17 ปี เวนเกอร์

17 ปี เวนเกอร์

17 ปี เวนเกอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ผมยกย่องให้ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือของอาร์เซนอล เป็นปูชนียบุคคลของวงการฟุตบอลอังกฤษเลยนะครับ ถ้าไม่มีเขา ศึกพรีเมียร์ลีกคงเหี่ยวเฉาไม่น้อย ฟุตบอลสวยงาม เอ็นเตอร์เทนแฟนๆ ด้วยเกมรุกเต็มสูบ การปั้นเยาวชนให้โอกาสพวกเด็กๆ และอีกมากมาย

วันนี้ผมอยากพาท่านผู้อ่านนั่งไทม์แมชชีน ย้อนไปดูเกมในความทรงจำของ เวนเกอร์ ซึ่งได้กลายเป็นก้าวอันยิ่งใหญ่ของผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสในวันนี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 อาร์เซนอล (ฤดูกาล 1997-1998)

ฤดูกาลนั้น "ปีศาจแดง" นำเป็นจ่าฝูงหายห่วงชนิดไร้คู่แข่ง แต่จุดเริ่มต้นของ อาร์เซนอล ในวันนั้น ค่อยๆ บีบช่องว่างจาก 12 คะแนน จนแซงคว้าแชมป์ชนิดช็อกแฟนๆ ยูไนเต็ด ต้องขอบคุณประตูชัยของ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส ปีกความเร็วสูงที่ส่งบอลลอดหว่างขาของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เข้าสู่ก้นตาข่ายแบบนิ่มๆ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 อาร์เซนอล (ฤดูกาล 2001-2002)

หลังจากปล่อยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน อาร์แซน เวนเกอร์ พยายามคิดหาหนทางในการชำระแค้น และก็ประสบความสำเร็จ แถมเป็นการบุกมาฉลองแชมป์ถึงถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบอุกอาจ จากประตูโทนของ ซิลแว็ง วิลตอร์ กองหน้าตัวแสบ

ลิเวอร์พูล 3-6 อาร์เซนอล (ฤดูกาล 2006-2007)

คราวนี้เปลี่ยนบรรยากาศเป็นศึกคาร์ลิ่ง คัพ รอบที่ 5 จะมีสักกี่ทีมกันที่บุกมาสอย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์ยุโรป 5 สมัย ถึงรังแอนฟิลด์ ฮีโร่เกมนี้คือ ชูลิโอ บาปติสต้า กองกลางตัวรุกทีมชาติบราซิล ที่ยิงคนเดียว 4 ประตู แม้อาจกล่าวอ้างได้ว่าส่งสำรองลงเล่น แต่ฝั่ง "ไอ้ปืนใหญ่" ก็จัดสำรองลงสนามเต็มไปหมดเช่นกัน สุดท้ายพวกเขาไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนแพ้ให้กับ เชลซี 1-2

เรอัล มาดริด 0-1 อาร์เซนอล (ฤดูกาล 2005-2006)

เธียร์รี่ อองรี กองหน้ากัปตันทีมอาร์เซนอล รับบอลจาก เชส ฟาเบรกาส ตรงกลางสนาม ก่อนกระชากบอลหลบผู้เล่นของ เรอัล มาดริด 4 คน แล้วซัดนิ่มๆ ผ่านมือ อิเคร์ กาซียาส เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม เล่นให้แฟนๆ ในสนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว อึ้งกิมกี่ไปเลยทีเดียว

อาร์เซนอล 7-0 เอฟเวอร์ตัน (ฤดูกาล 2004-2005)

แม้ซีซั่นดังกล่าว อาร์เซน่อล จะต้องเสียตำแหน่งแชมป์ให้กับ เชลซี ของกุนซือจอมโอหัง โชเซ่ มูรินโญ่ แต่เกมที่ถล่ม เอฟเวอร์ตัน 7-0 ที่สนามไฮบิวรี่ แสดงให้เห็นถึงการเข้าทำที่สมบูรณ์แบบกับทุกประตูที่เกิดขึ้นในสนามไฮบิวรี่ ในวันนั้น

อินเตอร์ มิลาน 1-5 อาร์เซน่อล (ฤดูกาล 2003-2004)

เป็นปีเดียวกับที่ อาร์เซนอล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่ายนั่นละ แต่คราวนี้สลับฉากเป็นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง "ไอ้ปืนใหญ่" ต้องบุกเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน สถานเดียวเท่านั้น ถ้าหากยังหวังผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ และก็เป็นอีกครั้งที่ เธียร์รี่ อองรี เสกบันดาลให้ "ไอ้ปืนใหญ่" ไล่ถลกหนัง "งูใหญ่" หมดสภาพ

อาร์เซนอล 0-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ฤดูกาล 2004-2005)

ศึกเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ เป็นการโคจรมาพบกันของ 2 สโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเกาะอังกฤษชั่วโมงนั้น เกมวันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้ดีกว่า เพียงแต่ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ เยนส์ เลห์มันน์ จนต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ อาร์เซน่อล ยิงเข้าทั้ง 5 คน ส่วนฝั่ง "ปีศาจแดง" พอล สโคลส์ ยิงไม่เข้าแค่คนเดียว และนั่นก็คือโทรฟี่ใบสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล ได้สัมผัส จวบจนวันนี้

๑๑บุญเติม๑๑

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook