"เอล นีโน่" ข้าจะเป็นตำนานตราหมี!

"เอล นีโน่" ข้าจะเป็นตำนานตราหมี!

"เอล นีโน่" ข้าจะเป็นตำนานตราหมี!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่รู้สิ บางทีดู “เฟร์นานโด ตอร์เรส” ในสีเสื้อแดง-ขาวของ “แอตฯ มาดริด” น่าจะเป็นชุดที่กองหน้าวัย 32 กะรัตคนนี้ “หล่อที่สุด” แล้ว ถึงแม้เจ้าตัวจะเคยประสบความสำเร็จกับทีมที่ตัวเองรักที่สุดเพียงแค่ แชมป์เซกุนด้า ดิวิชั่น หรือดิวิชั่น 2 เพียงรายการเดียวเท่านั้นในฤดูกาล 2001/2002

หลังจากที่ตัดสินใจย้ายออกจากทีมไปหลังจบฤดูกาล 2006/2007 เจ้าตัวก็เป็นนักเตะที่แฟนบอลจดจำมากที่สุดคนนึงไม่ยากในฐานะลูกหม้อของทีมจริงๆ ถึงจะไม่มีความสำเร็จอะไรร่วมกับสโมสรมากไปกว่านั้นด้วยสถิติการลงสนาม 214 นัด ยิงไป 82 ประตู

 article-2301446-12A620D000000

8 ปีที่จากบ้านไป “เอล นีโน่” ได้ทั้งแชมป์ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” กับ “ยูโรป้า ลีก” รวมทั้งฟุตบอลถ้วยในอังกฤษอย่าง “เอฟเอ คัพ” ติดมือเป็นของแถม ขณะที่ความสำเร็จระดับชาติไม่ต้องพูดถึงเพราะได้ทั้ง “แชมป์ยูโร” 2 สมัย และ “แชมป์โลก” 1 สมัยกับ “ทีมชาติสเปน”

เมื่ออายุอานามมากขึ้นจนหลัก 3 และไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว ตอนนั้นเรียกว่า “วิกฤติชีวิต วัยกลางคน” ก็ไม่ปาน เพราะขนาดทีมที่ตัวเองชื่นชอบและรักมากทีมนึงตั้งแต่เด็กอย่าง “ลิเวอร์พูล” ยังไม่เอาเลย เนื่องจากดีลการย้ายไปอยู่กับ “เชลซี” สมัยที่ค้าแข้งอยู่อังกฤษที่เดอะ ค็อป มองว่าเป็นการหักหลัง

 et.jpg

หรือ ถูกปล่อยตัวไปอยู่ทีมรวมดาวพิพิธภัณฑ์ “เอซี มิลาน” ก็อยู่ไม่ได้ มีเพียงแค่ “ดิเอโก้ ซิเอโมเน่” กับรักแรกอย่าง “แอตฯ มาดริด” ที่เต็มใจอ้าแขนกองหน้าที่ถูกมองว่าหมดสภาพคนนี้กลับไปสู่ถิ่น “บิเซนเต้ กัลเดร่อน” อีกครั้ง

แน่นอนว่า กาลเวลาที่ผ่านมา อาจจะทำให้สภาพร่างกายของตอร์เรสถดถอยลงไปบ้าง แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือความเก๋าและประสบการณ์ที่มากขึ้นซึ่งส่งผลให้สไตล์การเล่นฟุตของเจ้าตัวเปลี่ยนไป ซึ่งก็ไม่ทำให้แฟนตราหมีที่วันนั้นมาต้อนรับเจ้าตัวกลับบ้านถึง 45,000 คนผิดหวัง เพราะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ไม่น้อย ถึงจะไม่ใช่กองหน้าเบอร์ 1 อีกต่อไป

 ett.jpg

สำหรับ “เอล นีโน่” ในวัยขนาดนี้คงไม่แคร์อะไร เพราะรู้อยู่ว่ายังไงก็อยู่ในใจของแฟนตราหมีทุกคนอยู่แล้ว ต่อจากนี้คือการกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับทีมรัก ที่เป็น “รักแท้” ของตัวเองดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมเข้าชิง “แชมเปี้ยนส์ ลีก” ฤดูกาลที่แล้ว ถึงจะได้แค่รองแชมป์ก็ตาม หรือการกลับมายิงประตูให้กับทีมครบ 100 ประตูเมื่อกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว และเดือนต่อมีนาคมก็เพิ่มสถิติการลงสนามให้กับทีมครบ 300 นัด

การย้ายมาอยู่กับ “แอตฯ มาดริด” ทำให้เจ้าตัวต้องยอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองพอสมควร แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่นักเตะหมายเลข 9 ของทีมสามารถลงสนามช่วยทีมในทุกสัปดาห์ และสามารถยิงประตูสำคัญให้กับทีมเรื่อยๆซึ่งสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็พึ่งโชว์เทพหันหลังยิงใส่ “เซลต้า บีโก้” ช่วยให้ทีมชนะ 3-2 หรือลงช่วยทีมใน “แชมเปี้ยนส์ ลีก” ที่กลับมาเตะอีกครั้ง

 633813368.jpg

ใครจะไปรู้ว่า “ตอร์เรส” อาจจะอยู่กับทีมต่อจนอายุย่างเข้าเลข 4 เหมือน “ฟรานเชสโก้ ต็อตติ” ก็เป็นได้ ถ้าไม่เลิกเล่นไปซะก่อนหรือไม่เป็นที่ต้องการของกุนซือจริงๆ

สุดท้ายเป้าหมายต่อไปของ “เฟร์นานโด โจเซ่ ตอร์เรส ซานซ์” เด็กน้อยที่เกิดและเติบโตย่าน “ฟูเอนลาบราด้า” ไม่ไกลจาก สนาม “บิเซนเต้ กัลเดร่อน” ที่กำลังจะเป็นอดีตเพราะทีมจะย้ายสนามในฤดูกาลหน้า

อาจจะเป็นการอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในฐานะ “ตำนาน” ครับ

แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook