ว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีก!

ร้านพูลต่างๆในอังกฤษพร้อมใจกันเปิดราคาแชมป์ลีกปีนี้ โดยยกให้ เชลซี ของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ขึ้นเป็นเต็ง 1 แล้วนะครับ บรรดาเกจิเมืองนอกคงมองไปที่การเสริมทัพที่ดุเดือดของ "สิงโตน้ำเงินคราม" บวกกับมันสมองของ มูรินโญ่ นั่นเอง

 

 

 

ฤดูกาลที่แล้ว เชลซี จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 3 พร้อมกับปัญหาหลายๆจุด แต่ช่วงเปิดตลาดหน้าร้อนนี้ มูรินโญ่ ตามแก้ปัญหาทุกจุดด้วยนักเตะชื่อชั้นเกรดพรีเมี่ยม 

 

ตำแหน่งผู้รักษาประตูดึงเอา ติโบต์ กูร์กตัวส์ กลับมาจาก แอตเลติโก มาดริด กองหลังตัวกลางจัดการขาย ดาวิด ลุยซ์ ที่เล่นบอลเลอะเทอะเรียบร้อย พร้อมกับดึงเคิร์ต ซูม่า ดาวเตะอนาคตไกลชาวฝรั่งเศส แบ็กซ้ายก็ได้ ฟิลิเป้ หลุยส์ หนึ่งในแบ็กซ้ายที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดของทวีปยุโรป เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา 

 

 

 

กองกลางปลดระวาง แฟรงค์ แลมพาร์ด เรียบร้อย แต่ก็ได้ เชส ฟาเบรกาส ที่เคยผ่านเวทีพรีเมียร์ลีกมาแล้วอย่างโชกโชนกับ อาร์เซนอลและตำแหน่งที่มีปัญหามากที่คือกองหน้าตัวเป้า พวกเขาก็รวบตัว ดีเอโก้ คอสต้า ดาวยิงจอมถึกมาจาก แอตฯ มาดริด และเชื่อว่าน่าจะเข้ามายึดตำแหน่งตัวจริงอย่างแน่นอน

 

หากเรามองตามหน้ากระดาษ เชลซี ได้กลายเป็นทีมที่น่ากลัวมากๆ ไปแล้วครับ ส่วนรูปแบบการเล่นและผลการแข่งขันที่ออกมานั้นคงต้องรอให้ฤดูกาล 2014-2015 เป็นบทพิสูจน์ 

 

 

 

และอีกอย่างหนึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่า นี่จะเป็นฤดูกาลที่ตัดสินชะตากรรมของ มูรินโญ่ อย่างแน่นอน ถ้าหากเขาทำทีมพลาดถ้วยพรีเมียร์ลีก หรือ แชมเปี้ยนส์ ลีก รายการใดรายการหนึ่ง รับรองชะตาขาดแน่ ดังนั้นนี่จะเป็นปีที่ มูรินโญ่ จะงัดมันสมองรวมถึงเกมจิทยาออกมาโจมตีคู่แข่ง และผู้ตัดสินอย่างแน่นอน 

 

 

ส่วนเต็ง 2 ได้แก่ แชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งตลาดรอบนี้มีการขยับตัวค่อนข้างน้อย แต่เราอาจมองได้ว่าขุมกำลังของ "เรือใบสีฟ้า" แข็งแแกร่งมากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามสำนักพูลจากต่างประเทศยกให้พวกเขาเป็นเต็ง 2 นั้นเพราะว่าสภาพร่างกายของ ยาย่า ตูเร่

 

 

 

แมนฯ ซิตี้ พึ่งพาทักษะและพละกำลังของ ยาย่า เยอะมากครับ ซีซั่นก่อนมีบางช่วงบางตอนที่สตาร์ไอวอรี่ โคสต์ บาดเจ็บไปแล้วทำให้การขับเคลื่อนเกมสะดุดไปดื้อๆ อย่าลืมนะครับว่า ยาย่า อายุ 32 ปีแล้ว จะให้วิ่งเป็นม้าศึกเหมือนแต่ก่อนอาจจะไม่ไหว

 

ไหนจะมี เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่พร้อมเดี้ยงทุกเมื่อ ถ้าเขาฟิตเต็มร้อยทั้งฤดูกาลมันด็ดีไป แต่ถ้าเจ็บออดแอดๆขึ้นมา ไม่รู้ว่าแมนฯ ซิตี้ เตรียมแผนสำรองไว้บ้างหรือยัง

 

 

 

อย่าลืมครับการเป็นแชมป์ว่ายากแลว แต่การป้องกันแชมป์นั้นยากกว่า เพราะทีมคู่แข่งจ้องจะคว่ำทีมคุณแน่ๆ

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล ถูกยกให้ขึ้นมาเป็นเต็ง 3 ทั้งที่ฤดูกาลก่อนจมอยู่อันดับที่ 7 เรื่องนี้ขยายความได้ไม่ยากครับ เป็นเพราะความสามารถของกุนซือชาวดัตช์ล้วนๆ

 

 

 

การเสริมทีมก็ได้มาแค่ 2 คน (อันเดร เอร์เรร่า และ ลุค ชอว์) แถมตัวกากๆ ก็ยังอยู่กันครบ ยกเว้นบรรดากองหลังที่ถูกปล่อยไปตามสภาพ ปาทริซ เอวร่า, เนมานย่า วิดิช และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ 

 

แต่ก็อย่างที่บอกละครับ ยี่ห้อ ฟาน กัล มีอะไรดีๆ มานำเสนออยู่ตลอดเวลา ดูอย่างตอนคุมทีมชาติฮอลแลนด์ เมื่อบอลโลกที่ผ่านมานั่นปะไร กล้าๆ เข็นทีมดาวรุ่งจนคว้าอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ 

 

 

 

แต่ผมเชื่อว่าต่อให้ "ปีศาจแดง" คว้า ตัวบิ๊กเนมมาร่วมทีมได้อีก 2-3 รายตามที่มีข่าว บ่อนรับพนันถูกฎหมายที่อังกฤษ ก็คงไม่ปรับราคาให้ขึ้รมาเบียดเป็นเต็ง 1 หรือเต็ง 2 แน่นอนครับ เพราะมองยังไง เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ ก็ยังดูดีกว่า

 

ทีนี้มาดูเต็ง 4 กันบ้าง อาร์เซนอล อยู่ในตำแหน่งนี้ครับ และเป็นเช่นนี้มา 4-5 ฤดูกาลได้แล้ว เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก บ่อนเมืองนอกไม่เชื่อน้ำยาของ อาร์แซน เวนเกอร์ และ ลูกทีมแล้วครับ ต่อให้เสริมทีมดีแค่ไหน ซื้อตัวดังคับฟ้ามาร่วมทัพ ก็ยังถูกมองว่าได้แค่พื้นที่เพลย์-ออฟ วันยันค่ำ

 

 

 

เหตุผลง่ายๆ ครับคือเรื่องสภาพจิตใจที่ไม่เคยต่อสู้กับเรื่องเสียดทานได้ ลองสังเกตุดูไหมครับ ถ้าหาก "ไอ้ปืนใหญ่" เปิดหัวซีซั่นใหม่แบบสวยๆ พอเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ หรือ อย่างเก่งก็ มีนาคม พวกเขาก็จะหลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ไปเอง

 

หรือหากปีไหนช่วงโค้งสุดท้ายฟอร์มสุดเลิศแจ่มแจ๋ว ก็เป็นเป็นเพราะช่วงต้นซีซั่นฟอร์มดิ่งลงเหว ทำให้ต้องมาเรื่องเครื่องในช่วงท้ายฤดูกาล 

 

วงจรนี้อยู่คู่กับ อาร์เซนอล มานานแล้วครับ ต่อให้ได้ตัว อเล็กซิส ซานเชส หรืออาจพ่วงด้วย ซามี่ เคห์ดิร่า อีกคนก็ตาม

 

 

"หงส์แดง" อยู่ในตัวเต็งลำดับที่ 5 ครับผม เหตุผลนั้นมาหลายประการทีเดียว เรื่องแรกคือแรงกระเพื่อมจากการขาย หลุยส์ ซัวเรซ พวกตัวที่ซื้อมาใหม่จะทดแทนได้ไหม จากสถิติบ่งชี้ชัดเจนเลยว่า ทีม

 

 

 

ไหนที่ขายสตาร์ดังที่สุดออกไปจากทีม มักจะทำผลงานได้ไม่ดีเท่าเดิม (ยกเว้น แอตเลติโก มาดริด ขาย ราดาเมล ฟัลเกา แต่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้)

 

 

 

องค์ประกอบอีกอย่างคือการรับศึกหลายด้าน ทั้งเกมลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทีม "หงส์แดง" ไม่ได้ไปเตะหลายปี และคราวนี้พวกเขาเน้นสุดๆแน่ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบแต่สภาพร่างกายนักเตะยามเล่นเกมลีกด้วย