อิตาลีมาแล้ว

อิตาลีมาแล้ว

อิตาลีมาแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอลอิตาลีตอนนี้คงจะกลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาอีกครั้ง คงจะเหมือนกับฟุตบอลบ้านเราที่กำลังปลาบปลื้มกับผลงานทีมชาติไทย ทั้งเรา และเขาเจอมรสุม ผลงานในระดับชาติน่าสลดหดหู่ โดนแฟนบอล-สื่ออัดเละ แต่ก็กลับมาทำได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะใจแฟนบอลได้อีกครั้ง
   
คืนวันอังคารที่ผ่านมา อิตาลี ทำให้แฟนๆ อัซซูรี่ ได้ฉลองกันอีกครั้งครับ หลังจากที่เปิดบ้านเอาชนะสโลวีเนีย 1-0 พร้อมกับการันตีที่ไปยูโร 2012 รอบสุดท้ายได้เป็นที่เรียบร้อย การลงสนามที่ผ่านมา 8 นัด อิตาลีทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งนั่นคือ ชนะ 7 เสมอ 1 เกมรับเสียประตูแค่ประตูเดียว การเก็บ 22 แต้ม ครั้งนี้ยังทำให้อิตาลีสร้างสถิติใหม่ของตัวเองด้วยนั่นคือเก็บแต้มได้มากที่สุดในการเล่นรอบคัดเลือก
   
นี่ถ้าย้อนไป 1 ปีที่แล้ว มีใครมาบอกว่าอิตาลี จะเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2012 โดยไม่ต้องลุ้น 2 นัดที่เหลือ ใครได้ยินก็ต้องหาว่าหมอนั่นไม่บ้าก็เมา เนื่องจากสารรูปอิตาลีเมื่อ 1 ปีที่แล้วมันดูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ตกรอบแรกฟุตบอลโลกไปแบบอัปยศอดสู
   
หลังจากที่ทราบผลการจับสลากรอบแบ่งกลุ่ม เจอกับสโลวีเนีย และเซอร์เบีย จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ถึงกับกล่าวในทำนองที่ว่างานนี้สาหัสสุดๆ เพื่อผ่านเข้ารอบสุดท้าย ทว่าการเข้ารอบสุดท้ายก่อนจบการเล่นรอบคัดเลือก 2 นัด คือสิ่งที่แฟนบอลอิตาลีตั้งแต่ลืมตาดูโลกเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
   
งานนี้คนที่ได้เครดิตไปเต็มๆ เป็นคนแรกก็คือเชซาเร่ ปรันเดลลี่ โค้ชที่ปรับเปลี่ยนหน้าตา สไตล์ และทัศนคติผู้เล่นใหม่ ส่งผลให้อิตาลีเปลี่ยนจากบอลอนุรักษ์นิยม มาเป็นบอลที่เน้นเกมบุก เล่นได้สวยงาม ถูกใจแฟนบอล
   
เกมกับสโลวีเนีย จะว่าไปแล้วก็คล้ายๆ กับนัดวันศุกร์ที่ไปเยือนแฟโรครับ นั่นคืออิตาลีเป็นฝ่ายครองเกมเหนือกว่า และเป็นฝ่ายเดินเกมรุกเข้าใส่ที่มาตั้งรับเต็มสูบ แต่ที่อาจจะต่างออกไปในรายละเอียดก็คือ อิตาลีเกมนี้เล่นตามสั่งของปรันเดลลี่มากขึ้น นั่นคือมีจังหวะยิงแล้วต้องยิง ไม่ชิ่งไปชิ่งมาเหมือนกับนัดเมื่อวันศุกร์ที่พบกับแฟโร
   
เกมล่าสุดกับสโลวีเนีย อิตาลีครองบอลได้ถึง 68 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การยิงทั้งหมดคือ 14 ครั้ง (สโลวีเนีย 5) อย่างไรก็ตามครับ ที่อิตาลีได้แค่ประตูเดียวนั้น

นอกจากจะต้องให้เครดิตกับนักเตะสโลวีเนีย ที่วางเกมรับอย่างมีวินัย ช่วยกันตั้งรับกันแข็งขัน แม้แต่ตัวเพลย์เมกเกอร์อย่างเวอร์ซิช ยังช่วยไล่บีบปีร์โล่ ตัวพักบอลของอิตาลี
   
ตั้งแต่นาทีแรกเลยก็ว่าได้ที่อิตาลีมีโอกาสงาม จากจังหวะหลุดไปยิงในกรอบโทษของรอสซี่ แต่ลูกติดเท้าอันดาโนวิช หลังจากนั้นอิตาลีบุกมาเป็นระลอกเลยก็ว่าได้ มีโอกาสยิงทั้งระยะใกล้ระยะไกล ทว่าส่วนใหญ่จะหลุดกรอบ ขณะที่สโลวีเนีย โอกาสน้อย แต่กลับยิงเข้ากรอบมากกว่าในครึ่งแรก (2 หน)
   
ทุกอย่างอิตาลีเรียกได้ว่าทำมาดีหมด เหลือเพียงจังหวะสังหารสุดท้ายเท่านั้น น่าเสียดายที่เกมนี้รอสซี่ ที่มีโอกาสสวยๆ อยู่ 2 หน จังหวะสังหารไม่เฉียบคม ขณะที่เดรอสซี่ ที่ได้ชาร์จลูกจากระยะครึ่งเมตร ก็มาที่จุดนัดพบช้าไปแค่เสี้ยวของเสี้ยววินาทีเท่านั้น
   
ครึ่งหลังรูปเกมก็ยังออกมาเหมือนเดิมครับนั่นคืออิตาลีเป็นฝ่ายเดินเกมบุกเข้าใส่ แต่ที่เปลี่ยนไปก็คืออิตาลีทำประตูได้ แม้ว่าจะมาค่อนข้างช้า (นาที 85) แต่อัซซูรี่ มีตัวโจ๊กเกอร์ที่ลงมาสร้างความแตกต่างอย่างจามเปาโล ปัซซินี่ กองหน้าอินเตอร์

ที่กระทุ้งประตูจากระยะเผาขน จังหวะที่กองหลังสโลวีเนียเคลียร์ลูกบอมบ์เข้ามาหน้าประตูไม่ขาด และโชคเป็นของอิตาลีด้วยที่บอลไปชนตัวผู้เล่นของสโลวีเนีย และบอลมาเข้าทางปืนของปัซโซ่พอดี

และนอกจาก ปัซซินี่แล้ว บาโลเตลลี่ ที่ลงเป็นตัวสำรองเหมือนกันก็ไม่เบา ลงมาสร้างความหวือหวาได้มากทีเดียวในเกมรุกอิตาลี ทั้งสร้างโอกาสเอง และจ่ายลูกสวยๆ ให้เพื่อน เล่นแบบนี้ชนะใจแฟนบอลอิตาลีไปเต็มๆ
   
ประตูชัยของปัซโซ่ทำเอาสนามอาร์เตมิโอ ฟรังคี่ บ้านเก่าของปรันเดลลี่ แทบถล่มเพราะความดีใจของแฟนๆ หลังจากที่ลุ้นตัวบิดตัวเบี้ยวมานาน ที่สุดก็ได้ระเบิดความดีใจฉลองกันอย่างชื่นมื่น กลับไปนอนฝันดีเหมือนแฟนบอลไทยที่วันเดียวกันเอาชนะทีมชาติโอมาน
   
ของเราอาจจะฝันหวานคิดถึงการเข้าไปเล่นรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ลุ้นไปฟุตบอลโลกที่บราซิล แฟนอิตาลีก็อาจจะฝันหวานคิดถึงการเป็นแชมป์ยูโร ที่ยูเครน-โปแลนด์
   
แน่นอนว่าศึกนี้สาหัสสำหรับทั้งของเรา และอิตาลี แต่ในส่วนของอัซซูรี่แล้ว ไม่เห็นจะแปลกที่เขาจะแอบหวัง ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาอิตาลี เคยทำสำเร็จมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ปี 1982 และ 2006 อิตาลีที่ไม่ค่อยมีใครเชื่อน้ำยาเป็นแชมป์โลกมาแล้ว ในยูโร ยังไงก็ต้องตามไปลุ้นกันครับ

เรื่องโดย "toto f.c."

ขอบคุณเนื้อหาจากคอลัมน์ mondo calcio นสพ.กีฬาฮอตสกอร์

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook