รีวิวพรีเมียร์ ลีก (วีก2) / โดย..ดามัน

กลับมารีวิวกันอีกครั้งกับพรีเมียร์ ลีก สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อะไรที่สำคัญๆ เกิดขึ้นบ้างหลังจากตามจับตามองกันแล้ว

เอ็มมานูเอล ฟริมปง...

เป็นเพราะขาดประสบการณ์ ทำให้ลืมยั้งคิดอะไรไปชั่ววูบ แน่นอนว่า ฟริมปง สร้างใบเหลืองที่ 2 ให้กับตัวเองแบบคิดให้รอบคอบ ต้องละเอียดมากกว่านี้กับทุกจังหวะที่เล่น

เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องโดนตะเพิดออกจากสนามไป แต่อย่าเพิ่งตัดสินฟริมปงกันที่การโดนไล่ ผลงานก่อนหน้านั้นต้องถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเกมของปืนโต

หน้าที่หลักคือการตัดเกมของลิเวอร์พูล และฟริมปงทำได้เด็ดขาด รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแกร่งกว่ามิดฟิลด์ลิเวอร์พูลอย่างเห็นได้ชัด

แถมการเปิดเกมรุกของฟริมปงก็ยังทำได้ดีกว่าเพื่อนร่วมทีมหลายคนที่มีหน้าที่โดยตรง เพราะฉะนั้นการโดนไล่ออกจากสนาม จึงไม่ใช่อะไรที่จะตัดสินฟริมปง ยังมีดีให้เห็นกันอีกเยอะแน่นอน

คิวพีอาร์...

ต้องฉลองกันอย่างแรงสำหรับแฟนบอลคิวพีอาร์ เปิดสนามด้วยการโดนโบลตันถล่มเล่นเอาจิตป่วนไปตามๆ กัน คงต้องปรบมือให้ นีล วอร์น็อค และลูกทีมทุกคนที่สามารถหยุดเรื่องเลวร้าย ไม่ให้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจนรับมือไม่ไหว

พลาดแล้วกลับมาเก็บ 3 แต้มได้ในนัดต่อไป ต้องถือว่าเป็นเรื่องน่าชื่นชม และสำคัญอย่างมากต่อทีมคิวพีอาร์ การเดินทางมาเยือนกูดิสัน ปาร์ค เชื่อได้เลยว่าสภาพจิตใจของนักเตะคิวพีอาร์เหมือนคนป่วยแน่นอน

แต่ประตูของ ทอมมี่ สมิธ เป็นยาดีที่ฉีดเข้าไป 1 ตุง ให้นีล วอร์น็อคและแฟนบอลหายปวดหัวเป็นปลิดทิ้ง

ซามีร์ นาสรี่...

แฟนบอลอาร์เซนอลที่แช่งชักหักกระดูกซาเมียร์ นาสรี่ เอาไว้ คงต้องให้ความนับถือกันมากกว่านี้ มีนักเตะในทีมปืนโตหลายคนที่ต้องการย้ายออกไปจาก เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ลุล่วงไปแล้วบ้าง ยังคั่งค้างก็มีให้เห็น

แต่การลงเล่นของนาสรี่ ท่ามกลางกระแสการย้ายทีมที่เชี่ยวกราก พร้อมกับความทุ่มเทให้เกินร้อย หัวจิตหัวใจขนาดนี้มีไม่มากนัก

พร้อมกับข่าวคราวย้ายหรือไม่ย้าย หรือวันไหนกันแน่ สามารถตัดสินทุกอย่างได้ในนัดเจอกับ อูดิเนเซ่ ในเพลย์ออฟนัดที่ 2 กลางสัปดาห์นี้ เพราะถ้าลงเล่นนาสรี่จะติดคัพไท ทันที

ถ้าให้เดาก็ฟันธงลงไปได้เลยว่านาสรี่จะไม่ลงเล่นในนัดนี้ พร้อมกับการตัดสินย้ายทีมแน่นอน แต่ถ้าลงไปวิ่งหน้าระเหยอยู่ก็คงจบเช่นกันว่า นาสรี่จะอยู่จนหมดสัญญาแล้วย้ายฟรี

นิวคาสเซิล...

เจ๊าอาร์เซนอลพร้อมกับเรื่องราวเดือดๆ ในสนาม ตามด้วยการเอาชนะซันเดอร์แลนด์ซึ่งเป็นนัดดาร์บี้แมตช์บ้านใกล้เรือนเคียง ถือว่าเหนือความคาดหมายของใครหลายคนที่สาลิกาสามารถรวบ 4 แต้ม ใน 2 นัด

สิ่งหนึ่งที่เห็นกันชัดเจน นักเตะนิวคาสเซิลเล่นกันแบบรวมใจกันได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหาเกือบไม่ได้แล้วในฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อสปิริตของนักเตะ สปิริตของทีมกลับคืนมา มันมักจะส่งผลดีต่อเกมในสนาม

แฟนบอลอดไม่ได้ที่ตะคิดไกลไปถึงนัดหน้าที่จะเจอกับฟูแล่ม เหมือนจะมองเห็นตัวเลขของแต้มชัดเจนเกิดขึ้นในความคิด

ที่เหลือขอแค่การสนับสนุนอย่างมีเหตุและผลของบอร์ดบริหาร ที่จะมีให้กับอลัน พาร์ดิว ให้อาวุธเสริมกับกุนซืออีกหน่อย เพื่อให้แน่ใจมากยิ่งขึ้นว่าสามารถยืนหยัดในพรีเมียร์ ลีกได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น

เอดิน เซโก้...

หลังจากเจอช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์ เอดิน เซโก้ หัวหอกของทีมเรือใบ กลับมาด้วยมาดของการออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่แบบมั่นใจอย่างมาก ประตูที่มาเร็วตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม นั่นทำให้สิ่งที่ขาดหายกลับมาเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจอีกครั้งหนึ่ง

แม้ว่ายังมีช่วงเวลาที่ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ ทว่าเซโก้แสดงให้เห็นว่าเป็นคู่แข่งที่สำคัญต่อการจัดตัวของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ และทีมกำลังต้องการความแตกต่างของเกมจากเซโก้อย่างมาก

หลุยส์ ซัวเรซ...

ลงสนามในช่วงเวลาที่หงส์แดงได้เปรียบอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวรับของอาร์เซนอลเริ่มเปลี้ยกันแล้ว ประตูแรกเป็นที่ถกเถียงกันว่าจะเป็นลูกล้ำหน้าหรือเปล่า

ทว่าผู้ตัดสินตัดสินไปบนพื้นฐานที่ว่าแม้จังหวะจะล้ำหน้าแต่ถ้าไม่โดนบอลก็ถือว่าไม่มีส่วนกับเกม เป็นการทำเข้าประตูตัวเองของอารอน แรมซี่ย์ ที่โดนมิเกลเตะมาอัด

การไม่ได้สัมผัสบอลของซัวเรซจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ตัดสินใช้เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจในจังหวะนี้ แต่ประตูที่ 2 ปิดท้ายถือเป็นจินตนาการไปอยู่ในจุดที่ถูกที่ถูกเวลาทำให้ไม่มีข้อกังขาในสกอร์นี้

นอริช,สโต๊ค...

ไม่รู้ว่าจะชมทีมไหนดี เพราะนอริชสามารถสร้างเกมที่ทำให้สโต๊คถึงกับไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แถมรักษาสกอร์เอาไว้แม้ตัวจะน้อยกว่า

สุดท้ายเป็นความพยายามของสโต๊คที่ต้องชื่นชมเช่นกัน แม้ว่ากว่าจะได้ประตูตีเสมอเล่นเอาหัวใจแฟนบอลเกือบวาย สิ่งที่แย่สำหรับสโต๊คก็คือออกอาการแบ่งรับแบ่งสู้เพราะมีเกมยูโรป้าลีก ให้ทำงานกันอีกด้วยในวันพฤหัสบดี

ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่งกับการหลุดโฟกัสไปจากพรีเมียร์ ลีก ยังไงก็ต้องให้แน่นอนและเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

เรื่องโดย "ดามัน"

ขอบคุณเนื้อหาจากคอลัมน์ ทดเจ็บ3นาที