ดาวิด ชิโนล่า "ตำนานผู้ฟื้นคืนชีพจากความตาย"

ดาวิด ชิโนล่า "ตำนานผู้ฟื้นคืนชีพจากความตาย"

ดาวิด ชิโนล่า "ตำนานผู้ฟื้นคืนชีพจากความตาย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หยุดหายใจไป 8 นาทีจากนั้นฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่ ถ้าไม่เป็นอัมพฤต สติสติสัมปชัญญะก็คงเลอะเลือน แต่คงมีน้อยรายที่จะโชคดีแบบ "ดาวิด ชิโนล่า" โคตรตำนานแห่งพรีเมียร์ลีก ที่ยังคงมี "ลมหายใจ"และ ใช้ชีวิตอยู่แบบปกติได้ต่อไป...

เมื่อวานนี้ 28 พฤศจิกายน เมื่อ 5 ปีก่อนอาจเป็นวันที่ 'แกรี่ สปีด' อดีตดาวเตะ นิวคาสเซิล ตัดสินใจปลิดชีวิตของตนเองด้วยการฆ่าตัวตายพร้อมกับทิ้งตำนานหลายเรื่องไว้ข้างหลัง

ทว่าย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมาวันนั้นเกือบจะเป็นอีกหนึ่งวันที่โลกลูกหนังรวมถึงสาวก "ทูน อาร์มี่" ต้องตกอยู่ในอารมณ์โศกเศร้า

ในขณะที่กำลังลงเล่นเกมการกุศลที่ฝรั่งเศสบ้านเกิดจู่ๆ ดาวิด ชิโนล่า อดีตพ่อค้าแข้งชื่อดังแห่งพรีเมียร์ลีก กลับล้มลงพร้อมกับหมดสติ แม้เพื่อนที่อยู่ในสนามจะพยายามตบหน้าเรียกเจ้าตัวแต่ก็ไร้ซึ่งซุ่มเสียง, ไร้ซึ่งการขยับเขยื้อนรวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจ

ในวันนั้นข่าวในฝรั่งเศสต่างประโคมข่าวการหวิดเสียชีวิตของ ชิโนล่า อย่างคับคั่ง อดีตพ่อค้าแข้งคนเก่งเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันชนิดที่ใครๆคิดก็ว่าไม่น่ารอด...แต่แล้วในวันนี้เจ้าตัวกลับรอดตาย "ปาฏิหารย์"



โชคยังดีที่พระเจ้ายังคงเมตตา และ นั่นทำให้ในวันนี้ 6 เดือนผ่านไป 'ดาวิด ชิโนล่า' สามารถฟื้นตัวจากอาการหัวใจวายพร้อมกับฟิตแข็งแรงเป็นปกติทั้งที่เคยหัวใจหยุดนิ่งก่อนจะมาพูดคุยในวันนี้กับเรา

"ผมเหมือนกับคนที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่" ชิโนล่า กล่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นครั้งแรก "ตอนนั้นผมกำลังวิ่งอยู่ในสนามและทันใดนั้นก็ "บูม!" หัวใจผมหยุดเต้น...ผมล้มลงแล้วใบหน้าก็ทิ่มไปที่พื้นหญ้าทันที"

ในวันนั้น ชิโนล่า รอดพ้นจากความตายฉิวเฉียด เจ้าตัวนั้นล้มและนิ่งสงบขณะกำลังลงเตะฟาดแข้งเกมการกุศล ในตอนแรกเพื่อนของเขาคิดว่า ชิโนล่า นั้นเล่นมุขทว่าเปล่าเลย...

นั่นคือวันที่ ชิโนล่า หวิดได้โดนมัจจุราชกระชากวิญญาณออกจากร่างจริงๆ

"พอผมล้มลงตอนแรกเพื่อนในสนามต่างคิดว่าผมอำเล่นจนมีคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า "เฮ้พวก...ฉันว่า ชิโนล่า คงไม่เอาเรื่องความตายมาล้อเล่นหรอก"

"หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าไปมุงดูร่างของผมซึ่งผมนั้นกัดลิ้นตนเองอยู่ แม้หนึ่งในเพื่อนจะพยายามเอามือเข้าไปสอดลิ้นแต่ผมก็ยังแน่นิ่งพร้อมกับหัวใจหยุดเต้นจนพวกเขาต้องรีบช่วยกันปั๊มหัวใจ"



มีรายงานว่าในตอนนั้นหัวใจของ ชิโนล่า หยุดเต้นนานถึง 8 นาทีแม้ทีมแพทย์จะพยายามนำเจ้าตัวส่งโรงพยาบาลพร้อมกับปั๊มหัวใจแต่ร่างของ ชิโนล่า ก็ยังคงแน่นิ่ง และ ไร้ซึ่งการโต้ตอบ

ทีมแพทย์เริ่มบอกให้คนรอบข้างนั้นทำใจ เสียงสะอึกสะอื้นเริ่มดังก้องกังวาลไปทั่วท้องห้องพยาบาล เพื่อนสนิทหลายรายต่างโศกเศร้า แต่แล้วในขณะที่กำลังทำการปั๊มหัวใจครั้งที่สี่ แล้ว "ปาฏิหารย์" ก็บังเกิด

ร่างที่แน่นิ่งของ ชิโนล่า กลับมามีชีพจรขึ้นอีกครั้งเปรียบดั่งนิยายชีวิตที่กำลังดำเนินมาถึงตอนอวสานอยู่แล้วทว่าผู้เขียนกลับเปลี่ยนใจพร้อมกับให้ซีรีส์เรื่องนี้ดำเนินต่อได้อีกคำรบ

หัวใจของ ชิโนล่า กลับมาเต้นอีกครั้งชนิดที่เกือบจะ "ม่องเท่ง" ไปแล้ว!

"หลังปั๊มหัวใจครั้งที่สามไม่ได้ผลพวกเขาเริ่มสิ้นหวัง ทีมแพทย์นั้นบอกกับเพื่อนผมว่า ดูเหมือนเขาจะไปแล้วแต่เพื่อนก็ยืนยันว่าจะขอยื้อชีวิตของผมต่อ เขายังบอกกับหมออีกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นผมเผชิญกับเรื่องหนักในชีวิต และ ครั้งนี้ก็น่าจะผ่านพ้นไปได้"

"หลังจากนั้นพอครั้งที่สี่แล้วปาฏิหารย์ก็บังเกิด หัวใจของผมกลับมาเต้นอีกครั้งก่อนที่หมอจะแจ้งให้ทุกๆคนทราบซึ่งพวกเขาต่างก็ดีใจ และ ร้องไห้กันใหญ่"



ชิโนล่า รอดพ้นจากความตายมาได้แบบฉิวเฉียดจากการทำบายพาสของคุณหมอ ซึ่งว่ากันว่าเจ้าตัวนั้นโชคดีสุดขีด เพราะ โดยปกติแล้วเมื่อขาดเลือดไปเลี้ยงสมองเป็นเวลานานหากไม่เป็นอัมพฤตก็คงเป็นอัมพาต

แต่ทุกวันนี้โคตรตำนานแห่ง นิวคาสเซิ่ล และ สเปอร์ส กลับสามารถที่จะพูดคุย และ ขยับเขยื้อนร่างกายได้ตามปกติ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า ตนเองนั้นยังมีความจำที่ดีเยี่ยมถึงเรื่องราวต่างๆยกเว้นเหตุการณ์ในวันนั้น

"ความทรงจำผมยังดีเยี่ยม ผมจำเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้แต่มีคนบอกว่าผมโชว์ลีลาระหว่างเกม และ ทำประตูได้ด้วย!"

"เพื่อนของผมยังบอกอีกว่า ผมบอกกับเพื่อนว่าผมรู้สึกไม่ดีระหว่างนั่งบนม้านั่งสำรอง แม้เพื่อนจะเตือนผมแล้วแต่ผมก็ไม่ฟังและยืนกรานที่จะลงเล่นท่าเดียว"

พูดซะยืดยาวขนาดนี้หากไม่เอ่ยถึงความหลังเรื่องฟุตบอลก็คงกระไรอยู่ ชิโนล่า ยังได้ย้อนกลับไปเปิดใจถึงสาเหตุที่แขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควรด้วยวัยเพียงแค่ 35 ปีกับเอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 2002 เป็นครั้งแรก

ในตอนนั้นมีหลายคนที่เรียกร้องให้เจ้าตัวนั้นเล่นต่อทว่าเจ้าตัวก็ไม่สนใจ ซึ่งถึงตอนนี้ อดีตแข้งจอมพริ้วก็ยอมรับครับว่า นั่นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาด และตนก็น่าจะอยู่วาดลวดลายบนสังเวียนไปอีกซัก2-3ปี

"ผมตัดขาดจากฟุตบอลในตอนนั้น เพราะ ผมรู้สึกหมดไฟ และ ก็ตกลงร่วมกันกับภรรยา แต่ถึงตอนนี้ผมเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้นนะ เพราะจะว่าไปผมก็ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บอะไรเลย"



"ซึ่งนั่นก็คงเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมนั้นหัวใจวายในเวลาต่อมา เพราะ หลังจากนั้นเมื่อคุณไม่ได้เป็นนักกีฬาคุณก็จะปล่อยตัวไม่ออกกำลังกาย และ ออกไปดื่มเบียร์กับเพื่อน หรือ สูบบุหรี่กี่มวนก็ได้ตามต้องการ และนั่นก็ส่งผลต่อสภาพหัวใจ"

สุดท้ายนี้เหตุการณ์ในครั้งนี้ว่ากันว่าเปลี่ยนแปลงชีวิตของ ชิโนล่า ไปตลอดกาล หลังจากหัวใจวายไปเมื่อ 6 เดือนก่อนปัจจุบัน ชิโนล่า ปฏิบัติตัวราวกับคนละคน

จากที่เคยดื่มก็ตัดขาดกับมันถาวร จากที่เคยทำหน้าที่วิจารณ์ฟุตบอลรวมถึงไปชมเกมบ่อยๆแต่ปัจจุบัน ตำนาน สเปอร์ส รายนี้ก็แทบไม่ได้อินกับฟุตบอลเหมือนวันเก่า พร้อมกับคิดถึงความตายอย่างเดียว

"ในอดีตผมนั้นไม่เคยคิดถึงความตายมาก่อนแต่ทุกวันนี้ผมคิดถึงมันตลอด ผมไม่ได้อินกับฟุตบอลมากเหมือนเก่าเช่นกัน เพราะ ผมรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ทุกสิ่ง"

"หลังเหตุการณ์นั้นผมเฝ้าถามตนเองเหมือนกันว่า ทำไมผมถึงได้โอกาสให้มีชีวิตอยู่ครั้งที่สอง ผมกลายเป็นคนที่อ่อนไหว และ ศึกษาธรรมมากกว่าเดิม"

"ผมรู้สึกโชคดีจริงๆที่รอดมาได้ และ บางทีการที่ผมกลายเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมก็คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระเจ้ามอบโอกาสครั้งที่สองให้กับผมล่ะ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook