5 เกมเดือด "เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้"

แม้สถิติในช่วงหลัง เอฟเวอร์ตัน อาจจะเป็นรอง ลิเวอร์พูล สุดกู่ แต่ไม่ว่าสถานการณ์ของทั้งสองทีมจะเป็นเช่นไร การปะทะกันใน "เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้" ก็มักจะเป็นศึกที่สู้ตายถวายหัวเสมอ

เฉกเช่นในสุดสัปดาห์นี้ที่ทั้งสองทีมมีคิวที่จะต้องห่ำหั่นกันอีกครั้ง โดยสถานการณ์ในตอนนี้ถือว่ามาแบบถูกที่ ถูกเวลา เพราะทั้ง "น้ำเงิน" และ "แดง" ต่างยังมีลุ้นทำอันดับจบท็อปโฟร์ได้อยู่

ดีกรีความมันเชื่อว่าไม่ต้องการันตีอะไรให้มากความ แต่เชื่อเหลือเกินว่า "5เกมเดือด" ที่ถูกคัดสรรเฉพาะการเจอกันในพรีเมียร์ลีก น่าจะช่วยเติมอรรถรสให้กับแฟนบอลทั้งสองทีมได้ไม่มากก็น้อย ส่วนจะมีเกมไหนบ้าง และจะ "เดือด" ถูกใจคุณผู้อ่านหรือไม่ ต้องลองไปทรรศนาดูกันครับ

1.ลิเวอร์พูล 0-1 เอฟเวอร์ตัน
วันที่ : 27 กันยายน 1999

นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ เอฟเวอร์ตัน บุกมาชนะทีมเพื่อนบ้านได้ถึงแอนฟิลด์ โดย เควิน แคมป์เบลล์ เป็นคนกดประตูโทนตั้งแต่นาทีที่ 4

อย่างไรก็ตามไฮไลท์ของเกมนี้อยู่ที่ครึ่งหลัง ฟรานซิส เจฟเฟอร์ กองหน้าดาวรุ่งฟอร์มดีในเวลานั้น ไปมีเรื่องชกต่อยกับ ซานเดอร์ เวสเตอร์เฟลด์ หลังชนกันจากจังหวะล้ำหน้า ส่งผลให้ทั้งคู่ถูกไล่ออก

ลิเวอร์พูล เจอสถานการณ์ที่เลวร้ายเพราะเปลี่ยนตัวครบ 3 คนแล้ว ทำให้ สตีฟ สตอนตัน ต้องเป็นผู้รักษาประตูจำเป็นแทนและเจ้าตัวก็มีโชว์เซฟสวยๆ จาก อาเบล ซาเวียร์

ความเดือดมาระอุอีกครั้งในนาทีสุดท้าย เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตบะแตกพุ่งไปยันใส่เข่าของ แคมป์เบลล์ อย่างน่าเกลียด กลายเป็นผู้เล่นคนที่สองของ "หงส์แดง" ที่ถูกไล่ออกในเกมนี้

2.เอฟเวอร์ตัน 1-2 ลิเวอร์พูล
วันที่ : 20 ตุลาคม 2007

หลังจากจบเกม "เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้" หนนี้ มาร์ค แคลตเทนเบิร์ก ก็ไม่ได้ลงตัดสินในเกมที่ เอฟเวอร์ตัน ลงสนามอีกเลยเป็นเวลา 4 ปี ย่อมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเกมนี้องศาความร้อนมันอยู่ระดับไหน

ท่านเปาที่ชื่อดังที่สุดในยุคปัจจุบันถูกแฟนบอล "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เหม็นขี้หน้าอย่างแรง แม้ 2 ใบแดงที่ให้กับทีมเจ้าบ้านจะถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการไล่ โทนี่ ฮิบเบิร์ต ที่ไปฟาวล์ในฐานะตัวสุดท้าย รวมถึง ฟิล เนวิลล์ ที่ทำแฮนด์บอล

ในขณะที่ ลิเวอร์พูล ได้ถึง 2 จุดโทษ แต่ เอฟเวอร์ตัน ก็ร้องว่าสมควรที่จะได้เช่นกันหลัง โจลีออน เลสค็อตต์ ไปโดน เจมี่ คาร์ราเกอร์ ทำฟาวล์ เช่นเดียวกับ เดิร์ก เคาท์ ที่สกัดสูงกับรอดใบแดงหน้าตาเฉย

จากผลนัดนี้ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่ มาร์ค แคลตเทนเบิร์ก จะถูกตัดชื่ออกมาจากเกมลีกสูงสุดในสัปดาห์ถัดมา

3.ลิเวอร์พูล 1-0 เอฟเวอร์ตัน
วันที่ : 6 กุมภาพันธ์ 2010

การเข้าสกัดแบบดุดันของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ใส่ สตีเว่น พีนาร์ ตั้งแต่ 15 วินาทีแรก เป็นสัญญาณถึงสิ่งที่กำลังจะตามมาว่าจะมีความ "เดือด" เกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากนั้นความผิดพลาดของ มาร์ติน แอตกินสัน ที่เมินลงโทษ มารูยาน เฟลไลนี่ ที่เตะใส่ เดิร์ก เคาท์ และการให้เพียงใบเหลืองกับ พีนาร์ ที่ไปยันใส่หน้าแข้งของ ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ กลายเป็นการเติมเชื้อไฟชัดๆ

ลิเวอร์พูล เป็นทีมแรกที่โดนใบแดงก่อน โซติริออส คีร์เกียกอส ไปยันสองเท้าจนทำให้ เฟลไลนี่ ถูกห้ามออก คือคนที่ถูกหวยไป

อย่างไรก็ตาม หงส์แดง ที่ตัวน้อยกว่ากลับมาได้ประตูชัยจาก เคาท์ ในนาที 55 ก่อนที่ เอฟเวอร์ตัน จะมาเหลือผู้เล่น 10 คนเช่นกันในตอนท้ายเกมเมื่อ พีนาร์ ที่รอดมาตลอดโดนใบเหลืองที่สองจนได้

4.เอฟเวอร์ตัน 1-1 ลิเวอร์พูล
วันที่ : 16 เมษายน 1997

เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งที่ 156 ที่จบเกมเสมอกันไป 1-1 ดูเหมือนจะไร้ปัญหามาตลอด จนกระทั้งเข้าสู่ช่วงก่อนเวลา 8 นาทีสุดท้าย

"เดอะ ก็อด" ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เดือดจัดหลังถูก เดวิด อันสเวิร์ธ สอยร่วงอย่างไร้ปรานี จึงปรี่เข้าไปบีบคอและผลักใบหน้าแลกกัน งานร้อนถึงเพื่อนร่วมทีมต้องมาแยกมุม "น้ำเงิน" และ "แดง"

ทั้งคู่ไม่รอดคำตัดสินเมื่อถูก สตีเฟ่น ลอดจ์ ชักใบแดงไปสงบสติอารมณ์ แต่ ฟาวเลอร์ ไม่ยอมจบระหว่างเดินออกมาแถมศอกใส่ อันสเวิร์ธ สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลเจ้าบ้านที่ตระโกนด่า

ขณะที่ตำรวจสนามก็ต้องมากันตัว อันสเวิร์ธ ไว้จนกระทั้ง ฟาวเลอร์ ที่ถูกทีมสตาฟฟ์ของ "หงส์แดง" ลากเข้าไปยังห้องแต่งตัว

ฟาวเลอร์ ที่ยิงไป 31 ประตูในทุกรายการของฤดูกาลดังกล่าว ต้องพลาด 3 เกมสุดท้ายเนื่องจากติดโทษแบน เช่นเดียวกับ อันสเวิร์ธ จากกรณีนี้

นอกจากนี้ผลเสมอดังกล่าวทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสขึ้นไปเป็นจ่าฝูง และสุดท้ายทำได้เพียงการจบอันดับ 4 เท่านั้น

1.ลิเวอร์พูล 4-0 เอฟเวอร์ตัน
วันที่ : 20 เมษายน 2016

ชัยชนะอันสวยหรูของเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล กลับถูกกลบกระแสด้วยจังหวะปะทะอันน่าสยองขวัญของ รามิโร่ ฟูเนส โมรี กองหลังเอฟเวอร์ตัน ที่เข้าสกัด ดิว็อค โอริกี ชนิดที่อาจจะเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ หงส์แดง กำลังนำอยู่ 2-0 ฟูเนส โมรี ที่โดนใบแดงโดยตรงจากจังหวะดังกล่าว ได้เข้าไปไปเหยียบใส่ข้อเท้าของ โอริกี้ บิดผิดรูปจนดูเหมือนจะหักตั้งแต่ตอนนั้น

ที่สำคัญดาวเตะอาร์เจนไตน์ กลับไม่ได้สำนึกผิดเลย หลังถูกไล่ออกขณะที่เดินออกจากสนามก็เอามือทุบไปที่โลโก้สโมสรตรงหน้าอกเหมือนจะประกาศศักดาถึงความภาคภูมิใจแบบผิดๆ

โอริกี ได้รับบาดเจ็บหนักจนไม่สามารถลงสนามได้ในเกมที่เหลือของฤดูกาล ยังดีที่ฟิ้นตัวทันฟุตบอล ยูโร 2016 แบบเฉียดฉิว