My Liverpool : Reds to face two Manchester in cups

My Liverpool : Reds to face two Manchester in cups

My Liverpool : Reds to face two Manchester  in cups
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขึ้นหัวคอลัมน์ไว้แบบนี้เพราะอย่างที่หลายคนคงจะทราบกันไปแล้วว่าผลการจับสลากประกบคู่เกม เอฟเอ คัพ รอบที่ 4 คู่สำคัญนั้นก็คือการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง

โดยที่นี่นับเป็นปีที่ 2 ติดต่กันแล้วที่ 2 ทีมมหาอำนาจของฟุตบอลอังกฤษ ต้องมาห้ำหั่นกันตั้งแต่รอบต้นๆของการแข่งขัน ต่างแค่ว่ามาปีนี้ ลิเวอร์พูล จะได้สิทธิ์ลงเล่นในบ้านต่อหน้าแฟนๆของตัวเอง

ย้อนกลับไปในวันศุกร์ ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 ด้วยโปรแกรมที่ไม่โหดมากนักเมื่อมี โอลด์แฮม แอธเลติก มาเยือนถึง แอนฟิลด์ และแม้ในเกมนี้จะลงเล่นท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าหลังการจากไปของ แกรี่ แอ็บเบล็ตต์ อดีตขุนพลในช่วงทศวรรษที่ 80 และอดีตหัวหน้าโค้ชในทีมสำรองของสโมสร

แต่บรรดานักเตะ “หงส์แดง” ก็ไม่ได้ทำให้แฟนๆต้องผิดหวังแต่อย่างใด เมื่อจัดการเปิดบ้านไล่ถล่ม โอลด์แฮม ไปอย่างขาดลอยถึง 5-1

แม้จะโดน ร็อบบี้ ซิมพ์สัน ของทีมเยือนส่องไกลจนต้องตามหลังไปก่อน แต่เมื่อตั้งลำได้แล้วลูกทีมของ คิง เคนนี่ ก็เดินหน้ายิงคืนรวดเดียว 5 ประตู โดยที่ เคร็ก เบลลามี่, จอนโจ เชลวี่ย์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แอนดี้ คาร์โรลล์รวมถึง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง มีรายชื่ออยู่ในกลุ่มคนทำประตูด้วยเช่นกัน รายของ เบลลามี่ นับเป็นประตูที่ 7 ในซีซั่นนี้ของเขา ขณะที่ เจอร์ราร์ด ก็ทำประตูได้ 2 เกมติดต่อกัน โดยเกมนี้เขายิงจุดโทษให้ทีมขึ้นนำ 2-1

สำหรับ คาร์โรลล์นับเป็นประตูแรกที่เขาทำได้ในแอนฟิลด์สำหรับซีซั่นนี้อีกด้วย และปิดท้ายด้วย สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ที่ประเดิมประตูแรกของเขากับ ลิเวอร์พูล ได้แล้วนับตั้งแต่ย้ายมาจาก แอสตัน วิลล่า ในฤดูกาลนี้

ขณะที่ ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะได้ในวันศุกร์ พวกเขายังต้องรอจนถึงวันอาทิตย์เพื่อจะรู้ว่าใครจะเป็นคู่ต่อสู้รายต่อไปที่จะต้องเผชิญหน้าด้วย โดยหวยมาออกที่คู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนิดที่เรียกว่าสะใจแฟนบอลของทั้งสองทีมเป็นที่สุดที่จะได้ดูเกมแดงเดือดเวอร์ชั่นพิเศษนอกเหนือไปจากที่จะต้องเจอกันอยู่แล้วในเกมลีก

แต่ก่อนจะเข้าไปเจอกับ ลิเวอร์พูล อีกครั้งในรอบหน้า นักเตะของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ต้องผ่านด่านหินอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มา และเกือบจะต้องได้เตะรีเพลย์แมตช์แล้วด้วยซ้ำทั้งๆที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นด้วย แต่ก็ต้องให้เครดิตกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สู้อย่างยิบตา แม้กัปตันทีมคนสำคัญอย่าง แว็งซ็อง ก็อมปานี จะถูกไล่ออกไปตั้งแต่ไก่โห่ แถมยังตกเป็นฝ่ายตามหลังถึง 0-3 เมื่อจบครึ่งเวลาแรก

อย่างไรก็ดีเกมในครึ่งหลังกลับเป็นทาง ซิตี้ ที่เหลือแค่ 10 คน เดินหน้าไล่กดดันจนเอาคืนมาได้ 2 ประตูจาก อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ แถมฟรีคิกของ โคลารอฟ ในช่วงก่อนหมดเวลาก็น่าจะกลายเป็นประตูตีเสมออย่างยิ่งแต่ก็โดนสกัดทิ้งไปได้อย่างจวนเจียน

ชัยชนะเหนือ ซิตี้ ยังนับเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับ เซอร์ อเล็กซ์ และลูกทีมอย่างยิ่ง เพราะพวกเขากับ ซิตี้ คือคู่ต่อกรในการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อยู่แล้วด้วย แถมยังเป็นการล้างแค้นจากที่เคยโดน ซิตี้ บุกมายิงยับคาบ้าน 1-6 ในเกมลีกที่เจอกันมาก่อนหน้านี้

สำหรับโปรแกรมรอบ 4 ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นกำหนดจะเล่นกันในวันที่ 28 มกราคม ที่สนาม แอนฟิลด์ บ้านของ ลิเวอร์พูล ซึ่งเหล่าแฟนๆของทีม “หงส์แดง” คงต้องรอให้กำลังใจกันอย่างเต็มที่ เพราะจากสถิติเก่าๆที่เคยเจอกันมา 10 ครั้งนั้น เป็นทางฝั่ง ยูไนเต็ด ที่เอาชนะได้ถึง 7 หน แถมยังเป็นการเอาชนะได้ในรอบชิงชนะเลิศอีกถึง 2 ครั้งคือในปี 1977 และปี 1996

จากการจับมาพบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเอฟเอ คัพ มันก็ทำให้เส้นทางในบอลถ้วยในประเทศที่ ลิเวอร์พูล ยังพอจะพูดได้บ้างว่ายังมีลุ้นแชมป์อยู่นั้น จะต้องเป็นการเผชิญหน้ากับ 2 ยอดทีมจาก แมนเชสเตอร์  ไปโดยปริยาย

เพราะก่อนที่จะได้เจอกับ ยูไนเต็ด ที่ แอนฟิลด์ ปลายเดือน ลิเวอร์พูล จะต้องลงเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกก่อนในกลางสัปดาห์นี้ ในรอบตัดเชือกเกมแรกของศึก คาร์ลิ่ง คัพ ที่จะเตะกันแบบ 2 นัด เหย้า-เยือน โดยเกมแรกจะเล่นกันที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม บ้านของ ซิตี้ ก่อนที่จะกลับมาเตะเกมที่สองกันที่ แอนฟิลด์

ทางด้าน เคร็ก เบลลามี่ หัวหอกซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นแบดบอยคนหนึ่งของวงการ แต่ปัจจุบันกลับวางตัวเป็นอย่างดีนับตั้งแต่กลับมาอยู่ภายใต้ชายคา แอนฟิลด์ เป็นคำรบสอง ก็มีมุมมองที่น่าสนใจ โดย เบลลามี่ กล่าวว่า

“นี่คงพอจะตอบได้ว่าทำไมผม และ เพื่อนคนอื่นๆถึงได้เลือกจะเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เพราะมันหมายถึงโอกาสจะได้ลงเล่นในเกมที่สำคัญๆเช่นนี้นั่นเอง”

“มันเป็นสิ่งที่แฟนๆคงจะแฮปปี้อย่างยิ่ง แต่ผมกลับคิดว่าผมน่าจะยิ่งมีความสุขมากกว่าเสียอีก เพราะผมสนุกที่ได้ลงเล่นในเกมแบบนี้ มากกว่าที่จะนั่งชมอยู่เฉยๆ และผมอาจจะช่วยให้ทีมเก็บผลการแข่งขันที่ดีได้”

“การได้มีโอกาสดวลกับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นส่วนหนึ่งของการที่ได้เล่นให้กับทีมที่ยิ่งใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล และยิ่งกับการที่มีแฟนบอลให้การหนุนหลังคุณอยู่นั้น เราจึงถูกคาดหวังอยู่เสมอว่าจะต้องชนะเพื่อพวกเขา พวกเขาเฝ้าติดตามเราอยู่เสมอ และนั่นเป็นเรื่องที่วิเศษมากๆ”

เบลลามี่ เชื่อมั่นว่าสกอร์ 3-0 ที่ ลิเวอร์พูล เพิ่งจะโดน ซิตี้ ยัดเยียดให้ก่อนหน้านี้จะไม่ย้อนกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อกล่าวว่า

“หากเรามองการแข่งขันในวันนั้นแบบแฟร์ๆ ผมว่าสกอร์ที่เกิดขึ้นดูไม่ยุติธรรมกับเราสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่เราครองบอลมากถึง 66 เปอร์เซนต์และอยู่ในฐานะทีมเยือน แถมยังเป็นการบุกมาเล่นในบ้านของทีมที่แข็งแกร่งอย่าง ซิตี้”

“มันเป็นเกมเตะเหย้า-เยือน และเราจะต้องทำให้แน่ใจว่าเรายังมีโอกาสเข้ารอบอยู่ต่อไปหลังจากผ่านการเล่นในเกมแรกแล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่เล่นเกมเหย้า-เยือน ได้ดีอยู่แล้ว บวกกับบรรยากาศใน แอนฟิลด์ ด้วย หากเราไม่พบกับผลการแข่งขันที่เลวร้ายในเกมแรก เราจะมีโอกาสได้ไปเหยียบ เวมบลี่ย์ อย่างแน่นอน”

เรื่องโดย "มาร์ค สุรเดช"

คอลัมน์ my liverpool นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์

ติดตามข่าวกีฬารอบโลกได้ที่นี่ http://sport.sanook.com/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook