"5 กลยุทธ์" พา "บาร์ซ่า" เข้ารอบ!?

1. กองหน้า 8 คน

หลุยส์ เอ็นริเก้ ให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่วันอาทิตย์แล้วว่า เขาต้องใช้กองหน้าถึง 8 คน ในการตะลุยฝ่าแนวรับ “คาเตนัชโช่” อันแข็งแกร่งของยูเวนตุสให้ได้

แต่ไม่ได้หมายถึงว่าทุกคนจะลงไปยืนเรียงหน้ากระดานที่หน้าประตูของยูเวนตุส หรือกองหน้าทุกคนที่มีในทีมอย่างเช่น ลิโอเนล เมสซี่, ปาโก้ อัลกาเซร์, เนย์มาร์, หลุยส์ ซัวเรซ และ อาร์ด้า ตูราน จะลงมาเล่นพร้อมกัน

หน้า 8 อาจจะหมาย วิงแบ็กสองฝั่ง + กองกลางตัวรับหนึ่งคน + มิดฟิลด์ตัวทำเกมสองคน และสามกองหน้าเอ็มเอ็สเอ็นนั่นเอง

มองผิวเผินก็ดูจะเหมือนเดิม คือ 4-1-2-3 ทว่า อาจจะขยับขึ้นสูงกว่าเดิมทั้งหมด และที่ยังอยู่ในทิศทางเดิมมีเพียงแค่ผู้รักษาประตู กับเซ็นเตอร์ฮาล์ฟสองคนเท่านั้น ที่เหลืออีกแปดคน เล่นเกมรุกทั้งสิ้น

2. ห้าม 3-4-3

 

เกมแรกก็เจ๊งเพราะแผนนี้มาแล้ว เนื่องจากมิดฟิลด์ด้านซ้ายต้องเลือกระหว่างอันเดรส อินิเอสต้า กับ ฆอร์ดี้ อัลบา

คนหนึ่งได้ลูกสร้างสรรค์เกม แต่ช่วยเกมรับไม่ได้เลย กับอีกคนขึ้นลงได้ตลอด แต่ไม่มีไอเดียบรรเจิดในการสร้างจังหวะสร้างเกม

หนำซ้ำถ้าคู่กลางเป็นเซร์คิโอ บุสเกตส์ และ อิวาน ราคิติช รับรองว่าบรรลัยกัลป์แน่นอน เพราะจะช้าบวกช้าจะกลายเป็นโคตรช้านั่นเอง

แม้ว่าสามเซ็นเตอร์และสามกองหน้าบาร์เซโลน่าจะดูกลมกลืนมากที่สุด เนื่องจาก มาสเชราโน่, ปิเก้ และ อุมติตี้ จะยืนกันได้แบบสบายๆ และไม่ต้องดัดแปลงอะไรเลย เช่นเดียวกับกองหน้าสามคนอย่างเอ็มเอ็สเอ็น ที่ประจำการกันเป็นประจำอยู่แล้ว

3. เสียได้ก็ต้องยิงได้

 

แม้มีคนทักท้วงว่าอะเวย์โกลนั้นสำคัญที่สุด เนื่องจากถ้าบาร์เซโลน่าเสียไปแล้ว งานจะยิ่งหนักกว่าเดิมทวีคูณ เนื่องจากเกมแรกที่ตูริน บาร์ซ่ายิงไม่ได้เลย

แต่จะว่าไปเกมกับปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง พวกเขาก็ยิงประตูที่เมืองหลวงฝรั่งเศสไม่ได้เช่นกัน แถมยังมาโดนยิงที่คัมป์ นู อีก

แต่พวกเขาเสียไป ก็สามารถยิงคืนได้ เพราะเกมรุกคือจุดเด่นอยู่แล้ว หากเสียหนึ่งก็ต้องยิงคืนให้ได้ห้า เสียสองก็ต้องยิงคืนให้ได้หก เท่านั้นเอง

4. เอา "มาสเช" ตาม "ดิบาล่า"

 

ผลพวงที่ได้เห็น อันเดร เอร์เรร่า อยู่ติดกับ เอด็อง อาซาร์ ทั้งเกม ในศึกพรีเมียร์ลีกในนัดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังตราตรึงอยู่ไม่น้อย

อาซาร์ ในช่วงพีกสุด ดวลกับนักเตะที่มีความรับผิดชอบและวินัยมากที่สุด ผลก็คือนักเตะที่ต้องใช้พื้นที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัว จะเล่นในเกมของตัวเองไม่ได้

ครั้นจะเอาบุสเกตส์ มาตาม ดิบาล่า ก็ดูจะเชื่องช้าเกินไป และมิดฟิลด์ตัวรับที่สามารถโฮลด์บอลได้นั้น ไม่ควรลงมาต่ำถึงขั้นตำแหน่งที่ดิบาล่ายืน

มาสเชราโน่ เล่นเซ็นเตอร์ได้ เล่นมิดฟิลด์ตัวรับก็ได้ พื้นที่ที่ดิบาล่าเล่น คือตำแหน่งที่มาสเชราโน่รับผิดชอบโดยตรง และเขามีวินัยและเป็นนักเตะที่โค้ชมอบหมายแท็คติกได้อยู่แล้ว จึงน่าสนใจไม่น้อยหากว่าจะได้เห็นอีกคู่จิ้นของวงการฟุตบอล

5. สลับกันเล่นหน้าเป้า

 

หลุยส์ ซัวเรซ มีปัญหาเสมอยามต้องดวลกับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ซึ่งเป็นคู่โจษจันกันมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 2014 แล้ว เพราะกองหลังเลี่ยนรายนี้ นอกจากจะทางบอลดีแล้ว เรื่องกวนประสาทก็ไม่เป็นรองใครเช่นกัน

หากหม่อมเหยินต้องชนคิเอลลินี่ทั้งเกม แล้วยังปลดล็อคไม่ได้ จะพาลให้กดดันตัวเองเปล่าๆ เดี๋ยวก็มีเรื่องราว กัดโน่นกัดนี่ นอกเกมโดนใบแดงจะยิ่งเลวร้ายหนักกว่าเดิม

เมสซี่ และ เนย์มาร์ น่าจะต้องเวียนไปยืนข้างในบ้าง ให้กองหลังได้เจอทั้งความเร็ว ทักษะ และลูกพรสวรรค์ สลับกันไป ให้จับทางได้ยาก

หรือไม่งั้น ก็ไม่ต้องมีกองหน้าตัวเป้าไปเลย ให้เอ็มเอสเอ็นลงมามีส่วนร่วมกับเกมตั้งแต่กลางสนามจนถึงหน้าเขตโทษของยูเว่ เพราะข้างในนั้นล้วนแต่ตัวใหญ่ๆทั้งสิ้น ทำชิ่งเข้าไปเหมือนเล่นระบบ False Nine อันเลื่องชื่อ ก็น่าสนใจไปอีกแบบ

แต่ปัญหาก็คือฟัลส์ ไนน์ นั้นน่าจะเหมาะกับบอลที่เริ่มต้นด้วยเกม 0-0 มากกว่า แต่นี่ยังไม่ได้เขี่ย เบียงโครินี่ก็กินไปแล้ว 3 ลูกด้วยกัน