สกู๊ป : เจ็บเพื่อจำ ผิดเพื่อเรียนรู้ อีกครั้งกับ "ทีมชาติไทย"

สกู๊ป : เจ็บเพื่อจำ ผิดเพื่อเรียนรู้ อีกครั้งกับ "ทีมชาติไทย"

สกู๊ป : เจ็บเพื่อจำ ผิดเพื่อเรียนรู้ อีกครั้งกับ "ทีมชาติไทย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรียบร้อยโรงเรียนยูเออี หลังจากขุนพลช้างศึก “ทีมชาติไทย” ลงสนามนัดที่ 3 ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย แพ้ “ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” 1-3 ซึ่งผลการแข่งขันต้องยอมรับความจริงว่าน่าผิดหวัง เพราะเราตั้งเป้าหมายในเกมนี้ว่าต้องมีคะแนนอย่างน้อย 1 แต้ม

ถ้าดูในเรื่องของรูปเกมแบบคร่าวๆ ทางฝ่ายยูเออีดูดีกว่า แม้ว่าเปอร์เซนต์การครองบอลจะพอๆกัน (ยูเออี 51 เปอร์เซนต์ ไทย 49 เปอร์เซนต์) แต่เรื่องของรายละเอียดโดยเฉพาะความได้เปรียบเรื่องของรูปร่างนักเตะ เห็นได้ชัดเจนในเกมนี้ว่ามีผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบ รวมทั้งพื้นฐานทักษะของคู่แข่งที่ดีกว่า ถึงจะไม่มากจนชัดเจนก็ตาม

ถามว่านัดนี้ไทยเล่นดีไหม? มองว่า “เล่นดี” และทางด้านของ “ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง” ก็ทำการบ้านเตรียมตัววางแผนมาดี ถ้ามาดูความสามารถของซิโก้ กับโค้ชยูเออี “มาห์ดี้ อาลี” ที่เคยไปอบรมฝึกการเป็นโค้ชถึงสโมสร “บาร์เซโลน่า” ผมว่าตำนานทีมชาติเบอร์ 13 ของเรา ไม่ได้เป็นรองเค้าเลย

อย่างไรก็ตาม จังหวะฟุตบอลบางทีก็ไม่มีเหตุผลและพูดไม่ออกเหมือนกัน อย่างประตูแรกที่เราเสีย ถ้าใครได้ดูภาพเอากฎฟุตบอลมากาง ยังไงก็ “ล้ำหน้า” เพราะจังหวะเปิดบอลเข้ามาของ “โมฮัมเหม็ด เพาซี่” ไปโดนผู้เล่นยูเออีอีกคนก่อนที่ “อาลี มับคุต” จะสะกิดบอลเข้า

แต่จังหวะนั้นมันเร็วมาก และผู้ตัดสินกับผู้กำกับเส้นก็มีเวลาให้ “คิด” เพียงเสี้ยววินาทีว่า เป็น “ประตู” หรือ “ล้ำหน้า” ยิ่งไปกว่านั้นกว่าจะรู้ว่า “ล้ำหน้า” เชื่อว่าต้องมาดูภาพช้ากันอีกครั้ง

นอกจากนั้น ช่วงท้ายเกมที่เราถูกนำ 1-2 เราก็มีโอกาสได้ประตูตีเสมอ ในจังหวะที่ “ชนาธิป สรงกระสินธ์” ยิงแล้วชนเสาเด้งไปเข้าทาง “ธนา ชะนะบุตร” คนทำประตูแรกให้ทีมชาติไทย ยิงเข้าไป แต่ก็เป็นจังหวะล้ำหน้า ถ้าจังหวะนั้นองศาของวิถีบอลที่ เมสซี่เจยิงเปลี่ยนไปแค่องศาเดียว ก็คงเป็นประตูแล้ว

รวมทั้งจังหวะที่ ธนา ได้บอลเลี้ยงผ่านผู้รักษาประตูยูเออี แต่มุมในจังหวะนั้นเหลือนิดเดียวทำให้บอลเข้าข้างประตูไปอย่างน่าเสียดาย

อีกทั้งในระหว่างพักครึ่ง ก่อนเกมคงไม่มีใครคิดว่า “ธนบูรณ์ เกษารัตน์” จะเจ็บเท้าพลิก และต้องให้ “ประทุม ชูทอง” ลงสนามแทน ซึ่งช่วงต้นครึ่งหลังถือว่าอันตรายและมีความเสี่ยงที่จะเสียประตู เรียกว่า “สมาธิหลุด” ไปนิดเดียว

เรื่องนี้บางทีก็ไม่มีเหตุผลหรือประโยชน์ที่จะมาว่าใครทำให้ทีมแพ้ เพราะเมื่อทีมไม่ชนะก็ต้องยอมรับว่า “ผิดทั้งหมด”

จริงๆการที่เราสามารถสู้ได้กับยูเออีขนาดนี้ ถือว่า “น่าพอใจ” แล้วกับทีมที่บุกเอาชนะ “ทีมชาติญี่ปุ่น” คาถิ่น หรือแพ้ “ทีมชาติออสเตรเลีย” แบบสูสีมา แต่แค่บางที ผลแพ้ชนะในเกมฟุตบอลก็มาจากเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผลประกอบกัน

มาถึงตรงนี้ ก็หวังว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้น่าจะเป็นบทเรียนอีกครั้งว่า “ฟุตบอลระดับเอเชีย” หรือ “ระดับโลก” มันเป็นสิ่งที่ไปไกลกว่าระดับ “ภูมิภาค” อย่างอาเซียนมาก ตั้งแต่เรื่องเล็กๆอย่าง “รูปร่างนักเตะ” ไปจนถึง “ความสามารถเฉพาะตัว” และเรื่องที่ต้องวางโร้ดแมปสร้างกันยาวๆคือ “เบสิก” ฟุตบอล

หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ควบคุมไม่ได้อย่าง “โชคและดวง” เรื่องที่มองเล็กๆน้อยๆพอมาประกอบกันก็เหมือน “จิ๊กซอว์” ถ้าขาดหายไปชิ้นเดียว อาจจะมองภาพที่ต่อเห็น แต่ก็ไม่สมบูรณ์แบบ

สุดท้ายถึงการคัดเลือกฟุตบอลโลกครั้งนี้ยังเหลืออีก 7 นัดให้ลุ้น ถึงจะได้ไปต่อในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายหรือไม่ได้ไป เชื่อว่าถ้าเอาเรื่องราวเหล่านี้มาศึกษา แก้ไข เรียนรู้อย่างจริงจัง

เชื่อว่าสักวันนึงอาจจะเร็วๆนี้หรืออีก 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี เราคงได้ไปฟุตบอลโลกจริงๆบ้างแหละครับ

แบงค์ พิพัช

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ ของ สกู๊ป : เจ็บเพื่อจำ ผิดเพื่อเรียนรู้ อีกครั้งกับ "ทีมชาติไทย"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook