การประชุมครั้งนี้ ประกอบไปด้วย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ, คุณ ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ อุปนายกฝ่ายจัดการแข่งขัน, คุณ ธนะศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกฝ่ายสื่อสารองค์กร, คุณ กรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธานฝ่ายจัดการแข่งขัน ดิวิชั่น 2, มร. เบนจามิน ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายคลับ ไลเซนซิง และ คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ โฆษกสมาคมฯ และ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ

หลังการประชุม พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า “วันนี้เราได้หารือเรื่องการจัดการแข่งขันฟุตบอลฤดูกาล 2017 เรื่องใหญ่ก็คือ 1.การเปลี่ยนชื่อบริษัท ในทุกๆลีก จาก บริษัท พรีเมียร์ลีก ไทยแลนด์ เป็นบริษัท ไทยลีก เมื่อมีการเปลี่ยนชื่อ ก็มีการเปลี่ยนชื่อเรียกตามลีกต่างๆอย่างเป็นทางการ ลีกสูงสุดเราจะเรียกว่าไทยลีก รองลงมาก็ไทยลีก 2 ไทยลีก 3 และ ไทยลีก 4”

“เรื่องที่สองคือจำนวนทีมในแต่ละลีก ไทยลีกจะมี 18 ทีม ไทยลีก 2 มี 18 ทีม ส่วนไทยลีก 3 หรือแชมเปี้ยนชิพ จะมี 32 ทีม ส่วนไทยลีก 4 หรือ ลีกภูมิภาค เราจะแบ่งเป็น 6 โซน”

“เรื่องที่สามจำนวนผู้เล่นต่างชาติที่จะเข้ามาเป็นนักกีฬาแต่ละสโมสร ไทยลีก จะใช้โควต้า เดิมคือ 3+1 ส่วนลีกรองจะใช้ 3+1+1 โดยจะเพิ่มโควต้าอาเซียน ก็อยู่ที่ทีมไหนต้องการจะเพิ่มหรือไม่เพิ่มก็ไม่เป็นไร สมาคมฯจะให้สิทธิ์ตรงนี้”

“เรื่องที่ 4 เราได้พิจารณาว่าฤดูกาล 2019 จำนวนทีมในไทยลีกจะลดเหลือ 16 ทีม ซึ่งวันที่ 15 ธันวาคมนี้จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการณ์อีกครั้ง โดยจะแจ้งโรดแมพ การดำเนินจัดการแข่งขันของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในปี 2017 อย่างเป็นทางการอีกครั้ง เราจะเชิญสโมสรทุกสโมสรมาร่วมประชุมเพื่อรับทราบกติกาต่างๆที่เราจะนำมาใช้ในฤดูกาล 2017”

นอกจากนี้ คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ โฆษกสมาคมฯ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ในไทยลีกจะยังคงยึดชื่อเดิมไว้ ส่วนดิวิชั่น 1 จะเปลี่ยนมาเป็น “T2” ,ดิวิชั่น 2 ลีกแชมเปี้ยนชิพ “T3” และ ดิวิชั่น 2 ลีกภูมิภาค “T4” ส่วนดิวิชั่น 3 ที่นทีมสมัครเล่นยังไม่มีการยืนยัน”

“(เรื่องโควตาอาเซียน) ในไทยลีกตอนนี้คือยังเหมือนเดิมไปจนถึงปี 2018 ส่วนปี 2019 จะใช้ระบบเดียวกับลีกที่รองลงไป”

“ถ้าคุณมองว่านักเตะอาเซียนนั้นมีความสามารถ สร้างมูลค่าหรือใช้งานเขา 5 คนในสนาม สามารถใช้ได้เลย ส่วนปี 2019 ถ้าผลการทดลองใช้งานในลีกรองประสบความสำเร็จทำให้มูลค่าของลีกดีขึ้น ก็จะใช้ไทยลีกในปี 2019 เป็นต้นไป ปี 2019 ก็จะไม่สับสน คือลงทะเบียน 5 ลงเล่น 5 แต่ท่านสามารถลงทะเบียน 3+1 โดยไม่มีการบังคับ”

“ข้อดีของกฏนี้คือเราต้องการสร้างให้ไทยลีกเป็นศูนย์กลางภูมิภาคนี้ เราต้องการดึงความสนใจของแฟนบอล เหมือนที่ซูซูกิ คัพ หากเราได้นักเตะทีมชาติของเขามาเล่นในลีกของเรา มูลค่า การตลาด การถ่ายทอดสด ก็จะสามารถขายออกไป ถ่ายทอดสดไปยังต่างประเทศได้ ส่วนทีมสโมสรก็จะกลับมาที่ฟุตบอลทุกอย่างเลย สโมสรก็จะเป็นที่รู้จักของประเทศนั้นๆ ถ้านักเตะของทีมในอาเซียนเข้ามา คนในประเทศเขาก็จะสนับสนุนและดูทีมนั้นๆ การสปอนเซอร์ ก็จะเข้ามาจากต่างประเทศด้วย การเปิดในเชิงนี้เพื่อพัฒนา เพื่อให้เราเป็นศูนย์กลาง และเป็นลีกที่ดีที่สุดในอาเซียนได้ และทุกอย่าง เม็ดเงินก็กลับมาที่ฟุตบอล บางสโมสรมีปัญหาด้านการเงิน ก็จะมีเงินเพิ่มเติม ทุกอย่างก็จะกลับมาที่สโมสร”

“สำหรับเรื่องรายละเอียด การเปลี่ยนตัวเข้าออก จะมีการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนธันวาคม เพื่อตอบข้อซักถาม และขึ้นจอให้ดูเลยว่าการเปลี่ยนตัวเข้าออกยังไง”