กำลังขาแบบ‘โรนัลโด้'

กำลังขาแบบ‘โรนัลโด้'

กำลังขาแบบ‘โรนัลโด้'
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : พลังการยิง และสปีดความเร็วภายใต้โครงร่างสมบูรณ์แบบ คือมิติใหม่ของโรนัลโด้ ณ วันนี้ที่เข้ามาแทนที่การพุ่ง, สับขา ของเด็กขี้โชว์ลีลาเหมือนวานซืนครับ

เมื่อวานเขียนเรื่อง หลุยส์ ซัวเรซ กับ "การพุ่ง" ไป วันนี้เกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจครับหลังได้ชม "ไฮไลต์" ย้อนหลัง โรนัลโด้ โชว์พลังซัดไกล 30 หลา ตูมเดียวเสียบตาข่าย เรอัล เบติส ชนิดนายทวาร สเตฟาน แอนเดอร์เซ่น ได้แต่ยืนมอง

ประเด็น คือ ซัวเรซทำให้ผมนึกถึง โรนัลโด้ สมัยค้าแข้งอยู่อังกฤษ และก็ชอบมีปัญหาตกเป็นหัวข้อสนทนาเรื่อง "พุ่งล้ม" อยู่บ่อยๆ ตลอด 6 ปี ในถิ่นผู้ดี

ลูกยิงอันทรงพลังของโรนัลโด้

แน่นอน "โด้จิ๋ว" พัฒนาตัวเองขึ้นในช่วงหลังก่อนย้ายทีมไปเรอัล มาดริด แต่ภาพทรงจำหนึ่งนอกเหนือจากฝีเท้าเหนือดุจเทวดาก็ยังหนีไม่พ้นลีลาโอเวอร์แอ๊กชั่น และฉายาจอมพุ่ง

ทุกวันนี้ ดาวเตะโปรตุเกสใช้ "ฟุตบอล" พูดแทนคำพูดตัวเองจนแทบไม่มีใครกล่าวหาเค้าอีกแล้ว เพราะฝีเกือกมัน "กลบ" ปากพวกนักวิจารณ์ได้หมด

โรนัลโด้เคยโดนจับทดสอบพละกำลังมาแล้ว!

ขณะที่อีกประเด็นที่ควรแตะถึงคือ "สรีระ" ของโรนัลโด้ ที่เล่นฟิตเนสจนหุ่นเฟิร์มแน่น และแข็งแกร่งรับการปะทะได้ดี แถมยังทรงพลังทั้งสปีด + "ลูกยิง" มหาศาล

โดยหลังจากซิว "บัลลงดอร์" สมัย 2 ของตัวเองเมื่อ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้อ่าน บทสัมภาษณ์จาก "บีบีซี" ของ ไมค์ เคลก โค้ชด้านพัฒนากำลังของสโมสรแมนฯยูไนเต็ด ระหว่าง 2010-2011

ที่สุดก็อดเก็บมาฝากเป็น "เบื้องหลัง" การได้รางวัลของดาวเตะโปรตุกีสรายนี้ไม่ได้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้

หุ่นแบบนี้ได้มาเพราะฝึกฝนล้วนๆ

เคลก พูดถึงเบื้องหลังการซ้อม และอุปนิสัยของโรนัลโด้สมัยเป็น "เด็กผี" ว่าเยี่ยมยอดทั้งในแง่ทัศนคติ, ความมุ่งมั่น, ความขยัน และทุ่มเท ผ่านการฝึกที่สนามซ้อมอย่าง แคร์ริงตัน หรือที่บ้าน หรือที่ยิมสโมสร

ใครจะเชื่อครับว่า โด้ลงทุนซื้อบ้านพร้อมสระว่ายน้ำเพื่อ "รีแลกซ์" ร่างกายหลังซ้อม ไม่นับจ้าง "พ่อครัว" มือทองมาทำอาหารคุณภาพดีให้ถึงบ้าน

ในยิมสโมสร โด้ยังเป็นเพียง 1 ในนักเตะไม่กี่คน เช่น รอย คีน, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์ และเดวิด เบ็คแฮม ที่เคลก "ยอมรับ" ว่า มุ่งมั่นกับการพัฒนากล้ามเนื้อ ความแข็งแกร่งเพื่อสร้าง "จุดเด่น" ของตัวเอง

จนเป็นที่มาของ "หุ่นนายแบบ" เพอร์เฟกต์ ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อซึ่งช่วยเรื่องความเร็ว และพลังต้นขาอันมีผลต่อสปีดวิ่งเร็ว และพลังยิงที่หนักหน่วง

เหนือสิ่งอื่นใด ทุกๆ "การพลาด" ในสนาม โรนัลโด้ จะนำมันมาเป็นบทเรียน และฝึกซ้อมๆ และฝึกซ้อมเพื่อไม่ให้ผิดซ้ำซากอีก

อันต่างจากนักเตะส่วนใหญ่ที่หากพลาดแล้วจะล้มเลิกความตั้งใจ หรือกลัวที่จะทำมันอีกในสนาม

ด้วยผลงาน "แฮตทริก" แชมป์พรีเมียร์ลีก ระหว่าง 2007-2009 และแชมเปี้ยนส์ ลีก 2008 พร้อมตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของโลก สมัยแรกในปี 2008

โรนัลโด้ จึงเปรยกับ ไมค์ เคลก ว่า เค้าทำมันหมดทุกอย่างที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด แล้ว และมันก็ถึงเวลาจะเดินไปข้างหน้าแล้ว

ซึ่งแน่นอนครับว่า โด้เป็นแฟนทีมเรอัล มาดริด และมันก็คงมีสโมสรเดียวเท่านั้นที่จะพรากตัวเค้าจากแมนฯยูฯไปได้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ย้ายสู่อ้อมอกเรอัล มาดริด มีแฟนต้อนรับเต็มความจุสนาม

การย้ายทีมด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ จึงเกิดขึ้นเป็นสถิติโลกจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด สู่ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ในปี 2009

ในปี 2013 ที่โรนัลโด้ ได้ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของโลกที่ควบรวมกับบัลลงดอร์ เป็นสมัยที่ 2 ของตัวเองนั้น กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ยิงได้ 66 ประตู จาก 56 นัด ให้ทีมมาดริด

พร้อมกับนำทีมชาติฝอยทอง ทะลุสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ เฉพาะอย่างยิ่งกับฟอร์มยอดเยี่ยมจากทั้ง 2 นัด ในรอบเพลย์ออฟกับทีมชาติสวีเดน ภายใต้การนำทัพของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

โดยด้วยวัยเพียง 28 ปี โรนัลโด้ยังน่าจะมี "ช่วงพีก" อีกอย่างน้อย 3 ปี และจากสถิติทั้งยิงประตู และผลงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกซีซั่น

ผมเชื่อว่า เรายังไม่ได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดจากนักเตะ "บัลลงดอร์" คนล่าสุดของโลกรายนี้

และเช่นกันจาก "จอมสับ(ขา)" เป็นจอมพุ่ง และล่าสุดจอมพลัง (ซัลโว) บทต่อไปของโรนัลโด้จะพัฒนาไปอย่างไร ผมว่าน่าติดตามอย่างยิ่งครับ

Kai Muk Dam

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook