"3 หนุ่ม 3 มุม กับ 3 บทพิสูจน์"

"3 หนุ่ม 3 มุม กับ 3 บทพิสูจน์"

"3 หนุ่ม 3 มุม กับ 3 บทพิสูจน์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปี 2016 ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ยังทำผลงานได้โดดเด่นในระดับอาเซียน แต่ไม่อาจก้าวขึ้นมาเทียบชั้นในระดับหัวแถวของเอเชียได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าเจาะเป็นรายบุคคล ต้องบอกว่ามี 3 แข้ง "ช้างศึก" ที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น มีสตอรี่เรื่องราวที่น่าสนใจ และน่าจับตามองว่า ฤดูกาลใหม่ 2017 จะเป็นอย่างไรต่อไปกับบทพิสูจน์ที่รออยู่?

"เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์

"เจ้าลิงน้อยสอยนางฟ้า" แนวรุกตัวจี๊ดที่สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเสมอต้นเสมอปลาย ทั้งในสีเสื้อสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด และทัพ "ช้างศึก" ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา

โดยเฉพาะในรายการชิงเจ้าอาเซียน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ แจ้งเกิดได้อย่างสง่างามเต็มตัว ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัล "เอ็มวีพี" หรือนักเตะทรงคุณค่าประจำทัวร์นาเมนต์ได้ 2 สมัยติดกัน ซึ่งถือว่าเป็นนักเตะไทยคนแรกและของอาเซียนอีกด้วย

จากผลงานสม่ำเสมอของ “เจ” ทำให้ไปเตะตาสโมสร “คอนซาโดเล่ ซัปโปโร่” ทีมน้องใหม่ใน เจลีก ญี่ปุ่น ที่บินมาเจรจาทาบทามยืมตัวจากต้นสังกัด เมืองทอง ยูไนเต็ด ถึงถิ่นเอสซีจี สเตเดี้ยม

 dd

ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน “เจ” เคยได้รับโอกาสในการทดสอบฝีเท้ากับ “ชิมิสึ เอสพัลส์” สโมสรในระดับเจลีก (ในเวลานั้น) เช่นกัน แต่สุดท้ายการย้ายทีมก็ไม่เกิดขึ้น

ทว่า ณ เวลานี้ “เจ” ได้บินไปเซ็นสัญญา 1 ปีครึ่งกับ “คอนซาโดเล่ ซัปโปโร่” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มไปค้าแข้งให้กับทีมน้องใหม่เจลีกตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป

ถ้าพูดถึงระดับฝีเท้าของ “เจ” ในระดับไทยลีก คงไม่มีใครปฏิเสธ แต่การไปเล่นฟุตบอลต่างแดนนั้นยังเป็นเครื่องหมายคำถาม?

เพราะไม่ใช่แค่การตื่นเช้าไปสนามฝึกซ้อม และกลับมานอนพักผ่อน แล้วรอวันจะได้ลงสนามแข่ง แต่มีเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการกินอยู่ สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีม และหนึ่งในอุปสรรคสำคัญคือความคิดถึง จนทำให้นักเตะไทยหลายคนเจอโรค “โฮมซิก” มานักต่อนัก

นอกจากนั้น ในเรื่อง “ภาษา” ถือว่าสำคัญไม่น้อย เพราะต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ถ้าพูดไม่ได้ ฟังไม่เข้าใจ ทุกอย่างก็ยากไปหมด

ถึงตอนนี้ “เจ” คงต้องเตรียมกาย เตรียมใจ และเตรียมทุกอย่างให้พร้อมที่สุดเพื่อจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า นักเตะไทยก็มีดีไม่แพ้ชาติใดในโลก ส่วนผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร แฟนบอลคงต้องติดตามและเอาใจช่วยกันต่อไป

“ปีโป้” สิโรจน์ ฉัตรทอง

 f

ดาวยิง “ช้างศึก” ป้ายแดงที่ถูก “ซิโก้” เรียกตัวมาติดทีมชาติแบบเซอร์ไพรส์ทั้งที่เจ้าตัวยังเล่นอยู่ในดิวิชั่น 1 กับ อุบล ยูเอ็มที เท่านั้น แถมยังไม่เคยติดธงระดับเยาวชนหรือนักเรียนไทยมาก่อน แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่บู๊ ดุดัน ปั่นป่วนแผงหลังคู่แข่งได้เป็นอย่างดี จนไม่อาจหลุดรอดสายตาของ “ซิโก้” ไปได้

ซึ่ง “ปีโป้” ก็ไม่ทำให้ “ซิโก้” และแฟนบอลชาวไทยผิดหวัง เมื่อมีส่วนสำคัญพาทัพ “ช้างศึก” ผงาดคว้าแชมป์อาเซียนเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในรอบชิงชนะเลิศ นัดสอง ที่ชนะ อินโดนีเซีย 2-0 เมื่อจัดการยิงคนเดียว 2 ประตู จนกลายเป็นขวัญใจคนใหม่อย่างรวดเร็ว

จากการฉายแววยอดดาวยิงในอนาคต ทำให้ “ปีโป้” ได้รับความสนใจจาก มาดูรา ยูไนเต็ด หรือชื่อเดิมคือ เปอร์ซิบาซี บันดุง ที่โลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดแดนอิเหนา ต้องการคว้าตัวดาวยิงวัย 24 ปีไปล่าตาข่าย

อย่างไรก็ตาม ต้นสังกัดอย่าง อุบล ยูเอ็มที ได้ออกมาปฏิเสธขาย “ปีโป้” เพราะต้องการให้อยู่ช่วยทีมไล่ล่าความสำเร็จกับสโมสรแดนอีสานต่อไป หลังจากเป็นกุญแจสำคัญในการพาทีมขึ้นชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ

ศึกไทยลีก 2017 จึงเป็นบทพิสูจน์ของ “ปีโป้” ว่าจะแกร่งและดีพอยืนหยัดบนเวทีสูงสุดได้แค่ไหน จะสามารถพัฒนาและเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้มากน้อยเพียงใด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเอง

“ตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์

 da

ชีวิตเปลี่ยนในชั่วข้ามปีหลังยกโขยงกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา จาก บีอีซี เทโรศาสน มาอยู่กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด เพียงแค่ฤดูกาลเดียว

“เจ้าตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ก็ถูก “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด ทุ่มทุนซื้อไปร่วมทัพด้วยค่าตัวประวัติศาสตร์เป็นสถิติแพงสุดของวงการฟุตบอลเมืองไทยในสนนราคา 50 ล้านบาทขาดเกินไม่มาก

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า นักเตะแนวรับกึ่งมิดฟิลด์ จะมีค่าตัวพุ่งกระฉุดถึงเพียงนี้ แม้ว่าผลงานของ “เจ้าตั้ม” จะโดดเด่นและคงเส้นคงวาทั้งในสโมสรเมืองทอง และทีมชาติไทยก็ตามที

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าในฤดูกาล 2017 “ธนบูรณ์ เกษารัตน์” จะถูกจับตามองถึง “ฝีเท้า” ว่าจะคุ้มกับ “ค่าตัว” หรือไม่อย่างไม่ต้องสงสัย

คอลัมน์ลูกหนังป้ายแดง โดย "เชส ฟาเบรก๊อต"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook