ศัตรูที่รัก

ศัตรูที่รัก

ศัตรูที่รัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : แมตช์หยุดโลก ระหว่าง เรอัล มาดริด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คืนนี้ เรียกได้ว่าเป็นเกมที่คนทั่วโลกรอคอย เพราะมีเรื่องราวหลายอย่าง ที่ถูกจับตามอง

อย่างแรกเลยก็คือ การดวลกันของสองทีมที่เป็นที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก อย่าง "ปีศาจแดง" และ "ราชันชุดขาว" อย่างที่สอง คือการกลับมาเจอทีมเก่าของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ได้เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้นสังกัดเก่าของเขาเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ย้ายออกไปด้วยค่าตัวสถิติโลกเมื่อปี 2009

โด้วันแรกในสีเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด มาถึงวันนี้กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของปีศาจแดง

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ การได้ด้วลกึ๋นของโคตรกุนซือแห่งวงการลูกหนังในยุคนี้ ระหว่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จอมคนสกอตต์ กุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ โชเซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือจอมอหังการชาวโปรตุเกส ของทีม "ราชันชุดขาว"

เกมคืนนี้ จะเป็นการดวลกันระหว่าง เฟอร์กี้ กับ มูรินโญ่ เป็นหนที่ 15 เข้าไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้ 14 ครั้ง เป็น มูรินโญ่ ที่ทำได้ดีกว่า คือพาทีมชนะได้ 6 ครั้ง ส่วน เฟอร์นี้ นั้นเป็นฝ่ายมีชัยไป 3 ครั้ง

ตลอดชีวิตการเป็นกุนซือของ เซอร์ อเล็กซ์ นั้นได้เขามีคู่ปรับมากมาย ไล่มาตั้งแต่ เควิน คีแกน, เชราร์ อุลลิเยร์, ราฟาเอล เบนิเตซ, อาร์แซน เวนเกอร์ และอีกมากมาย แต่คนที่ เฟอร์กี้ ยอมรับมากที่สุดก็คือ เจ้าหนุ่มมูรินโญ่ นั่นเอง

 

มิตรและศัตรูเป็นคนเดียวกัน

ครั้งแรกที่สุดยอดกุนซือทั้งของได้ดวลกัน เกิดขึ้นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อปี 2004 ตอนนั้น มูรินโญ่ เป็นกุนซือหนุ่มของ เอฟซี ปอร์โต้ นำทีมมาดวลกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัวเต็งประจำปีนั้น

ในเกมนัดแรก ปอร์โต้ เป็นฝ่ายเอาชนะในบ้านตัวเองไปก่อน 2-1 แต่แม้จะชนะได้ ก็ยังไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะเอาตัวรอดจากเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้ ตอนแรกเกมไปแบบที่ทุกคนคาดเอาไว้ก็คือ "ปีศาจแดง" ได้ประตูออกนำไปก่อน จาก พอล สโคลส์ และก็น่าจะได้ประตูที่สอง จาก สโคลส์ คนเดิม แต่ดันโดนเป่าว่าเป็นลูกล้ำหน้า ซึ่งจากภาพช้าดูยังไงก็ไม่ล้ำ

ถ้าเกมจบแบบนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นฝ่ายเข้ารอบไปด้วยกฏประตูทีมเยือน แต่พวกเขาก็มาเสียฟรีคิกในช่วงนาทีสุดท้าย เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ ปั่นไปติดเซฟของ ทิม ฮาวเวิร์ด แต่บอลเจ้ากรรมดันไปเข้าทางของ คอสตินญ่า ยิงซ้ำเข้าไป

และวินาทีที่เรียกได้ว่าเป็น คลาสสิกโมเมนต์ ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เกิดขึ้น เมื่อ มูรินโญ่ วิ่งจากม้านั่งฝั่งตัวเอง ไปร่วมเฮกับลูกทีม ซึ่งหลังจากนั้นก็อย่างที่เรารู้กัน เขาพาปอร์โต้ คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยชัยชนะเหนือ โมนาโก 3-0 คว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สนามเอาฟ์ ชาลเก้ อารีน่า

ทั้งสองคนได้ดวลกันอย่างเป็นกิจลักษณะ ในช่วงระหว่างปี 2004-2007 ที่ มูรินโญ่ เข้ามาทำงานที่ประเทศอังกฤษ อย่างเต็มตัวในฐานะกุนซือของ เชลซี และเขาก็สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการลูกหนังเมืองผู้ดี ด้วยการพา เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ใน 2 สมัยซ้อน ด้วยสถิติ 95 และ 91 คะแนน ตามลำดับ

แต่ในปีถัดมา เฟอร์กี้ ก็สร้าง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ฟุบไปพักใหญ่ กลับมาทวงแชมป์ลีกคืนจาก เชลซี ของ มูรินโญ่ ได้สำเร็จ ซึ่ง เฟอร์กี้ ยอมรับว่า การดวลกับ มูรินโญ่ นั้นสร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับเขามากเลยทีเดียว ยามดู มูรินโญ่ ทำงานแล้ว มันทำให้เขานึกถึงตัวเองในอดีตเป็นอย่างมาก

ด้วยความเป็นคนโผงผาง กล้าลุยกับทุกคนเพื่อปกป้องทีมของตัวเองของทั้งคู่ ทำให้ เฟอร์กี้ และมูรินโญ่ นั้นมีความสนิทชิดเชื้อกันอย่างรวดเร็ว และมีความเห็นอกเห็นใจกันอยู่เสมอ และถ้ายังจำกันได้ ตอนที่ มูรินโญ่ ลาออกจากเชลซี เพราะมีเรื่องกับ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสร ก็มี เฟอร์กี้ นี่แหละ ที่เป็นคนแรกๆ ที่ส่งข้อความไปหามูรินโญ่ ด้วยความเป็นห่วง

แน่นอนว่าการเจอดวลกันของทั้งสองกุนซือนั้นเป็นอะไรที่สนุกทุกครั้ง แต่ยามนอกสนาม ทั้งสองก็คือเพื่อนซี้ต่างวัยกัน จนเปรียบเหมือนศัตรูที่รัก และไม่ว่าผลของทั้งสองเกมที่ เบร์นาเบว และโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จะเป็นอย่างไร

ทั้งสองก็คงนัดดื่มไวน์ หารือเรื่องศาสตร์ของเกมลูกหนังเหมือนทุกทีแน่นอน

เรื่องโดย " The Nut"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook