ห้ามพลาด! "เรือใบ" ไฝว้ "โมนาโก" คืนนี้
เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก ยังมีอีก 4 คู่ ที่ให้คอบอลได้ติดตามกัน
ย้อนเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 4 คู่แรก ยิงกันถล่มทลายถึง 15 ประตู โดยเฉพาะซูเปอร์บิ๊กเมตช์ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถล่ม บาร์เซโลน่า 4-0 และบาเยิร์น มิวนิค ยำใหญ่ อาร์เซนอล 5-1 ฮือฮากันไปทั้งโลก
มาถึงสัปดาห์นี้ ก็ยังมีโปรแกรมที่น่าสนใจให้ได้ติดตาม ในแมตช์คืนวันอังคาร คู่ที่ผมจะหยิบมาปรีวิวนั้น เป็นคู่ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ โมนาโก
“เรือใบสีฟ้า” แห่งแมนเชสเตอร์ ซีซั่นนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเทรนเนอร์ จากมานูเอล เปเยกรินี่ มาเป็นเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพื่อหวังลุ้นแชมป์บิ๊กเอียร์สมัยแรกให้จงได้
แต่ไปๆมาๆ ผลงานในฤดูกาลนี้ ไม่สู้ดีเอาเสียเลย ทั้งๆที่ 6 นัดแรกในลีก ออกสตาร์ตชนะรวด แต่หลังจากที่บุกไปแพ้สเปอร์ส 0-2 เท่านั้นแหละ เป๋ไปเลย
เพราะนับตั้งแต่ต้นตุลา ถึงต้นธันวา เรือสำราญ ผลงานไม่สำราญเลยแม้แต่น้อย ชนะแค่ 4 จาก 14 นัดรวมทุกรายการ
ขณะที่ผลงานในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ก็ต้องทำใจว่า การอยู่สายเดียวกับบาร์เซโลน่า น่าจะการันตีอันดับ 2 ของกลุ่ม แทบจะร้อยเปอร์เซนต์
และก็เป็นไปตามคาด โดนบาร์ซ่า ถล่มเละ 4-0 แม้จะล้างแค้น ชนะคืนด้วยสกอร์ 3-1 แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะจบตำแหน่งแชมป์กลุ่ม
ดูเหมือนว่า เป๊ป จะทำทีมมุ่งเน้นเกมรุกมากเกินไปหน่อย จนละเลยเกมรับ เพราะถึงแม้จะยิงไปแล้วเกิน 50 ประตู แต่โดนทะลวงตาข่ายถึง 29 ลูก มากสุดในบรรดาท็อปซิกซ์ของตาราง
สถานการณ์ทำท่าว่าจะดีขึ้น เมื่อได้ กาเบรียล เฮซุส ศูนย์หน้าดาวรุ่งวัยแค่ 19 ขวบ ที่เซ็นสัญญาตั้งแต่ซัมเมอร์ แต่เพิ่งมาร่วมทีมเมื่อตลาดเดือนมกราคม
และก็ระเบิดฟอร์มสุดยอด ลงเล่นตัวจริงในลีกแค่ 2 นัด ยิงไป 3 ประตู แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกเหลือเกิน เมื่อได้รับบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก น่าจะพักยาวจนจบฤดูกาลนี้
แน่นอนล่ะ ความหวังอันดับ 1 ของทีม กลับมาเป็น เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ อีกครั้ง แต่อนาคตของดาวยิงฟ้า-ขาว ในถิ่นเอดิฮัด ก็ใช่ว่าจะแน่นอนซะที่ไหน
ไปดูทางฝั่งทีมเยือน โมนาโก กันบ้าง จ่าฝูงลีกเอิง ฝรั่งเศส ปีนี้ผลงานไม่ธรรมดา มีลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 17 ปี เลยเชียวนะ
จุดแข็งของโมนาโกชุดนี้ อยู่ที่เกมรุกอันทรงพลัง เพราะนักเตะแทบทุกคนในทีมสามารถยิงประตูได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการยิงประตูจากคนไม่กี่คน
แล้วสถิติการยิงประตูของยอดทีมจากแดนน้ำหอม ยอดเยี่ยมสุดๆ ยิงกระจุยกระจายถึง 76 ตุง มากสุดในบรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรป
นำโดย ราดาเมล ฟัลเกา ที่กลับต้นสังกัดเดิมอีกครั้ง หลังหลงทางเสียเวลายืมตัวที่เมืองผู้ดี ด้วยผลงาน 22 ประตูรวมทุกรายการ ตามด้วย 2 ศูนย์หน้าคู่หูเลือดน้ำหอม วาเลเร่ แชร์กแมง และ กีแลง เอ็มบัปเป้
นอกจากนี้ แผงมิดฟิลด์มีดาวรุ่งที่น่าจับตามอง และตกเป็นเป้าหมายของบรรดายักษ์ใหญ่ นั่นคือ แบร์นาร์โด้ ซิลวา วัย 22 ปี กับ โธมัส เลอมาร์ อายุ 21 ปี โดยเฉพาะฝ่ายหลังนั้น ติดทีมยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมาด้วย
แต่ในจุดแข็ง ย่อมมีจุดอ่อน เนื่องจากแผงหลังของทีม ช่างแตกต่างกันสุดๆ ในลีกแข็งแกร่งเหลือเชื่อ แต่เวลาลงเล่นยุโรป เสียประตูแทบทุกนัด
สำหรับในนัดนี้ เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่พบกันในรายการสโมสรยุโรป แมนฯ ซิตี้ มีสถิติในการพบกับสโมสรจากฝรั่งเศส 3 นัด ยังไม่แพ้ใคร (ชนะ 1 เสมอ 2)
ล่าสุดพบกับ เปแอสเช ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ชนะในบ้าน 1-0 และบุกไปเสมอที่ปารีส 2-2 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของสโมสร ในรายการนี้
แถมพกสถิติยอดเยี่ยม เกมเหย้าในแชมเปี้ยนส์ ลีก 9 นัดหลังสุด ไม่แพ้ใคร (ชนะ 6 เสมอ 3) อีกทั้งเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่เคยทำทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูซีแอลเลย แม้แต่ครั้งเดียว
ยังไม่หมดแค่นั้น เป๊ป เคยเป็นผู้เล่นบาร์ซ่า ชุดเอาชนะโมนาโกทั้งเหย้าและเยือน ในรอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาล 1993-94 อีกด้วย
แต่ทีมเยือน ก็ใช่ย่อย เพราะถูกชะตาเป็นอย่างมาก เวลาเจอทีมจากพรีเมียร์ลีกในรายการนี้
ทำเป็นเล่นไป สถิติของโมนาโก ในการดวลกับพวกผู้ดี เฉพาะถ้วย “บิ๊ก เอียร์” ทั้งหมด 10 นัด ถือว่าดีมาก ชนะถึง 5 เสมอ 3 แพ้แค่ 2 ด้วยวีรกรรมช็อกโลกเหล่านี้
1997-98 เขี่ยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบ 8 ทีม
2003-04 หักอกเชลซีในรอบตัดเชือก
2004-05 ชนะลิเวอร์พูลในรอบแบ่งกลุ่ม
2014-15 น็อกอาร์เซนอล ร่วงรอบ 16 ทีม
และล่าสุด 2016-17 ปราบสเปอร์ส ด้วยสกอร์ 2-1 ทั้งเหย้าและเยือน ในรอบแบ่งกลุ่ม และมีส่วนในการเขี่ยคลับไก่ ลงไปลุ้นแชมป์ยูโรป้า ลีก
คู่นี้บอกได้เลยว่า สูสีอย่างแน่นอน 2 ทีมที่เกมรุกดีมาพบกัน น่าจะเปิดเกมรุกสู้กันได้สนุก แต่ที่สำคัญเลยก็คือ ใครผิดพลาดในแนวรับน้อยกว่า ก็จะมีโอกาสเป็นผู้ชนะสูง
โดยเฉพาะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในรายการนี้ “เกมรับ” ต้องมาก่อน จะมัวแต่บุกเพลินๆ ไม่ได้เลยเชียว