5 เรื่องหลังเกม ปีศาจแดงฟอร์มดุถล่ม ขุนค้อน นัดเปิดซีซั่นเละ 4-0

5. ลูกากู ไม่น้อยหน้าOLI SCARFF/GettyImages

ดาวเตะวัย 24 ปี ทีมชาติเบลเยียม เจ้าของค่าตัว 75 ล้านปอนด์ โดนกดดันก่อนตั้งแต่เริ่มเกม เพราะนัดแรกของแข้งใหม่อย่าง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ (อาร์เซนอล), โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ (ลิเวอร์พูล), เวย์น รูนี่ย์ (เอฟเวอร์ตัน) รวมถึง อัลบาโร่ โมราต้า (เชลซี) ก็ต่างทำประตูกันได้ทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม เขากดไป 2 ตุง ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่มขุนค้อนไป 4-0 

จากสองประตูดังกล่าวที่เขาทำได้ ส่งผลให้ตอนนี้เขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 87 ประตู (เวสต์บรอม 17, เอฟเวอร์ตัน 68, แมนฯ ยูฯ ปัจจุบัน 2)

นอกจากนี้ ลูกากู กลายเป็นนักเตะรายที่ 4 ต่อจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจมส์ วิลสัน และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ประเดิมเกมแรกในพรีเมียร์ลีกให้กับ ปีศาจแดง แล้วยิงได้ 2 ประตู

4. มาติช ทำให้แดนกลางมีพลังOLI SCARFF/GettyImagesเนมานย่า มาติช ได้รับเลือกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของทางสโมสร (โดยแฟนบอล), ของ บีบีซี และ สกาย สปอร์ตส์

มาติช ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมาก ๆ ไม่ว่าจะเรื่องเกมรุุก และเกมรับ การมาของเขาทำให้แดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีพลัง และดุดันมากขึ้น และทำให้ ปอล ป็อกบา มีอิสระในการเล่นเกมรุกมากยิ่งขึ้น

พอล สโคลส์ เคยกล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า "เขาเข้ามาช่วยเติมความดุดันให้กับแผงกองกลางของทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราขาดหายไปนาน"

และตอนนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังแสดงให้เห็นว่าทำไมเขาถึงยอมทุ่มเงิน 40 ล้านปอนด์ เพื่อดึง มาติช มาร่วมทีม แม้ว่าเจ้าตัวจะอายุ 29 ปีแล้วก็ตาม

3. เตะมุมเปลืองเหมือนเดิมDan Istitene/GettyImagesปัญหาเตะมุมไม่เข้าเป้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงแก้ไม่หาย ปัญหานี้มันเรื้อรังมา 2-3 ปีได้แล้ว หรือเจาะลึกไปที่รายละเอียดอีกนิด จำนวนการได้ประตูจากลูกเตะมุมของพวกเขาถือว่าน้อยลงกว่าเดิม นับตั้งแต่หมดยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

• ยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน 2012/13 (ซีซั่นสุดท้าย): ทำได้ 15 ประตูจากลูกเตะมุุม

• ยุค เดวิด มอยส์ 2013/14 (คุม 10 เดือน): ทำได้ 3 ประตูจากลูกเตะมุม

• ยุค หลุยส์ ฟาน กัล 2014/15: ทำได้ 6 ประตูจากลูกเตะมุม

• ยุค หลุยส์ ฟาน กัล 2015/16: ทำได้ 4 ประตูจากลูกเตะมุม

• ยุค โชเซ่ มูรินโญ่ 2016/17 (ยังคุมทีมอยู่): ทำได้ 4 ประตูจากลูกเตะมุม

ในเกมกับ เวสต์แฮม เมื่อคืน พวกเขาได้โอกาสเตะมุมไปทั้งหมด 11 ครั้ง แต่ก็ไม่สร้างประโยชน์สักเท่าไหร่ อย่างน้อย ๆ ควรจะเข้าเป้าเพื่อนร่วมทีมเพื่อสร้างโอกาสในการทำประตู

2. จ่าฝูง เหมือนฤดูกาลที่แล้วDan Istitene/GettyImagesซีซั่นที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทนัดเปิดสนามได้อย่างร้อนแรง ด้วยการบุกไปอัด บอร์นมัธ 3-1 ส่งผลให้พวกเขาจบสัปดาห์ด้วยการครองตำแหน่งจ่าฝูง

ฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มต้นนัดเปิดสนามได้ร้อนแรงอีกครั้ง แต่งวดนี้เหมือนจะแรงกว่าปีก่อน โดยเปิดรังถล่ม เวสต์แฮม ไป 4-0 และพวกเขาก็จบสัปดาห์ด้วยการเป็นจ่าฝูง

''ซีซั่นที่ผ่านมาหลังจบนัดแรก พวกเราก็นำเป็นจ่าฝูง แต่พอจบฤดูกาล เราคว้าอันดับ 6'' - มูรินโญ่ เผยหลังเกม

ดูเหมือนว่า โชเซ่ มูรินโญ่ พยายามจะสื่ออะไรบางอย่างหลังเกม...

หนทางยังอีกยาวไกล แต่การเริ่มต้นด้วยผลงานที่สวยหรู ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่พวกเขาจะยืนระยะได้ดีแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ หรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป...

1. ทัศนคติดีในครึ่งหลังOLI SCARFF/GettyImagesฤดูกาลที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอในรังเหย้าของตัวเองไป 10 เกม บางเกมพวกเขานำคู่แข่งห่างเพียงแค่ลูกเดียว แต่กลับผ่อนเกม หรือไม่ยอมเอาประตูที่สองเพิ่มเพื่อปิดเกม สุดท้ายดันมาพลาดโดนฝั่งตรงข้ามตามตีเสมอซะอย่างนั้น บางเกมพวกเขาบุกแทบตายแต่ไม่สามารถพังประตูคู่แข่งได้ เพราะไม่เฉียบขาดพอ

เกมกับ ขุนค้อน เมื่อคืนที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ เมื่อพวกเขานำทีมเยือน 1-0 ครึ่งหลังพวกเขาก็ยังคงเล่นเกมรุกอยู่เหมือนเดิม และพยายามบดบี้คู่แข่งเพื่อเอาประตูเพิ่มให้ได้

ดาบิด เด เคอา พยายามออกบอลให้เพื่อนเร็วมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อเล่นจังหวะสวนกลับเร็ว แถมเกมโต้กลับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดนี้ถือว่า น่ากลัว น่าตืื่นเต้น และได้ลุ้นตลอด

อีกจุดหนึ่งที่แตกต่างจากเดิม และเห็นได้ชัดก็คือ ''ความเฉียบขาด''

ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาเสมอกับ เวสต์แฮม 1-1 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยเกมนั้น ปีศาจแดง มีโอกาสสับไกไปทั้งหมด 17 ครั้ง ตรงกรอบ 8 แต่ได้เพียงแค่ประตูเดียว

และหากใครจำกันได้ แมตช์นั้นพวกเขาบุกแทบตายแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะ ดาร์เรน แรนดอล์ฟ นายด่าน ขุนค้อน ได้ (ตอนนี้ย้ายไปอยู่กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ แล้ว)

ในขณะที่ เกมเมื่อคืนที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสสับไกไป 22 หน ตรงกรอบ 6 ได้มา 4 ประตู