"Derby della Capitale" ศึกวันโรมเดือด!!

กรุงโรม เป็นเมืองที่อยู่คู่กับการต่อสู้มาตลอด ตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจ จากเหล่ากลาดิเอเตอร์ผู้ห้าวหาญ มาจนถึงรุ่นทายาทของพวกเขา

การต่อสู้ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก พวกเขายังคงดวลกันตัวต่อตัวเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนสังเวียนจากโคลอสเซียม มาเป็นทุ่งหญ้าสีเขียว

ใช่แล้วครับ ผมกำลังหมายถึง ลาซิโอ VS โรม่า หรือ ดาร์บี้แมตช์แห่งเมืองหลวง (Derby della Capitale) ครั้งที่ 181 คืนวันนี้

ถ้าจะว่าไปแล้ว ชื่อเสียงและนักเตะของทั้งคู่ ก็ไม่ได้เป็นรองใครหน้าไหนในแผ่นดินอิตาลี แต่มันช่างน่าประหลาดใจเสียจริง ที่ทั้งสองทีม คว้าแชมป์ลีกรวมกันได้แค่ 5 สมัย เท่านั้นเอง น้อยกว่าทีมเล็กๆ บางทีม เสียด้วยซ้ำ

ครั้งล่าสุด ที่คู่ปรับแห่งกรุงโรม ได้นอนกอดสคูเด็ตโต้นั้น เป็นการคว้าแชมป์ 2 ปิติดต่อกัน (ลาซิโอ 1999-2000, โรม่า 2000-01)

 

ถึงแม้ว่าหลายปีที่ผ่านมา การลุ้นแชมป์สคูเด็ตโต้ จะคุยกันแค่ยูเวนตุส หรือ 2 ทีมเมืองมิลาน แต่มันก็ไม่เคยทำให้ดีกรีความระอุลดลงแม้แต่น้อย เมืองหลวงแห่งนี้ยังคงลุกเป็นไฟทุกครั้ง เมื่อทั้งสองทีมนี้พบกัน

ลาซิโอ ตามศักดินาแล้ว ถือว่าเป็นพี่ เพราะก่อตั้งเมื่อปี 1900 ขณะที่โรม่า เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างสโมสรต่างๆเป็นทีมเดียวในปี 1927 ตามนโยบายของเบนิโต มุสโสสินี ผู้นำในขณะนั้น

แต่ทว่า ลาซิโอ เป็นทีมเดียว ที่ไม่โดนยุบทีม ด้วยการช่วยเหลือของจอร์โจ้ วัคคาโร่ นายพลแห่งกองทัพฟาสซิสม์

และนั่นคือ ปฐมบทของ “โรม ดาร์บี้” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ดาร์บี้นัดแรก เกิดขึ้นเมื่อ 8 ธันวาคม 1929 ที่บ้านของลาซิโอ ผลปรากฎว่า โรโดลโฟ โวล์ค ทำประตูชัยให้ “จัลโล่รอสซี่” บุกมาชนะ 1-0 ส่วนชัยนะนัดแรกของลาซิโอในดาร์บี้ ต้องรออีกเกือบ 3 ปี คือในเดือนตุลาคม 1932 กับชัยชนะ 2-1 ในบ้านตัวเอง

 

ความตึงเครียดระหว่างแฟนบอลสองสโมสรเริ่มสูงขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างอวดอ้างว่า ข้านี่แหละคือ ตัวแทนแห่งโรม ตัวจริงเสียงจริง ส่วนอีกฝ่ายนั้น ถูกกล่าวหาว่า ไม่ใช่โรมันแท้ๆ

แฟนบอลของลาซิโอ แรกเริ่มเดิมที เป็นกลุ่มของคนรวย ถึงระดับเศรษฐี ก่อนที่จะค่อยๆกลายพันธุ์ เมื่ออุดมการณ์ทางการเมืองเข้ามาแทรก นั่นคือลัทธิฟาสซิสม์ ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมขวาจัดหัวรุนแรง เหยียดสีผิวและเชื้อชาติ เป็นพวกที่แสดงพฤติกรรมที่เหยียดหยามความเป็นมนุษย์

ทางด้านโรม่า มีฐานแฟนบอลเป็นกลุ่มชนชั้นแรงงาน และนับถือลัทธิสังคมนิยม ซึ่งอยู่ตรงข้ามแบบคนละขั้วกับพวกฟาสซิสม์ รวมถึงมีฐานแฟนบอลมาจากกลุ่มชาวยิวที่อาศัยอยู่ในโรมด้วย

แน่นอนครับ ทั้งคู่เปรียบเสมือนลิ้นกับฟัน ที่พบกันทีไรก็เรื่องใหญ่ มีเหตุการณ์วุ่นวายขายปลาช่อนของแฟนบอลทั้งสองทีม เกิดขึ้นในอดีตบ่อยครั้ง

สำหรับการพบกันในวันอาทิตย์นี้ เมื่อเหลือบไปดูตารางคะแนนแล้ว ยิ่งทำให้ดาร์บี้แมตช์นัดนี้ มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีกหลายเท่า

 

เจ้าบ้าน อินทรีฟ้า-ขาว อยู่อันดับ 4 ตามหลัง หมาป่าเหลือง-แดง ที่รั้งรองจ่าฝูง เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น

แถมแมตช์ถล่มกรุงโรมนัดนี้ ยังเป็นการดวลกันระหว่าง 2 กองหน้าที่ดีที่สุดของทั้งสองทีมอีกด้วย นั่นคือ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ปะทะกับ เอดิน เซโก้

กองหน้าชาวอิตาเลียนของลาซิโอ สวมเสื้อหมายเลข 17 ยิงได้ 9 ประตู ในฤดูกาลแรกกับทีม ขณะที่ดาวยิงบอสเนียของโรม่า ตัวเลขกลับกันครับ เสื้อหมายเลข 9 แต่ยิงไปถึง 17 ตุง

ดาร์บี้แห่งกรุงโรม ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันฟุตบอลธรรมดาๆ นัดหนึ่ง เพราะการแสดงออกของเหล่าแฟนบอลทั้งสองทีม ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง และการเตรียมพร้อมการปะทะจากหน่วยปราบจลาจลของตำรวจ

โอลิมปิโก้ สเตเดี้ยม ก็คงจะเปรียบเสมือนกับโคลอสเซี่ยมแห่งยุคสมัยใหม่ ชัยชนะในดาร์บี้ ก็เปรียบเสมือนการพิชิตกรุงโรม เช่นเดียวกัน