“ลีกคัพ” ที่มีความหมายต่อ “มูรินโญ่”

“ลีกคัพ” ที่มีความหมายต่อ “มูรินโญ่”

“ลีกคัพ” ที่มีความหมายต่อ “มูรินโญ่”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มาถึงรอบรองชนะเลิศกันแล้วสำหรับฟุตบอล “ลีกคัพ” หรือถ้าเรียกอย่างเป็นทางการก็ “อีเอฟแอล คัพ” โดยรอบนี้ขุนพลปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด” จะเจอกับหนึ่งเดียวจากลีกแชมเปี้ยนชิพ “ฮัลล์ ซิตี้” และหงส์แดง “ลิเวอร์พูล” ดวลกับเพื่อนร่วมลีกอย่าง “เซาแธมป์ตัน”

แน่นอนว่าฟุตบอลรายการนี้ไม่มีทีมใหญ่ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ด้วยเงินรางวัลอันน้อยนิดชนิดที่ว่าไม่พอจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะระดับท็อปของทีมใหญ่สัปดาห์เดียวได้เลย โดยแชมป์ได้แค่ 100,000 ปอนด์ และ รองแชมป์ได้ 50,000 ปอนด์ แถมเล่นต้องลงเล่นหลายนัดเป็นรอบๆ หลายทีม ยิ่งรอบรองชนะเลิศต้องเล่นเหย้าเยือนอีก จึงเลือกเก็บตัวผู้เล่นไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าจะดีกว่า

ในส่วนของขุนพลปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด” ของ “โจเซ่ มูรินโญ่” รอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาในการเจอกับขุนค้อน “เวสต์แฮม” ที่ก่อนหน้านี้ เสมอมาในลีกแบบไม่น่าให้อภัย 1-1 ก็สามารถแก้ตัวได้ด้วยเปิดบ้านอัดคู่แข่งกระจาย 4-1 จาก “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช” และ “อ็องโตนี่ มาร์ซิยัล” คนละ 2 ลูก

เกมนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อทีมของน้ามู ทั้งการที่เจ้าตัวได้ใช้โทษแบนจากเอฟเอในกรณีที่ไม่เตะขวดน้ำด้วยการไปนั่งบนอัฒจรรย์ให้จบๆไป หรือการที่ได้เห็น “ความมั่นใจ” ของผู้เล่นหลายๆคนในเกมนี้ที่ก่อนหน้านี้ “ไม่มีอนาคต” หรือ “ความมั่นใจ” ให้เห็นเลย

ทั้ง “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช” ที่กลับมาเป็นเพชรฆาตตามเดิม หรือ “อองโตนี่ มาร์ซิยัล” ที่กลับมาเรียกความั่นใจของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งด้วยการยิงประตู

ขณะที่ “เฮนริค มคิตาร์ยาน” ถ้าได้ดูภาพการเล่นของแนวรุกชาวอาร์เมเนียคนนี้จะเห็นว่าสามารถปรับตัวเข้ากับระบบทีมได้ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะจังหวะส่งบอลซึ่งเป็นคนส่งให้ “มาร์ซิยัล” ยิงประตูที่ 2 ให้กับทีม หรือจังหวะที่ไม่มีบอลอยู่กับตัวก็สามารถหลอกและสกรีนนักเตะคู่แข่งให้เป็นประโยชน์กับทีม

ส่วนปีศาจหมูอย่าง “เวนย์ รูนีย์” จริงๆถ้าใครได้ดูเจ้าตัวลงสนามก่อหน้านี้ ต้องยอมรับว่านี้คือ “เหยื่อ” อันโอชะของบรรดาสื่อและแฟนบอลฝั่งตรงข้ามในอังกฤษ เพราะถึงแม้จะไม่ได้เป็นกองหน้าตัวเป้า ยิงประตูเกือบทุกนัดเหมือนสมัยก่อนด้วยอายุที่มากขึ้นหลัก 3 แต่ก็สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมไม่น้อย โดยเฉพาะการออกบอล ส่งบอล หรือสร้างจังหวะให้กับแนวรุกของทีม ไม่นับ “ความเร็ว” ในการวิ่งด้วย 2 กีบของเจ้าตัวที่ยังว่าเร็วกว่านักเตะหลายคนในลีกด้วยซ้ำ

มาที่ “อังแดร์ เอร์เรร่า” ที่นัดนี้เป็นอีกนัดที่เจ้าตัวเล่นดี ด้วยสไตล์ที่เป็นเด็กหัวไว คิดเร็วทำเร็ว แค่ก่อนหน้านี้ถูกปรัชญาของจอมปรัชญาคนก่อนครอบงำจึงไม่กล้าออกบอลไปข้างหน้ามาก แต่เมื่อเจ้าตัวสามารถเล่นได้ตามใจปรารถนา มีอิสระในการเล่นมากกว่า เลยกลายเป็นคนที่คอยเชื่อมบอลสวยๆหลายจังหวะรวมทั้งการส่งบอลให้ “อิบรา” ยิงลูกที่ 4 ให้กับทีม

ที่สำคัญเกมนี้เป็นการปลดแอก “บาสเตียน ชไวน์สไตรเกอร์” ที่ก่อนหน้านี้น้ามูจำดองเพราะเคมีไม่เข้ากัน ซึ่งเกมนี้มีส่วนกับประตูที่ 4 เชื่อว่าการที่น้ามูยอมถอย กลืนน้ำลายตัวเองเอาอดีตมิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกกลับมา จะทำเป็นผลดีกับทีมไม่ต่างจากการได้นักเตะเกรดสูงคุณภาพเยี่ยมคนใหม่ที่มาคอยแบ็กอัพให้กับทีม

นอกจากนั้นเกมนี้ถือว่าเป็น “บททดสอบ” ทางด้านจิตใจที่สำคัญของนักเตะภายในทีม เพราะถูกตีเสมอในโอกาสแรกที่คู่แข่งมีโอกาสยิงในช่วงครี่งแรก เป็นใครก็หดหู่ แต่ก็กลับมาได้ไม่ว่าจะมาจากการการปลุกเร้าของน้ามูในห้องแต่งตัวหรืออะไรก็ตามตามที่น้ามูให้สัมภาษณ์ ถือว่าเกมนี้สามารถสร้าง “แรงบวก” ให้กับทีมก่อนที่จะเข้าช่วงหนักของฟุตบอลอังกฤษที่ไม่เบรกหนีหนาว

ดังนั้นรายการนี้ใครจะว่าอะไรก็แล้ว กับ “มูรินโญ่” ถือว่ามีความหมายมากเพราะส่งผลให้ดีให้กับทีม และบางทีอาจจะเป็นรายการเดียวที่ทีมได้ “แชมป์” ในฤดูกาลนี้ที่พยุงเก้าอี้ของเจ้าตัวอยู่กับทีมต่อไปหลังจบฤดูกาลนะครับ

โดย แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook