5 สิ่งที่ต้องเรียนรู้จากเกมอังกฤษ ชนะ สวีเดน

5 สิ่งที่ต้องเรียนรู้จากเกมอังกฤษ ชนะ สวีเดน

5 สิ่งที่ต้องเรียนรู้จากเกมอังกฤษ ชนะ สวีเดน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เกมนัดที่ 2 ที่อังกฤษ พบกับ สวีเดน ถือว่าเป็นเกมที่เล่นได้อย่างสนุก และเป็นชัยชนะที่น่าประทับใจจนน่าจดจำ ที่สำคัญไปกว่านั้น เวลานี้่ขุนพลทรีไลออนส์ มี 4 คะแนน และสามารถมองไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย หากสามารถเอาชนะเจ้าภาพร่วมยูเครน ได้ในวันอังคารที่จะถึงนี้

ตรงนี้มี 5 สิ่งที่จะต้องเรียนรู้ในเกมนี้กับผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมสิงโตคำราม

โจ ฮาร์ท คอยช่วยเซฟ

หลังจากตกเป็นฝ่ายตามหลัง 1-2 ตรงนี้ปฏิเสธไม่ได้ถึงความสามารถของเหล่าบรรดายังบลัดของขุนพลทีมชาติอังกฤษ ที่พาทีมกลับมาได้

ซึ่งพวกเราคงได้เห็นความกระตือรือร้นอันแท้จริงของผู้เล่นหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานของ โจ ฮาร์ท ในจังหวะที่ป้องกันลูกยิงของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เอาไว้ได้

นอกจากนั้นนักเตะ "สิงโตคำราม" ยังไม่เกรงกลัวประสบการณ์ของแข้งสวีเดน และก็ไม่เคยเห็น อังกฤษ ทำได้เช่นนี้มาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ในเกมระดับชาติ ซึ่งหากลูกทีมของ รอย ฮอดจ์สัน รักษามาตรฐานได้เหมือนตลอด 90 นาทีวันนี้ โอกาสไปได้ไกลในทัวร์นาเมนต์นี้ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน


จอห์นสัน ต้องปรับปรุงกว่านี้

อาจจะถูกตำหนิไม่น้อยกับการที่เคลียร์ทิ้งไม่ขาด จนทำให้เข้าประตูตัวเอง และเป็นประตูตีเสมอของ สวีเดน แต่หากมองแล้ว ตำแหน่งของ จอห์นสัน เวลานี้ถือเป็นจุดบอดและจวนตัว แต่ในลูกที่ทีม ไวกิ้ง ขึ้นนำ ทางด้านฟูลแบ็กจาก ลิเวอร์พูล ก็ตามประกบไม่ขาดจนทำให้ โอลอฟ เมลล์เบิร์ก โขกประตูที่ 2

และจากความผิดพลาดของ จอห์นสัน ส่งผลให้หลายๆ คนคิดว่า ทำไม ฮอดจ์สัน ถึงไม่เรียก ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ที่ทำผลงานได้ดีกว่าในเวทีพรีเมียร์ลีก จนพาแมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ อีกทั้ง มาร์ติน เคลลี่ ที่ถูกเรียกมาในทีมชุดนี้ก็ยังไม่ฟิตสมบูรณ์ ทำให้ไม่มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในการเล่นเกมทางขวา

หากอังกฤษจะก้าวไปเป็นยอดทีมระดับยุโรป และ ติดอยู่ในท็อปไฟว์แรงกิ้ง ก็ต้องมีแบ็กขวา ที่แข็งแกร่งทั้งในเกมรับและรุก คงต้องบอกว่า เกล็น จอห์นสัน คงต้องคงเส้นคงวาและแน่นอนกว่านี้

วัลค็อตต์ น่าจะได้สตาร์ต

หากจะวัดกันแบบปอนด์ต่อปอนด์แล้ว ก็ต้องยอมรับ ธีโอ วัลค็อตต์ ผลงานโดยรวมในซีซั่นที่ผ่านมาไม่ได้ดีกว่า เจมส์ มิลเนอร์ ส่งผลให้กองกลางจากแมนฯ ซิตี้ จึงได้โอกาสสตาร์ต ใน 2 นัดที่ผ่านมา และโดยส่วนตัวของผู้สันทัดกรณีหลายๆ คน ก็เชื่อว่า แข้งจากอาร์เซนอล จะต้องนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรองก่อน เหตุผลเพราะ มิลเนอร์ นั้นมีคุณสมบัติในเรื่องความขยัน และเล่นเกมรับได้ดี ขณะที่ วัลค็อตต์ มีเพียงความเร็วเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่แผนของ ฮอดจ์สัน ที่ต้องการเน้นไปที่เกมบุก

ซึ่งหลังจากทีมเป็นฝ่ายตามหลัง ทำให้อดีตนายใหญ่ ฟูแล่ม และ ลิเวอร์พูล ไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้อง ส่ง วัลค็อตต์ ลงไปเพื่อเรียกสกอร์คืนมา ซึ่งดาวเตะวัย 23 ปีจากรั้วเอมิเรตส์ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการยิง 1 จ่าย 1 ในเกมที่โอลิมปิก สเตเดี้ยม

รูนี่ย์ ต้องเบียดแย่งตัวจริง

การปรับเปลี่ยนจากหัวหอกตัวเดียวในนัดเสมอฝรั่งเศส มาเป็น 2 คู่ศูนย์หน้านัดพลิกแซง สวีเดน ของ รอย ฮอดจ์สัน นั้นถือว่าประสบความสำเร็จมากทีเดียวเมื่อทั้ง แอนดี้ คาร์โรลล์ กับ แดนนี่ เวลเบ็ค ต่างกอดคอกันทำประตูได้ทั้งคู่ และนี่ถือเป็นการเข้าคู่ที่ไม่เลว หลังจากทั้งสองเคยเล่นด้วยกันมาแล้วในทีมชุดยู-21 ปี

แม้ว่าในเกมหน้า รอย ฮอดจ์สัน จะออกมายืนยันแล้วว่าจะส่ง เวย์น รูนี่ย์ ออกสตาร์ต หลังพ้นโทษแบน แต่การที่ดาวยิงร่างท้วมของแมนฯ ยูไนเต็ด จะปรับตัวเข้าร่วมกับทีม นั่นอาจเป็นคำถามที่หลายๆ คนตั้งข้อสงสัย รวมทั้งจะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้หรือไม่ และหากมันไม่เกิดขึ้น ทีมสิงโตคำรามอาจจะต้องใช้วิธีเช่นนี้

เวลเบ็ค สนับสนุน คาร์โรลล์-แอชลี่ย์ ยัง คอยป้อนบอลให้ เวลเบ็ค และ ยัง คอยประสานงานกับ คาร์โรลล์

ขณะที่ตำแหน่งมิดฟิลด์ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด นั้นดูจะลงตัวที่สุดแล้ว

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการประสานงานของ แอชลี่ย์ ยัง และ แดนนี่ เวลเบ็ค ก็ได้แสดงให้เห็นถึงการเข้ากันได้ดีอยู่แล้ว ซึ่งตรงจุดนี้ทาง ฮอดจ์สัน คงที่จะต้องเก็บไปคิดก่อนที่จะส่ง 11 ผู้เล่นลงในเกมพบกับเจ้าภาพร่วม ยูเครน

ขุนพลเลือดใหม่ดีเกินคาด

อังกฤษ ถือเป็นอีกหนึ่งทีมที่มีค่าเฉลี่ยผู้เล่นที่อายุน้อยในทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งหลังจากผ่านไป 180 นาที พวกเขาก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่พบความพ่ายแพ้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะดีกว่าผู้เล่นมากประสบการณ์ในชุดก่อนๆ

หากย้อนไปดูลูกยิงของ แดนนี่ เวลเบ็ค ที่ทำให้ทีมพลิกกลับมาชนะนั้น คล้ายๆ กับที่ เอมิล เฮสกีย์ ทำไว้ และความสมดุลในตำแหน่งต่างๆ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ลงตัวที่สุดของลูกทีม รอย ฮอดจ์สัน ในชุดนี้ บวกด้วยความเร็วของนักเตะดาวรุ่ง อีกทั้งประสบการณ์ของนักเตะอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ ในแดนกลาง รวมทั้ง จอห์น เทอร์รี่ กับพื้นที่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

โดยเฉพาะในช่วงท้ายเกม ทั้ง แดนนี่ เวลเบ็ค, แอนดี้ คาร์โรลล์, ธีโอ วัลค็อตต์ และ แอชลี่ย์ ยัง ต่างทำเกมรุกได้อย่างตื่นเต้น ซึ่งนั่นมันถือเป็นการแสดงความมั่นใจ ออกมาจากตัวนักเตะ

และที่กล่าวมาทั้งหมด นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ ขุนพลอังกฤษ เจเนอเรชั่นใหม่ ที่จะก้าวพาทีมไปสู่ความสำเร็จในอนาคต



เวลเบ็ค : ผมไม่ขอเสมอในเกมกับยูเครน

แดนนี่ เวลเบ็ค ดาวยิงจากทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีส่วนทำ 1 ประตูในช่วงท้ายเกมก็ออกมาแสดงความยินดีกับชัยชนะพร้อมยกย่องสปิริตของนักเตะทีมชาติอังกฤษ

"ผมมีความสุขชนิดที่ไม่รู้จะบอกยังไงที่สามารถทำประตูได้ในเกมนี้และช่วยให้ทีมได้ 3 แต้ม มันอาจเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังเมื่อต้องเสียถึง 2 ประตู"

"แต่ผมมองว่าเราทุกคนต่างช่วยกันและแสดงสปิริตออกมาตอนทีมถูกขึ้นนำและสุดท้ายทำให้เรากลับมาชนะพวกเขาได้"

"เราจะกลับไปพักผ่อนกันอย่างเต็มที่และมุ่งเป้าไปที่ยูเครน ซึ่งเราจะพยายามคว้าชัยชนะอีกครั้ง"

เช็กเรตติ้งขุนพลอังกฤษ

โจ ฮาร์ท 7, เกล็น จอห์นสัน 6, จอห์น เทอร์รี่ 7, โจลีออน เลสค็อตต์ 6, แอชลี่ย์ โคล 6, เจมส์ มิลเนอร์ 5, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 7, สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ 6, แอนดี้ คาร์โรลล์ 8, แอชลี่ย์ ยัง 6, แดนนี่ เวลเบ็ค 7

สำรอง : ธีโอ วัลค็อตต์ 7, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (ไม่มี)

เรื่องโดย "ทรี ไลออนส์"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook