ค่ำคืนนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เกมรอบชิงที่เริ่มด้วยเจอร์ราร์ด จบด้วยเจอร์ราร์ด

 

​

 

26 กุมภาพันธ์ ปี 2012 ค่ำคืนวันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยังคงอยู่ในความทรงจำของ “เดอะ ค็อป” สาวกลิเวอร์พูลไม่จางหาย

ค่ำคืนแห่งสงครามที่ต้องต่อเวลายาวไปถึงจุดโทษ แน่นอนว่าจะดึกหรือเช้าแค่ไหน สาวกหงส์แดง ลิเวอร์พูล ก็พร้อมใจกันถ่างตาอยู่เชียร์ ค่ำคืนรอบชิงชนะเลิศถ้วย ลีกคัพ ภายใต้ชื่อ คาร์ลิ่ง คัพ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้

90 นาทีรวมทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล เสมอ คาร์ดิฟฟ์ 1 ประตูต่อ 1 ด้วยการโดนออกนำก่อนตั้งแต่ต้นเกมในนาทีที่ 19 จาก โจ เมสัน และผู้ที่มาต่อลมหายใจให้ ลิเวอร์พูล ก็คือปราการหลังอย่าง มาร์ติน สเคอร์เทล ในนาทีที่ 60

เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูล ออกนำก่อน 2-1 ในนาทีที่ 108 จาก เดิร์ก เคาท์ เกมดูท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ที่จับหูถ้วยข้างหนึ่งไว้แล้ว แต่ทว่า เบน เทอร์เนอร์ ไม่ยอมให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ถ้วยนี้ไปได้ง่าย จัดการยิงตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 118 จบเกมต่อเวลาพิเศษ เสมอกัน 2-2 ต้องลากยาวถึงดวลจุดโทษ

GettyImagesMike Hewitt/GettyImages

 

ใครจะไปเชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันไดนาโมของ ลิเวอร์พูล จะยิงพลาดในลูกแรก แต่ เคนนี่ มิลเลอร์ ของทาง คาร์ดิฟฟ์ ก็พลาดเช่นกัน ดวลจุดโทษกันมาถึง เกล็น จอห์นสัน แบ็คขวาลิเวอร์พูลในเวลานั้นที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อสโมสร ซัลโวจุดโทษไม่พลาด หงส์แดง ขึ้นนำ 3-2 ความกดดันมาอยู่นี้ แอนโธนี่ เจอร์ราร์ด ทันที ใช่แล้วนามสกุลคุ้นๆ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด นั่นเอง

ในที่สุดคำภาวนาของเหล่าเดอะค็อปก็ส่งผลสำเร็จ แอนโธนี่ ยิงจุดโทษไม่เข้า เสียงเฮทั้งทางหน้าจอและในสนามเวมบลีย์ดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับน้ำตาแห่งความยินดีของผู้ชนะ และน้ำตาของผู้พ่ายแพ้

GettyImagesMike Hewitt/GettyImages

 

เกมที่เริ่มด้วยเจอร์ราร์ดและจบด้วยเจอร์ราร์ด ลิเวอร์พูล ทำสำเร็จคว้าแชมป์ลีกคัพ สมัยที่ 8 มากที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่มีการจัดแข่งถ้วยนี้มา ภายใต้การนำทัพของอัศวิน "คิงเคนนี่" เคนนี่ ดัลกลิช ซึ่งเหมือมาสานต่องานให้สำเร็จหลังจากเคยทิ้งไว้กลางทาง

อะไรจะประจวบเหมาะ รอบชิงชนะเลิศ ลีกคัพ ปี 2017 ภายใต้ชื่อ อีเอฟแอล คัพ ถูกกำหนดให้แข่งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ คืนเดียวกันกับเมื่อ 5 ปีที่แล้วที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์

โมเม้นต์ที่เดอะค็อปหวังอยากให้เกิดขึ้นซ้ำในปีนี้ แต่ ลิเวอร์พูล กลับมาไกลสุดได้เพียงรอบ 4 ทีมสุดท้าย

น่าเสียดาย หากผ่าน เซาธ์แฮมป์ตัน เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ อีเอฟแอล คัพ ในค่ำคืนนี้และคว้าแชมป์ได้ มันจะประจวบเหมาะพอดี 5 ปี วนกลับมาอีกครั้ง ในค่ำคืนเดียวกัน

นี่ถ้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ในค่ำคืนนี้ได้ คงเจ็บจี๊ดๆ ไปถึงกรวยไตอยู่ไม่น้อย

GettyImagesMike Hewitt/GettyImages

 

​​