั้นเกมของลิเวอร์พูลโดยมีแอนดี้ คาร์โรลล์ เป็นเป้าหมายหลักของทีม เติมมิดฟิลด์เข้ามาเสริมเกมของกองหน้าคนนี้โดยเฉพาะ สิ่งที่สามารถคิดบวกได้สำหรับคาร์โรลล์ก็คือสภาพความฟิต ดีกว่าครึ่งฤดูกาลที่แล้วอย่างชัดเจน       

แต่เกมของทีมที่คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูกสาดเข้าไปให้คาร์โรลล์ตลอดเวลา แต่ละจังหวะก็ใช่ว่าหัวหอกร่างสูงใหญ่คนนี้จะเล่นได้ง่ายๆ ถ้าเกมสนับสนุนดีกว่านี้อาจจะมีโอกาสได้เห็นคาร์โรลล์ทำได้อย่างที่ทีมคาดหวังกัน      

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

20 ล้านปอนด์ เป็นค่าตัวที่ดูเหมือนว่า เคนนี่ เดลกลิช จะละลายแม่น้ำทิ้งไปซะงั้น ไม่สามารถโชว์อะไรให้คาดหวังถึงอนาคตข้างหน้าได้เลยว่านี่คืออนาคตของทีม        

สิ่งที่เฮนเดอร์สันโชว์ออกมานั้นก็คือความเป็นนักเตะพื้นๆ เกมทางขวาของหงส์แดงไร้ศักยภาพอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถเทียบกับนักเตะใหม่คนอื่นๆ ที่พอจะเอาตัวรอดกันไปได้ในระดับหนึ่ง     

แชร์วินโญ่ 

น่าเห็นใจไม่น้อยกับการประเดิมพรีเมียร์ลีกนัดแรกด้วยใบแดงแจ้งโทษแบบนี้ ความเห็นหลายท่านบอกว่าน่าจะเป็นจุดโทษ แต่โจอี้ บาร์ตัน ค้านสุดๆ ด้วยความคิดที่ว่าพุ่งล้มชัดๆ นั่นคือที่มาของเรื่องราว        

ไม่ง่ายเลยสำหรับนักเตะที่โดนคิดหรือตัดสินว่าแกล้งล้มเอาจุดโทษ อารมณ์กำลังเดือดโดนกระตุ้นหรือด่าทอต่อว่าต่อขานเพิ่มเข้าไปอีก โดยเฉพาะการโดนกระชากคอเสื้อในระหว่างที่อารมณ์มันถึงจุดเดือดพอดิบพอดี

เรื่องราวแบบนี้มันเหมือนการดูถูกอย่างร้ายแรง พูดจาถากถางกันนั้นมันกลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้ากระชากคอเสื้อกันมันอาจจะเกินเลยไปแล้ว โชคไม่ดีที่แชร์วินโญ่อยู่ในจุดนั้น       

โจอี้ บาร์ตัน

จะผิดหรือถูกอย่างไร โจอี้ บาร์ตัน ก็ไม่ควรเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกสถานการณ์ สิ่งที่เผชิญอยู่ในสโมสรมันมากเกินพอแล้ว ต้องตอบแทนบุญคุณ อลัน พาร์ดิว ด้วยการโฟกัสอยู่ในเกมของฟุตบอลเพียงอย่างเดียว      

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

จะดีจะชั่ว ฟอร์มแบบไหนไม่สำคัญถ้าเก็บ 3 แต้มได้ นั่นคือสิ่งที่มีความหมายและเกิดขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาอยู่ในสถานการณ์และเจอเรื่องราวแบบนี้มาช้านาน ผ่านไปได้ด้วยดีเสมอมา       

ดาวิด เด เกอา  

ยังคงแสดงความชัดเจนในเรื่องของการออกมาตัดลูกโด่ง ที่เกมในพรีเมียร์ลีก จะมีมากกว่าลีกอื่นๆ รวมทั้งจังหวะเสียประตู ดูเป็นเรื่องราวเดิมๆ ที่ เด เกอา ต้องผ่านไปให้ได้ ยากเย็นแค่ไหนก็ต้องทำ จังหวะยิงแบบจ่อๆ เซฟได้ตามความถนัดและเป็นจุดเด่น

แต่ลูกยิงไกลนอกกรอบเขตโทษหรือริมๆ เส้นกรอบเขตโทษเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา มีแต่จะลดความเชื่อมั่นของเพื่อนร่วมทีม รวมทั้งบั่นทอนความมั่นใจของตัวเอง      

แกรี่ เคฮิลล์

เป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับแกรี่ เคฮิลล์ ที่จะต้องเล่นให้เด่นตลอดทั้งฤดูกาล เป้าหมายคือยูโร 2012 ต้องปักธงในทีมชาติอังกฤษให้ได้ ไม่ได้เล่นให้กับทีมใหญ่ยิ่งจำเป็นต้องสร้างจุดขายด้วยผลงานที่ดีเกินกว่าธรรมดาทั่วไป       

ประตูที่ยิงได้มันไม่ใช่เพียงแค่สกอร์ธรรมดาลูกหนึ่ง มีความหมายมากกว่านั้น บรรดาแมวมองของอาร์เซนอลเข้ามานั่นดูเกมนี้กันด้วย ยิ่งสัญญากับโบลตันเหลือเพียงแค่ปีเดียว ทุกย่างก้าวในสนามจึงมีความหมายค่อนข้างมาก

อย่างน้อยเคฮิลล์ก็แสดงออกมาแล้วในนัดเปิดสนามพร้อมกับส่งโบลตันขึ้นไปเป็นจ่าฝูง จะเพียงแค่สัปดาห์เดียวหรือเปล่าก็ไม่ต้องคิดมาก

ทีมเยือน

แทบทุกทีมที่ต้องยกพลออกนอกบ้านไปเยือนด้วยการเล่นระบบ 4-4-2 พกเอาปีกทั้งสองข้างไปสร้างความวุ่นวายให้เจ้าบ้าน นั่นทำให้เห็นกันชัดเจนว่าใครที่เล่นเป็นเจ้าถิ่นเจอเกมยากขึ้นมาทันตาเห็น จะเป็นแบบนี้ไปตลอดหรือไม่ ไม่ทราบได้

แต่นัดแรกของการออกสตาร์ตเป็นวันของทีมเยือน

 

เรื่องโดย "ดามัน"

ขอบคุณข้อมูลจากคอลัมน์ ทดเจ็บ3นาที

(หมายเหตุ : คอลัมน์นี้เขียนก่อนเกมคู่ระหว่างแมนฯซิตี้กับสวอนซี)


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook