บุรีรัมย์เถลิงคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ ถอนแค้นเจ้าท่า 2-0 นัดชิงโตโยต้า

บุรีรัมย์เถลิงคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ ถอนแค้นเจ้าท่า 2-0 นัดชิงโตโยต้า

บุรีรัมย์เถลิงคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ ถอนแค้นเจ้าท่า 2-0 นัดชิงโตโยต้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย สำหรับ ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่เถลิงคว้าทริปเบิ้ลแชมป์สุดยิ่งใหญ่ หลังเอาชนะการท่าเรือไทย เอฟซี ได้ 2-0 ในนัดชิงโตโยต้า ลีก คัพ 2011 ได้สิทธิ์ลงเตะพรีเมียร์คัพ พบ เวกัลตะ เซ็นได 18 ก.พ.นี้

การท่าเรือไทย เอฟซี 0 – 2 บุรีรัมย์ พีอีเอ


การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ 2011 นัดชิงชนะเลิศ ประจำวันเสาร์ที่ 4 ก.พ.55 ที่สนามศุภชลาศัย ซึ่งถือเป็นฟุตบอลถ้วยรายการสุดท้ายของเมืองไทยในฤดูกาล 2011 โดยคู่ชิงชนะเลิศในครั้งนี้เป็นการโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งของคู่ชิงเมื่อปีที่แล้ว ระหว่าง “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือไทย เอฟซี แชมป์เก่า พบกับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ พีอีเอ รองแชมป์เก่า ที่จะใช่ชื่อนี้ลงเล่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า

สำหรับวันนี้ได้รับเกียรติจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาเป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กก.ผจก.ใหญ่ บ.โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ และแขกผู้มีเกียรติอีกมากมาย มาร่วมเป็นเกียรติในการแข่งขันนัดนี้ด้วย

บรรยากาศก่อนเกมเป็นไปอย่างคึกคัก แฟนบอลของทั้งสองทีมและแฟนบอลทั่วไปต่างเข้ามารอชมเกมกันอย่างมากมาย จนทำให้สนามศุภฯ ดูเล็กลงไปถนัดตา สำหรับเกมนี้ด้าน “สิงห์เจ้าท่า” แม้จะมีปัญหาเรื่องการจัดตัวผู้เล่นเนื่องจากปัญหาภายในทีมที่เกิดขึ้น แต่ผู้เล่นที่ลงสนามวันนี้ก็ไม่ได้ขี้เหล่ นำมาโดย เกียรติเจริญ เรืองปาน,เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์ และสตีเฟ่น ร็อบบ์

ในขณะที่รองแชมป์เก่ามีปัญหาอย่างเดียวคือเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน แฟรงค์ อาชิมปง หัวหอกตัวจี๊ดชาวกาน่า ที่ติดโทษแบน ส่วนในรายอื่นๆ ลงสนามกันครบครันทั้ง รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค,สุเชาว์ นุชนุ่ม และ ฟรองค์ โออองด์ซ่า โดยก่อนเกมจะเริ่มขึ้นได้มีการยืนไว้อาลัยให้กับการจากไปของ “น้าเหม่ง” ประพล พงษ์พานิช กุนซือทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ครั่งล่าสุด ที่ได้เสียชีวิตลงไปเมื่อวานที่ผ่านมา (3 ก.พ.) ด้วย

เริ่มเกมการแข่งขันเป็นทางด้านบุรีรัมย์ พีอีเอ ที่ได้เขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อน แต่ด้วยสภาพสนามที่เฉอะแฉะเนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักก่อนที่เกมจะเริ่มขึ้นประมาณ 1 ชม.ทำให้การต่อบอลขึ้นไปทำเกมของทั้งสองทีมยังเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยส่วนใหญ่จะเสียบอลกันเองที่กลางสนาม

ผ่านไป 10 นาที ทั้งสองทีมยังไม่มีจังหวะได้ลุ้นประตูมากนัก เนื่องจากสภาพสนามที่ไม่อำนวย เป็นทางฝั่งบุรีรัมย์ ที่ครองเกมได้มากกว่า แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ น.11 กลับเป็นแชมป์เก่าท่าเรือที่ได้ลุ้นก่อน จากฟรีคิกริมกรอบโทษฝั่งขวา มงคล นามนวด เปิดฟรีคิกมาในเขตโทษและเป็น เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์ ที่โฉบมาโหม่งเสาแรกแต่บอลนั้นไม่ตรงกรอบ

และแล้วมาถึง น.21 แฟนบอลเซาะกราวของบุรีรัมย์ ก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ปั่นฟรีคิกอย่างสุดสวยริมกรอบโทษฝั่งขวา บอลนั้นโค้งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างเหลือเชื่อให้บุรีรัมย์ พีอีเอ ขึ้นนำไปก่อน 1-0

หลังจากได้ประตูขึ้นนำบุรีรัมย์ ก็เน้นครองบอลให้อยู่กับตัวมากที่สุด ทางท่าเรือเองก็อาศัยรอดักจังหวะและสวนกลับเร็ว แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก น.37 สราวุฒิ คงเจริญ กองหน้า “สิงห์เจ่าท่า” ตัดบอลได้ตรงกลางก่อนจะเลี้ยงตัดเข้าในแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ โดนแผงหลังของบุรีรัมย์ สกัดออกไปได้ก่อน

น.40 การท่าเรือ มาได้ฟรีคิกระยะ 30 หลาหน้าเขตโทษ มงคล นามนวด วิ่งเข้ามาซัดเต็มข้อบอลนั้นงพุ่งแรงกำลังจะเสียบใต้คาน แต่ยังดีที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายทวาร “ปราสาทสายฟ้า” ยังกระโดดรับเอาไว้ได้ ต่อมา น.42 ท่าเรือบุกหนักและมาได้ลุ้นจากลูกยิงไกลของ คิม บาวี แต่บอลไปตรงตัว ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน รับเอาไว้ได้

ช่วงท้ายเกมการท่าเรือไทย เอฟซี ได้โหมบุกอย่างหนักหวังทวงประตูตีเสมอให้ได้ก่อนหมดครึ่งแรก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำอะไรบุรีรัมย์ ได้ จบครึ่งแรกเป็นทาง บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่นำ การท่าเรือไทย เอฟซี อยู่ 1-0

ในครึ่งเวลาหลังบุรีรัมย์ เปลี่ยนเอา อดิศักดิ์ ไกรษร ลงมาแทน สุรัตน์ สุขะ ในขณะที่การท่าเรือยังคงใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากในครึ่งเวลาแรก น.51 บุรีรัมย์ มาได้ฟรีคิกริมเขตโทษฝั่งซ้ายเกือบถึงสุดเส้นหลัง สุเชาว์ นุชนุ่ม ปั่นด้วยขวาบอลโค้งเกือบจะเข้าในลักษณะเดียวกันกับประตูแรกแต่ก็หลุดเสาออกไปอย่างได้เสียว

น.53 จักรพันธ์ แก้วพรม ได้สับไกลยิงระยะ 35 หลา บอลพุ่งตรงกรอบ แต่ มุนเซ่ อุลริช ประตูท่าเรือ ก็บินปัดข้ามคานออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม เกมโดยรวมยังคงเป็นของบุรีรัมย์ พีอีเอ แต่ก็ยังไม่มีประตูที่สอง เกมผ่านไป 60 นาที สกอร์ยังไม่ขยับ

ผ่านมา 70 นาที ก็ยังเป็นบุรีรัมย์ ที่ครองบอลได้ดีกว่าอย่างชัดเจน จนการท่าเรือแทบจะหาบอลไม่เจอ และก็ไม่มีจังหวะหวาดเสียวมากนัก มาถึง น.74 ทั้งสองทีมเปลี่ยนตัวผู้เล่นกันฝั่งละคน ท่าเรือ ส่ง วิศรุต ไวงาน ลงมาแทน อิทธิพล นนท์ศิริ ส่วน บุรีรัมย์ ก็เอา กีรติ เขียวสมบัติ ลงมาแทน บูบ้า แอ็บโบ้

น.76 สตีเฟ่น ร็อบบ์ ของท่าเรือเลี้ยงบอลจี้เข้าหาเขตโทษก่อนจะยิงมุมแคบ แต่ ศิวรักษ์ ก็ยังยืนตำแหน่งดี ปัดออกไปได้ เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย บุรีรัมย์ ลงไปแพ็กเกมรับกันแน่นทั้ง 11 คนอยู่ในแดนตัวเอง ปล่อยให้ท่าเรือ ได้ทำเกมรุกขึ้นมาแต่ก็จะมาเสียบอลกันเองในพื้นที่สุดท้าย

ช่วงท้ายเกมท่าเรือพยายามโหมบุกอย่างหนัก และจากจังหวะลูกเตะมุมของท่าเรือในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นักเตะท่าเรือทั้ง 11 คนนั้นเข้าไปอยู่ในเขตโทษ แต่สุดท้ายก็โดนบุรีรัมย์ สวนกลับ และเป็นคลาเรนซ์ บิทัง ตัวสำรองที่เพิ่งลงไปไม่กี่นาทีตัดบอลได้ที่กลางสนามแล้วตัดสินใจยิงไกล มุนเซ่ อุลริช นายทวารท่าเรือลงมาไม่ทันบอลกลิ้งเข้าประตูไป ให้บุรีรัมย์ พีอีเอ เอาชนะไปในที่สุด 2-0

ทำให้บุรีรัมย์ พีอีเอ คว้าแชมป์โตโยต้า ลีก คัพ 2011 ไปครองได้สำเร็จ และถือเป็นถ้วยใบที่ 3 ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย ที่บุรีรัมย์ พีอีเอ สามารถคว้าได้ 3 แชมป์ในปีเดียวกัน ซึ่งไม่เคยมีทีมไหนในเมืองไทยทำได้มาก่อน

สำหรับการคว้าแชมป์โตโยต้า ลีก คัพ ของบุรีรัมย์ พีอีเอ ในครั้งนี้ นอกจากจะได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศ ยังจะได้รับเงินรางวัล 5 ล้านบาท และได้สิทธิ์เป็นตัวแทนของสโมสรไทยที่จะได้ร่วมแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2011 กับทีมเวกัลตะ เซ็นได จากเจลีก ของประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ที่สนามศุภชลาศัย เวลา 17.30 น. ส่วนรองแชมป์การท่าเรือไทย เอฟซี รับเงินรางวัลไป 1 ล้านบาท

สำหรับรางวัลพิเศษอื่นๆ ในการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ 2011
รางวัลดาวซัลโว ได้แก่ วสันต นาทะสัน กองหน้าจากเชียงราย ยูไนเต็ด ยิงไป 8 ประตู รับรางวัลรถจัรยานยนต์ ยามาฮ่ามีโอ
รางวัลยิงเร็วที่สุด เป็นของรณชัย รังสิโย จากเทโรฯ ที่ใช้เวลาเพียง 3 นาที ได้รับรถจัรยานยนต์ ยามาฮ่ามีโอ
รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม ตกเป็นของ วีระวุฒิ กาเหย็ม จากเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ได้รับรถจัรยานยนต์ ยามาฮ่ามีโอ
รางวัลทีมแฟร์เพลย์ ได้แก่สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด รับรางวัลรถกระบะ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ไปครอง
และรางวัลสุดท้ายนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน ได่แก่ จักรพันธ์ แก้วพรม จากแชมป์บุรีรัมย์ พีอีเอ รับรางวัลรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด ไปครอง

สำหรับรายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

การท่าเรือไทย เอฟซี : มุนเซ่ อุลริช (GK),ทศพล ลาเทศ,มงคล นามนวด,เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์,สตีเฟ่น ร็อบบ์,ศิวกร จักขุประสาท,คิม บาวี,มาริโอ ดา ซิลวา,เกียรติเจริญ เรืองปาน (ภูดิท เนียมคง),อิทธิพล นนท์ศิริ (C) (วิศรุต ไวงาน น.73) และ สราวุฒิ คงเจริญ

บุรีรัมย์ พีอีเอ : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (GK),ธีราทร บุญมาทัน,เยเวส เอ็ควัลล่า เฮอร์มาน,จักรพันธ์ แก้วพรม,รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค,สุเชาว์ นุชนุ่ม (คลาเรนซ์ บิทัง น.87),อภิเชษฐ์ พุฒตาล (C),ฟรองค์ โออองด์ซ่า,บูบ้า แอ็บโบ้ (กีรติ เขียวสมบัติ น.74),โจเซฟ โอบาม่า และ สุรัตน์ สุขะ (อดิศักดิ์ ไกรษร น.46)

หลังจบเกมการแข่งขัน

ด้าน "โค้ชธง" ธงชัย สุขโกกี เฮดโค้ชทีมการท่าเรือ กล่าวว่า "เกมนี้เป็นเกมที่สนุก ยอมรับกับผลการแข่งขันที่ออกมา เรานั้นไม่เสียใจที่แพ้วันนี้ เเต่เป็นความผิดหวังมากว่า หลังจากนี้ตนเองก็จะขอวางมือจากการเป็นกุนซือของทีมท่าเรือ ตามที่ได้สัญญาเอาไว้"

ส่วนทางด้าน "โค้ชแต๊ก" อรรถพล ปุษปาคม กุนซือบุรีรัมย์ เผยว่า "การได้แชมป์วันนี้ถือเป็นรางวัลสุดยิ่งใหญ่ที่เราได้เหน็ดเหนื่อยกันมา หลังจากนี้ยังมีงานหนักรออยู่ในฤดูกาลหน้า ที่เราจะต้องรักษา 3 แชมป์นี้ไว้ให้ได้ และจะต้องทำผลงานในเอเอฟซี ชปล.ให้ดีที่สุดด้วย"

ในขณะที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ เผยว่า "สำเร็จแล้วกับ 3 แชมป์ที่เราต้องการ นี่ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการฟุตบอลไทย สุดท้ายต้องขอขอบคุณแฟนบอลบุรีรัมย์ที่คอยเป็นกำลังใจให้ทีมมาโดยตลอด"

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook