ผีหนีหนาว และไทยมองเทศ

ผีหนีหนาว และไทยมองเทศ

ผีหนีหนาว และไทยมองเทศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ผมยังรู้สึก "สะลึมสะลือ" เหมือนไม่ฟื้นจากซูเปอร์ทริป "แดงเดือด" อยู่เลย ณ ตอนนี้ แม้เวลาจะผ่านไป 1 สัปดาห์เต็มพอดีหลังเสร็จภาระกิจกลับมาเมืองไทย

ที่ "แปลก" แต่จริงก็คือ อากาศบ้านเราเองก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน ดังนั้นอาการแปลก ๆ เช่น เหมือนจะเป็นไข้ ตัวร้อน, น้ำมูกไหล หรือจะไอ จึงอาจเกิดขึ้นได้

แบบนี้ ภาษา "หมอตี๋" ข้างบ้านผมเรียกว่า "แพ้อากาศ" ว่าแล้วก็จ่ายยาแก้แพ้อากาศควบกับยาแก้ไข้ ปวดหัว ตัวร้อน นิดหน่อย เป็นอันเสร็จพิธี

แต่จะหายไม่หาย การออกกำลังกาย และเลือกรับประทานอาหารถือว่า "จำเป็น" และสำคัญมากเลยนะครับ ยังไงก็รักษาสุขภาพกันให้ดีแล้วกัน

ครับ พอพูดถึง "อากาศ" พูดถึงสุขภาพ และการใช้ชีวิต ชั่วโมงนี้จึงไม่แปลกครับที่ได้เห็นทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหินฟ้าหนีหนาวไปพักตากอากาศซ้อมในที่อากาศดี ๆ อย่าง โดฮา Aspire Academy ซึ่งยอดทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค และชาลเก้ ได้ "หนีหนาว" มาเทรนก่อนหน้านี้เช่นกัน

หะแรกที่สะดุดจาก "ภาพข่าว" ก็คือ เสื้อซ้อมลายเหมือนผ้าขาวม้าของทีมปิศาจแดงซึ่งตอนแรกนึกว่าตัวเองจะรู้สึกคนเดียว แต่สื่ออย่าง "เดลี่ เมล์" ที่อ่านอยู่ประจำก็แอบเหน็บเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

ทั้งนี้แม้ชุดซ้อมดังกล่าวจะไม่ใช่ชุดแข่งแบบเป็นทางการใด ๆ อันต่างจากชุดเยือนเลื่องชื่อระบือไกล "สีเทา" ปี 1996 ที่ใส่แล้วแพ้เซาแธมป์ตัน 3-6 จนโดนเตะลงถังขยะทันที แต่ก็นั่นแหละครับ มันคือ "ภาพลักษณ์" อย่างหนึ่งของสโมสร

โดยยามนี้ ท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ติดภาระกิจ เช่น ออกงาน "กาล่า" ในลอนดอน จึงไม่สามารถหลบหนาวมานำซ้อมด้วยได้

ทว่างานนี้คงจะได้เห็นนะครับว่า แมนฯยูฯซึ่งมีประวัติ "หนีหนาว" ไปพึ่งร้อนบ่อย ๆ แล้วมักจะกลับสดชื่น สมัครสมานสามัคคี จะประเดิมเกมคัมแบ็คเกาะอังกฤษในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 กับฟูแล่ม ในบ้านเสาร์นี้เป็นอย่างไร?

พูดถึง การมี/ไม่มี "เฟอร์กี้" ตอนคุมซ้อมแล้ว หลายท่านอาจสงสัยว่า จะได้หรือ?

เรื่องแบบนี้กับฟุตบอลอาชีพในประเทศที่ใช้คำว่า "ผู้จัดการทีม" ไม่ใช่ "โค้ช" สำหรับคนในตำแหน่งสูงสุดด้านการบริหารจัดการทีมในสนาม ถือว่า "ปกติ" ครับ

เท่าที่ผมทราบ และเอ่ยชื่อได้เลย กุนซืออย่างเฟอร์กี้ หรือแฮร์รี เรดแนปป์ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสนามซ้อมแต่ละวันเลยก็ได้

ผู้ช่วย และสตาฟฟ์โค้ช จะทำหน้าที่ "รับบรีฟ" และรับสารมาถ่ายทอดในสนามทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามแผนการซ้อมของกุนซือใหญ่

เพราะลำพังคนอายุ 71 ปีอย่างเฟอร์กี้ หากต้องมา "ตากหนาว" ชนิดเด็กหนุ่มอย่าง "น้องไบร์ท", "น้องริท" หรือแม้แต่ผมเองยังแทบทนไม่ไหวเพื่อคุมซ้อมทุกวัน

จุดนี้นี่เองทำให้เฟอร์กี้สามารถคุมได้อยู่จนอายุทะลุหลัก 7 และยืนหยัดต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 27 ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ

ข้อดีอีกประการหนึ่งของการกระจายอำนาจลักษณะนี้ก็คือ "ช่องว่าง" ระหว่างนักเตะกับกุนซือใหญ่จะมีระยะให้เคารพกันได้พอประมาณ

เพราะผู้ช่วยกุนซือส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ "พี่ใจดี" คอยโอ๋ และรับลูกไว้ก่อนเสมือนคนที่สามารถพูดคุย และปรึกษาได้

ต่าง ๆ นานาเหล่านี้ ต่างจาก "บ้านเรา" พอควร แต่ต่อไปอาจจะขยับเข้าใกล้เคียงได้หลังเราเริ่มเรียนรู้ และได้ศึกษาถึงข้อดี ข้อเสียของ "ระบบ" เค้า และระบบเรา

ยกตัวอย่างเช่น ชลบุรี เอฟซี กับการแต่งตั้ง "โค้ชโย่ง" วรวุฒิ ศรีมะฆะ มาเป็น "ตัวเบรก" หรือตัวปะทะเพื่อสื่อสารกับผู้เล่นก่อนจะถึงปรมาจารย์อย่าง "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ที่เก่งทุกอย่าง แต่อาจจะเก่งเกินไปจน "เข้าถึง" ได้ยากไปนิด

ผมมองว่า "โมเดล" โครงสร้างนี้ของชลบุรีจะ "เวิร์ก" แน่นอนซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปโดยเริ่มจากฟุตบอลรายการ "พรีซีซั่น" ไทยพรีเมียร์ลีก 2013 ที่ชื่อ "ช้าง ชลบุรี อินวิเตชั่น 2013" และฉลามชลเป็นเจ้าภาพ

ฟุตบอล "อินวิเตชั่น" ลักษณะนี้ก็เป็นซีซั่นแรกเช่นกันที่บ้านเรานำ "โมเดล" ฝรั่งมาปรับใช้ได้ดี และสร้างความคึกคักพร้อมโหมกระแสให้เกิดขึ้นก่อนสุดสัปดาห์แรกของเดือน มี.ค.ที่ซีซั่นใหม่จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

หรือการเก็บตัว หรือไป "ผ่อนคลาย" ล่าสุดที่เห็นมาก็คือ แบงค็อก ยูไนเต็ด น้องใหม่ TPL ที่ยกพลหนีร้อนไปพึ่งหนาวเพื่อดูลิเวอร์พูล ถล่มนอริช 5-0 กันทั้งทีมพร้อมทัพทีมงาน

อันนั้นไม่ใช่เพื่อฝึกซ้อม แต่เป็นเพื่อสร้างแรงจูงใจ และไปสัมผัสประสบการณ์ระดับโลกเพื่อมา "ต่อยอด" มากกว่า...ก็สามารถประยุกต์มาปฏิบัติได้

ทั้งหมดของวันนี้ก็เป็นอะไรสบาย ๆ แบบไทยมองเทศ, ผีหนีหนาว และฟุตบอลช่วงวันสองวันนี้นะครับ

เรื่องโดย "Kai Muk Dum"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook