ย้อนรอย 4 เหตุการณ์น่าจดจำของทีมชาติไทยใน AFF SUZUKI CUP

นับแต่ตั้งแต่มีการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพ มีหลากเรื่องราวที่น่าจดจำเกี่ยวกับทีมชาติไทยไม่น้อย ชวนย้อนนึกถึงเหตุการณ์น่าจดจำก่อนจะประวัติศาสตร์ใหม่จะถูกบันทึก

แชมป์แรกแห่งอาเซียน  
หลังจากฟุตบอลซีเกมส์มีการกำหนดอายุผู้เล่นไม่เกิน 23 ปี ทำให้อาเซียนคัพ มีความสำคัญต่อวงการ ลูกหนังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก โดยการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพหรือปัจจุบันในชื่อ aff suzuki cup จัดขึ้นทุกสองปีโดยสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1996 โดยใช้ชื่อ “ไทเกอร์ คัพ” มีสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพ  

ซึ่งในรายการนี้ประเทศไทยของเราได้แชมป์ครั้งแรกมาครองด้วยการเอาชนะมาเลเซีย 1-0 จากผลงานของตำนานดาวยิง ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชทีมชาติไทยในปัจจุบัน โดยทีมชาติชุดนั้นประกอบด้วยยอดนักเตะไทยมากมาย อาทิ ตะวัน ศรีปาน ยอดกลองกลาง ดุสิต เฉลิมแสง แบ๊กซ้ายในตำนาน ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของฟุตบอลไทย

อัลเฟรด effect
เรื่องเล่าของ อัลเฟรด - เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ กับวงการฟุตบอลไทยคล้ายสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงมาอย่างรุนแรง วูบไหว และหายไปอย่างรวดเร็ว  

อย่างไรก็ตาม ผลงาน 3 ปี ในนามทีมชาติของ “อัลเฟรด” ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในตำนานศูนย์หน้าของวงการฟุตบอลไทย โดยหลังแจ้งเกิดกับการคว้าแชมป์ซีเกมส์ที่เชียงใหม่ (1995) ในปีต่อมา ทีมชาติไทยคว้าแชมป์อาเซียนโดยมี “อัลเฟรด” เป็นซูเปอร์สตาร์ที่ผู้คนต่างพูดถึงความเก่งกาจและสไตล์กองหน้าที่เล่นเหมือนนักเตะยุโรป ยิ่งเมื่อเข้าคู่กับ “ซิโก้” ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของไทยในเวลานั้นอย่างเข้าขา ทั้งสองได้กลายเป็นคู่กองหน้าที่อันตรายมากที่สุดในอาเซียน

อัลเฟรด คว้ารางวัลรองเท้าทองคำจากทัวร์นาเมนต์นี้จากผลงานการทำไปทั้งหมด 7 ประตู น่าเสียดายอีกเพียงปีเดียวเท่านั้น “เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์” ได้อำลาวงการฟุตบอล เหลือไว้เพียงตำนานให้แฟนบอลได้จดจำ

แชมป์กู้ศรัทธา
ปี 2014 ฟุตบอลไทยอยู่ในบรรยากาศของความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ “ซิโก้” เข้ามาเป็นโค้ชทีมชาติไทยและทำการผลัดนักเตะโดยนำเอานักเตะเลือดใหม่เข้ามามากมายจนหน้าตาของทีมชาติไทยชุดนี้ไร้นักเตะตัว
หลักที่แฟนบอลคุ้นเคยไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตัด “ดัสกร ทองเหลา” กองกลางเพลย์เมกเกอร์ที่เป็นแกนหลักของไทยมาตลอดหลายปี หรือการขาดหายไปของ “ธีรศิลป์ แดงดา” ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งคนปัจจุบันที่กำลังค้าแข้งอยู่ที่สเปน

การขาดหายและความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลของแฟนบอลท่ามกลางวิกฤติศรัทธาของทีมชาติไทยที่ผลงานไม่ดีเหมือนแต่ก่อน เหล่านักเตะที่ขึ้นมาล้วนแต่เป็นวัยรุ่นที่ยังไม่พิสูจน์ตัวเองในระดับชาติ แต่ทว่าการณ์กลายกลับเมื่อเหล่าช้างศึกที่นำทีมโดย ชนาธิป สงกระสินธ์, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์ สร้างผลงานสุดยอดด้วยการคว้าแชมป์ และการสร้างสไตล์การเล่นที่เปิดมิติใหม่ให้ทีมชาติไทยด้วยวิธีการเล่นแบบ “โททอลฟุตบอล” จนหลายประเทศขนานนามว่านี่คือ “บาร์เซโลน่าแห่งอาเซียน” ซึ่งผลงานทั้งหมดของโค้ชซิโก้ รวมถึงเหล่าเตะเลือดใหม่ได้สร้างศรัทธาคืนกลับสู่วงการฟุตบอลไทย และกลายเป็นเสาหลักและความหวังให้แก่วงการฟุตบอลไทยจนทุกวันนี้    

ชิงชัยเพื่อเบอร์หนึ่งแห่งอาเซียน
ขุนพลช้างศึกทีมป้องกันแชมป์ทั้ง 23 คนเพื่อป้องกันแชมป์ซูซูกิคัพ 2016 ได้ประกาศออกมาแล้ว โดยโค้ชซิโก้ยังคงยึดแกนหลักชุดคัดบอลโลกแทบทั้งหมด และจากการแข่งขันฟุตบอลอาเซียน10 ครั้งที่ผ่านมา ทีมชาติไทยและสิงคโปร์คว้าแชมป์ได้เท่ากันคือ 4 ครั้ง โดยมีเวียดนามและมาเลเซียคว้าแชมป์ทีมละ 1 หน

ในการแข่งขันครั้งนี้หากทีมชาติไทยคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ก็จะทำให้สถิติของไทย ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน แน่นอนนี่ไม่ใช่สิ่งที่เคยเกิดขึ้น หากแต่ทัวร์นาเมนต์นี้คือความหวังอีกครั้งของชาวไทยที่จะสร้างประวัติศาสตร์และความทรงจำใหม่อันยิ่งใหญ่แก่วงการฟุตบอลไทย

โดยทีมชาติไทยจะลงแข่งขัน aff suzuki cup 2016 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ร่วมชมและเชียร์ทีมชาติไทยผ่านการถ่ายทอดสดได้ทางช่อง fox sports