ฟุตบอล : ชนะ .. จบป่ะ !!!

ฟุตบอล : ชนะ .. จบป่ะ !!!

ฟุตบอล : ชนะ .. จบป่ะ !!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : นาทีที่ 74 หลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แก้เกมด้วยการส่ง ไรอัน กิ๊กส์ กองกลางหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวในวัยย่าง 39 ปี ลงสนามแทน เวย์น รูนี่ย์ ......

ให้หลังเพียงแค่นาทีเดียว "ชิชาริโต้" มายิงประตูชัยให้ แมนฯ ยูฯ บุกกระซวกไส้ สิงโตสีน้ำเงิน ถึงถิ่น 3-2

จะว่าไป ไรอัน กิ๊กส์ ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับประตูชัยแม้แต่น้อยนะครับ แต่ก็อยากพูดถึง ในฐานะบุคคลผู้มีพรรษาด้านศาสตร์ลูกหนังที่มากกว่าใครในสนาม

ไรอัน กิ๊กส์ ลงมาสัมผัสเกมในนาที 74

ขนาดอยุธยายังไม่สิ้นคนดีฉันใด แมนฯ ยูฯ ก็ไม่สิ้น ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดคงกะพันชาตรีไม่มีวันตาย ฉันนั้น เช่นกัน

เกมบิ๊กแมตช์ศึกพรีเมียร์ลีก นัดที่ 9 ของฤดูกาล ที่ใครหลายคนอาจจะเรียกกันเล่นๆ ว่า "สงครามเบียร์สิงห์" ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์ จบลงด้วยชัยชนะของผู้มาเยือน พร้อมกับคำครหาต่างๆ นา นา ให้ได้เป็นประเด็นพูดถึงมากมายหลายประเด็น หลากมุมมอง

จะว่าไปแล้วเกมนี้ ลูกทีมของท่านเซอร์ เริ่มต้นได้อย่างสวดยอดไปเลยสวดเพี่ย! ได้ประตูออกนำอย่างไวและใสสะอาดปราศจากแบคทีเรียตั้งแต่นาทีที่ 4 ของเกม

ไม่เพียงเท่านั้น ความหิวกระหายกระเหี้ยนกระหือรือ อยากถลกหนัง "สิงโต" ตรา "หมีขาว" ของพลพรรคผีสามง่าม ยังเดินหน้าต่อไป ให้หลังอีก 9 นาที มาทะลวงประตูนำเจ้าถิ่นไปเป็น 2-0 จาก "อาร์วีพี" ขึ้นนำดาวซัลโวต่อ บวกกับรูปเกมที่ดูเหนือกว่าเล็กน้อย

แผนการเล่น 4-2-3-1 ที่แสดงให้เห็นถึงความรัดกุม ถูกงัดมาใช้อีกครั้งกับคู่ต่อกรเจ้าของถ้วย "บิ๊กเอียร์" ครั้งล่าสุด แต่กลับสร้างเซอร์ไพรส์ด้วย 2 ประตูนำ เป็นกำไรตั้งแต่ต้นเกม

การให้อิสระ เวย์น รูนี่ย์ ลงมาสร้างสรรค์เกมแดนกลาง รวมถึงความจัดจ้านทะลุทะลวงของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ทางกราบขวา ส่งผลดีต่อทีมในช่วงต้นเกม

น่าเสียดายที่ แมนฯ ยูฯ ไม่สามารถบวกสกอร์หนีห่างเพิ่มได้ในระหว่างที่ ดาวิด ลุยซ์ โดนพลังเกมรุกของ แมนฯ ยูฯ ทดสอบอย่างหนัก รวมถึงการอ่านเกมพลาดในหลายๆ จังหวะ หรือกระทั่งส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายตัวเองแบบไม่ได้ตั้งใจ จนแนวรับหัวฟู เสียศูนย์ หน้าตาเลิกลักเหรอหรา สูญเสียความมั่นใจ ไปในช่วงเวลาหนึ่ง

แน่นอนว่าการขาดหายไปของ จอห์น เทอร์รี่ ที่กำลังอยู่ในระหว่างรับโทษแบน 4 นัด จากบ่วงกรรมที่ทำไว้กับคนผิวสี ส่งผลต่อเกมรับ เชลซี มากพอสมควร แกรี่ เคฮิลล์ กับ ดาวิด ลุยซ์ คงน่าจะอยู่ระหว่างการใช้เวลาเรียนรู้กันและกันซักพัก

แต่หลังจากที่ "สิงห์บลูส์" ยกระดับเกมขึ้นมา บวกกับการที่ แมนฯ ยูฯ ถอยร่นลงไปรับต่ำ เล่นเหมือนรอโดน ไม่จดไม่จำ เลยโดนจัดให้ซะ 1 ดอกในช่วงท้ายครึ่งแรก

ฟรีคิกหน้าเขตโทษจากสิ่งที่ รูนี่ย์ ไม่จำเป็นจะต้องทำถึงขนาดนั้น เพราะยังไงก็มีเพื่อนรองคอยดัก เอแด็น อาซาร์ ในจังหวะสองอยู่แล้ว ทำให้ ฆวน มาต้า ส่องฟรีคิกแก้แค้น เด เคอา คืนสำเร็จ หลังโดนนายด่านคนบ้านเดียวกัน โชว์เซฟพุ่งปัดฟรีคิกชอตสำคัญของเขา เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในเกมเสมอ 3-3 ที่สนามแห่งนี้

เกมเข้าทาง เชลซี ได้ประตูตีเสมอเร็วในช่วงต้นครึ่งหลัง ความมั่นใจกลับคืนสู่ทีม ทุกอย่างดูลงตัว 3 แต้มอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่บุญมีก็เหมือนกรรมบัง แข้ง เชลซี โดนใบแดงลักพาตัวออกจากสนาม !

จริงๆ แล้ว เหตุการณ์ที่ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ปราการหลังตูดกาละมัง ทำฟาวล์ แอชลี่ย์ ยัง ขณะที่กำลังหลุดเดี่ยว เป็นจังหวะที่แนวรับเลือดเซิร์บ มีคุณสมบัติเพียบพร้อมกับการเสนอชื่อเข้าชิงใบแดงด้วยประการทั้งปวง

แต่ใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ เฟร์นานโด ตอร์เรส พ้นสนามข้อหาพุ่งล้ม แทนที่จะเป็นจังหวะฟาวล์ของ จอนนี่ อีแวนส์ มากกว่า เหตุการณ์นี้ มาร์ค แคล็ทเท่นเบิร์ก ผิดพลาดเต็มๆ

เหตุอันเนื่องมาจาก ณ ขณะนี้ ผู้ตัดสินโดนสะกดจิตให้เพ่งเล็งพฤติกรรมนักเตะที่จ้องตบตาการทำหน้าที่ท่านเปา เพราะระยะหลังกระแสพุ่งล้มมาแรงมากนะครับขอบอก เลยทำให้ แคล็ทเท่นเบิร์ก จับจ้องผู้ถูกกระทำมากกว่าผู้กระทำอย่าง อีแวนส์

ขณะที่ประเด็นประตูชัยของ "ชิชาริโต้" ที่ภาพฟ้องว่าหอกเม็กซิกันอันตราย วิ่งย้อนมาจากตำแหน่งล้ำหน้านั้น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นความโชคร้ายของ เชลซี มากกว่า เพราะจังหวะดังกล่าวค่อนข้างเร็ว บวกกับมีผู้เล่นของ เชลซี อยู่ในกรอบ 6 หลาถึง 4 คน ไลน์แมนอาจจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ทันเหตุการณ์ดังกล่าว ยกประโยชน์ให้ "ผีแดง" แล้วกันนะครับ

สาวก "เร้ด เดวิลส์" ฝากมาบอกว่า เมื่อฤดูกาล 2009-10 แมนฯ ยูฯ เคยโดน ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา บุกมากระทำชำเรา วิ่งเลดรอดสายตาไลน์แมนหลุดเข้าไปยิงแสกหน้า "น้าซาร์" ในขณะหลักฐานฟ้องว่าหอกผิวหมึกอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า 1 ช่วงตัวกว่าๆ .. (อิ อิ)

เอาเป็นว่าสิ้นเสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย ..เอ้ย !! สิ้นเสียงนกหวีดยาวสุดท้ายของผู้ตัดสิน เป็นอันว่าจบ บทสรุป ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์ คือชัยชนะของทัพ "ปีศาจแดง" 3 ต่อ 2 ส่วนผู้แพ้ก็ต้องดูแลตัวเองต่อไป จะอุทธงอุทธรณ์อะไรยังไง ก็ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันนะ

ยังไงก็ขอปรบมือให้กับสปิริต "นักสู้หัวใจสิงห์" 9 ชีวิตที่เหลือในสังเวียนแข้งช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกม ที่วิ่งสู้ฟัด กัดไม่มีปล่อย เฉกเช่น นักสู้พลังข้าวเหนียวควงไม้คมแฝก บู๊ ห้ำหั่น ฟาดฟัน จนเลือดหยดสุดท้าย

ส่วนผู้ที่ยังสงสัยหรือครางแคลงใจ จะด้วยอคติส่วนตัว หรือ กระแสสังคมยุยงส่งเสริมยังไงก็แล้วแต่ ก็นึกเสียว่ามันเป็นเกมๆ นึง มีแพ้บ้าง ชนะบ้างก็ แล้วกันนะครับ

อย่าเสียเวลามาทะเลาะกันเลย เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ยจ๊ะ โอเคป่ะ ...

เรื่องโดย "จ่าตุ๊"

อัลบั้มภาพ 40 ภาพ

อัลบั้มภาพ 40 ภาพ ของ ฟุตบอล : ชนะ .. จบป่ะ !!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook