'เรือ vs สิงห์' แมตช์แห่งฤดูกาลฟุตบอลเมืองผู้ดี

'เรือ vs สิงห์' แมตช์แห่งฤดูกาลฟุตบอลเมืองผู้ดี

'เรือ vs สิงห์' แมตช์แห่งฤดูกาลฟุตบอลเมืองผู้ดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือความรู้สึกแล้ว ผมคิดว่าเกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับเชลซี ในค่ำคืนนี้เป็นเกมแห่งฤดูกาลของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอย่างปราศจากความสงสัย

นี่คือการเผชิญหน้ากันของ 2 ทีมที่เก่งที่สุดในพรีเมียร์ลีก มีขุมกำลังที่ดีพร้อมมากที่สุด และกำลังเล่นได้เข้าฟอร์มมากที่สุดในเวลานี้

นับเป็นการพบกันอย่างถูกที่ถูกเวลาอย่างยิ่ง

แมนฯ ซิตี้ ภายใต้การนำของมานูเอล เปเญกรินี่ สร้างปรากฏการณ์ให้แก่วงการฟุตบอลอังกฤษ ด้วยสไตล์เกมรุกบุกแหลก ยิงประตุถล่มทลาย ชวนให้คิดถึง "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในยุคทองภายใต้บารมีกุนซือ "คิงเคฟ" เควิน คีแกน ในช่วงปี 1993-95

ซิตี้ยุคนี้กับสาลิกายุคนั้น คล้ายกันในหลายจุด สตาร์ล้นทีม เกมรุกที่ชวนสยองขวัญ แต่ก็มีเกมรับที่เปราะบางเช่นกัน กระนั้นผลงานชนะรวด 8 นัด ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของสโมสรก็เป็นผลงานที่ต้องชื่นชมอยู่ดี

ในความรู้สึกแล้ว ผมคิดว่าสโมสรของคนเมืองแมนเชสเตอร์แห่งนี้ กำลังยกระดับมาตรฐานไปอยู่ในระดับเดียวกับบาร์เซโลน่า (ซึ่งจะได้วัดกันในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอาต์) หรือบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเป็นระดับที่อยู่เหนือสโมสรอื่นๆในอังกฤษ และการจะหยุดทีมที่น่ากลัวแบบนี้ได้ ต้องใช้ทีมที่มีศักยภาพใกล้เคียงกันเท่านั้น

เชลซี คือทีมเดียวในอังกฤษที่ผมมองว่าศักยภาพใกล้เคียงกับแมนฯ ซิตี้ หากจะเป็นรองอยู่ก็ไม่มาก แค่เรื่องของเกมรุกที่ไม่เฉียบขาดเท่ากันแค่นั้น

แต่ในทางตรงกันข้ามสิ่งที่เชลซี มีเหนือกว่าคือเกมรับและความเขี้ยวอันเกิดจากประสบการณ์ที่เคี่ยวกรำ และความสามารถของจอมบงการอย่างโจเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเราได้เห็นกันมาแล้วในการพบกันครั้งแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงเดือนตุลาคมว่าหาก เชลซี อยากเล่นเน้นผลจริงๆ พวกเขาเอาชนะใครก็ได้

การเผชิญหน้ากันของ ซิตี้ และเชลซี ในคืนนี้จึงเป็นการพบกันระหว่างทีมที่มีเกมรุกที่ดีที่สุด (แมนฯ ซิตี้ ยิงได้ 68)กับทีมที่มีเกมรับที่เหนียวแน่นที่สุด (เชลซี เสีย 20)

คำถามสำคัญคือ เชลซี จะหยุดซิตี้ได้หรือไม่และจะหยุดได้อย่างไร?

มาร์ค ลอว์เรนสัน Football pundit ของ BBC ชี้ว่าในยามออกมาเล่นเกมเยือน เชลซี จะใช้ระบบ 4-3-3 ซึ่งเป็นระบบพื้นฐานที่มูรินโญ่ถนัดที่สุดเสมอ ซึ่งหมายถึงจะไม่มี 3 ประสาน วิลเลียน, ออสการ์ และอาซาร์ ยืนอยู่หลังกองหน้า โดย 1 ใน 3 จะถูกถอดออกเพื่อส่ง รามิเรส หรือ ดาวิด ลุยซ์ เข้ามาแพ็กเกมแดนกลาง

โดยปกติแล้วมันมักจะได้ผลครับ และมีความเป็นไปได้ที่ มูรินโญ่ น่าจะพอใจกับผลเสมอที่เอติฮัด เพราะหมายถึงพวกเขาเก็บได้ 4 คะแนนจากซิตี้ ดีกว่าการเปิดหน้าแลกและประสบความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ

กระนั้นไม่มีใครมั่นใจได้ว่าแดนกลางและเกมรับของเชลซี จะหยุดพลังทำลายล้างมหาศาลของแมนฯ ซิตี้ ในเกมรุกได้จริงๆ เพราะซิตี้ วันนี้แทบจะเป็นคนละทีมกับซิตี้ ที่เชลซีเอาชนะได้ในเดือนต.ค. ที่ยังค้นหาความลงตัวไม่เจอ

นั่นจึงเป็นทั้งงานหนักและโอกาสทองในเวลาเดียวกัน ที่มูรินโญ่ จะพิสูจน์ความสามารถของเขาในฐานะจ้าวแห่งแท็คติกส์ลูกหนังเกมรับ

ขณะที่ เปเญกรินี่ เองถึงแม้จะออกตัวว่าเกมนี้ "ไม่ใช่นัดตัดสินแชมป์" แต่เขาย่อมตระหนักดีว่าชัยชนะในเกมนี้จะมีความหมายมากเพียงใดต่อโอกาสในการคว้าแชมป์ของทีม เพราะหากพวกเขาเก็บชัยชนะได้ในเกมนี้ ไม่เพียงแต่จะ "ตัดไม้ข่มนาม" ตัดคะแนนคู่ต่อสู้สายตรงทีมเดียวที่มีศักยภาพใกล้เคียงพวกเขามากที่สุด แต่ยังเป็นการเสริมกำลังใจทีม และข่มขวัญทีมที่เหลือไปด้วยพร้อมกัน

มันจะเป็น 90 นาทีที่มีความหมายอเนกอนันต์

เป็นเกมแห่งฤดูกาลอย่างแท้จริงที่เราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

Key man

แมนเชสเตอร์ ซิตี้: ดาวิด ซิลบา

การขาด เซร์จิโอ "กุน" อเกวโร่ อาจเป็นความเสียหายหลายแสนอยู่สำหรับแมนฯ ซิตี้ แต่ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ดาวยิงพระกาฬอาร์เจนไตน์ต้องพักร่วมเดือนทีมก็ไม่ได้ทรุดแต่อย่างใด ซึ่งหนึ่งในเหตุผลสำคัญคือการกลับมาฟิตสมบูรณ์และเข้าฟอร์มอีกครั้งของเพลย์เมคเกอร์ที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลกอย่าง ดาวิด ซิลบา

พรสวรรค์ ฝีเท้า ชั้นเชิง และประสบการณ์ของซิลบานั้นถือเป็นที่สุดของโลก ความสามารถในการทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายไม่ว่าจะเป็นการครองบอล เลี้ยงบอล จ่ายบอล หรือเปิดบอลให้เพื่อนลุ้นทำประตู ไม่ใช่ใครจะทำเลียนแบบได้ ต้องเป็นนักเตะที่ฟ้าประทานพรมาให้เท่านั้น ซึ่งความสามารถอันเอกอุของซิลบานี่เอง ที่จะส่งเสริมกองหน้าคนอื่นๆในทีมอย่าง อัลบาโร่ เนเกรโด้, เอดิน เชโก้ รวมถึง สเตวาน โยเวติช ชดเชยการขาดหายของอเกวโร่ได้

เชลซี: เอเดน อาซาร์

หากซิลบา คือสายน้ำที่อ่อนช้อยและลื่นไหล อาซาร์คือสายน้ำเชี่ยวกรากที่รุนแรงและทรงพลัง

เช่นกันกับดาวเตะชาวสเปน อาซาร์ กำลังอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาจากลีลล์ เป็นฟอร์มที่ทำให้เขาได้รับการจับตามองในฐานะสุดยอดตัวทำเกมรุ่นใหม่ ด้วยสไตล์การเล่นที่เร้าใจ เร็ว คล่อง กล้าหาญ

สตาร์ชาวเบลเยี่ยมคือหัวใจสำคัญในเกมรุกของเชลซี เป็นคนเดียวในทีมที่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าปาฏิหารย์พร้อมเกิดขึ้นทุกวินาทีหากบอลอยู่ที่เท้าของเขา ซึ่งอาซาร์ จะต้องเจอกับบททดสอบสำคัญในเกมนี้เมื่อจะได้ดวลกับมิดฟิลด์ระดับเวิลด์คลาสอย่าง ยาย่า ตูเร่ และเฟอร์นันดินโญ่ ซึ่งการเล่นออกหรือเล่นไม่ออกของเขาส่งผลต่อโอกาสของเชลซีอย่างแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook