เลี้ยงเสือต้องเลี้ยงให้อิ่ม : "โรนัลโด้" หัวโจกในสนามและปาร์ตี้ริมสระน้ำที่ "โครินเธียนส์"

เลี้ยงเสือต้องเลี้ยงให้อิ่ม : "โรนัลโด้" หัวโจกในสนามและปาร์ตี้ริมสระน้ำที่ "โครินเธียนส์"

เลี้ยงเสือต้องเลี้ยงให้อิ่ม : "โรนัลโด้" หัวโจกในสนามและปาร์ตี้ริมสระน้ำที่ "โครินเธียนส์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"มอบความสุขให้ผมสิ แล้วผมจะตอบแทนมันกลับให้คุณ"

เมื่อประสบความสำเร็จทุกอย่าง และได้รับการยอมรับจากทั่วทุกสารทิศ "โรนัลโด้" ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล ก็ได้เลือกเส้นทางใหม่ของตัวเองด้วยการลาทวีปยุโรปที่ค้าแข้งมาเป็นเวลาถึง 14 ปี เพื่อกลับสู่บราซิล บ้านเกิดของเขา

ที่ยุโรปไม่มีใครหยุดเขาได้ ทุกคนต่างเรียกเขาว่า ปรากฎการณ์ แต่เมื่อเขาแก่ตัวขึ้นและร่างกายไม่เหมือนเดิม ทำให้เขาต้องแสวงหาสิ่งที่หายไปมาทดแทน.. เขาต้องการที่ซึ่งมีอิสระเต็มรูปแบบ อยากดื่มอะไรก็ดื่ม อยากกินอะไรก็ได้กิน และอยากมีความสุขกับการเตะฟุตบอลอีกครั้ง

ติดตามบทบาทที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ เรื่องราวบั้นปลายอาชีพของ R9 ที่ โครินเธียนส์.. เรื่องราวที่ทำให้เรารู้ว่า "โรนัลโด้ สไตล์ ที่แท้จริง" นั้นเป็นอย่างไร?

ใหญ่แล้วอดเอา 

มีคำศัพท์ คำเมือง อยู่คำหนึ่งว่า "ใหญ่แล้วอดเอา" อันเป็นความหมายว่า เมื่อชีวิตได้เดินทางมาถึงช่วงวัยหนึ่งที่ต้องพึ่งตัวเองให้มากที่สุด สร้างความสำเร็จในอาชีพ มีความสุขกับสิ่งที่ทำ และยอมเหนื่อยเพื่ออนาคตที่สดใส.. ส่วนเรื่องของการเล่นสนุกและหาความสุขแบบไม่คิดหน้าคิดหลังคือเรื่องที่ต้องตัดออกไป "โตแล้วอดทนหน่อย" อะไรแบบนั้น

 1

สำหรับผู้ชายชาวบราซิเลียน ว่ากันว่าพวกเขาทุกคนมีความ "แบด" อยู่ในตัว กล่าวคือ พวกเขาไม่ชอบใช้ชีวิตที่โดนกรอบล้อมรอบเสียจนอึดอัด พวกเขาต้องการพื้นที่ที่จะแสดงตัวตนข้างในของตัวเองออกมา สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนมากๆในโลกของฟุตบอล เพราะพวกนักเตะแซมบ้ามักเป็นพวกที่มีคาแร็คเตอร์ที่โลกจดจำได้เสมอ 

เล่นฟุตบอลไปยิ้มไป, เจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง, แสดงท่าดีใจด้วยท่าเต้นที่ยั่วอารมณ์แฟนบอลคู่แข่ง และที่แน่ๆ พวกเขามักจะเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์โดย DNA นั่นทำให้แฟนฟุตบอลหลายคนแม้ไม่ใช่คนบราซิลก็ยังอดหลงใหลในเสน่ห์ของนักเตะแซมบ้าแห่งทัพเซเลเซาไม่ได้ 

อย่างไรก็ตาม บางครั้งกรอบที่พวกเขาเกลียดเพราะมันทำให้รู้สึกอึดอัด กลับเป็นกรอบที่คอยทำให้ชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของพวกเขาเหล่านั้นง่ายขึ้นและกลายเป็นนักเตะที่ดีขึ้น.. ถ้าคุณอยากร่ำรวย และอยากให้คนอื่นๆเคารพในฐานะนักฟุตบอล คุณจำเป็นต้องมีความเป็นมืออาชีพ.. ดูแลตัวเองนอกสนาม ตั้งใจซ้อม และลงเล่นด้วยความมุ่งมั่น นี่คือสิ่งที่นักล่าฝันชาวบราซิลต้องแลกมันด้วยการสละชีวิตที่รักความสำราญออกไป  

"โตแล้วอดทนหน่อย" โรนัลโด้ นาซาริโอ คือหนึ่งในตัวอย่างนั้น เขาเหมือนกับชายชาวบราซิลส่วนใหญ่ มีอารมณ์ขัน รักสนุก และชอบปาร์ตี้ ทว่าเมื่อเขาได้โอกาสมาเป็นนักเตะอาชีพที่ยุโรปกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น หลังจบฟุตบอลโลก 1994 (ซึ่งเจ้าตัวมีชื่ออยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์ แต่ไม่ได้ลงสนาม) ตารางชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปไม่น้อย แม้ที่นี่จะเป็นลีกที่ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับ 5 ลีกดังในยุโรป ทว่าเรื่องของระเบียบวินัย และการวางตัวนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่นักเตะแต่ละคนควรจะเข้มงวดกับตัวเองให้มากๆ แม้ว่ามันจะฝืนหัวใจเต็มที่ 

2

โรนัลโด้ เคยเปรียบเทียบตัวของเขากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักเตะที่ว่ากันว่ามีวินัยในอาชีพนักฟุตบอลมากที่สุดในโลกว่า แม้ปลายทางของทั้ง 2 คนจะจบลงด้วยการลงไปเล่นและยิงประตูมากมายเพื่อเอาชนะเหมือนกัน แต่เมื่ออยู่ในสนามซ้อมพวกเขาเป็นคนที่มีทัศนคติต่างกันไม่น้อย

โรนัลโด้ เวอร์ชั่นโปรตุเกส จริงจังกับทุกอย่าง สนุกกับการท้าทายร่างกายตัวเองด้วยโปรแกรมฝึกที่มาตรฐานเข้มข้นถึงขีดสุด เมื่อซ้อมกับทีมเสร็จแล้ว กลับถึงบ้านเขาก็มีโปรแกรมซ้อมและดูแลร่างกายในแบบของตัวเองเพิ่มอีก นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า "ธรรมชาติ" เขาเป็นคนที่กระหายจะเก่งขึ้นตลอดเวลา

ขณะที่ โรนัลโด้ บราซิล นั้นแตกต่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ขยันซ้อม (ในช่วงวัยหนุ่ม) แต่ที่เขาขยันไม่ได้แปลว่าเขาชอบที่จะทำ แต่มันคือเรื่องที่จำเป็นต้องทำมากกว่า.. CR7 สนุกกับชีวิตที่เต็มไปด้วยระเบียบวินัย ส่วน R9 นั้นแค่ทำตามหน้าที่ ที่เหลือก็ปล่อยไปตามหัวใจ.. หมดหน้าที่แล้วใครก็อย่ายุ่ง อะไรประมาณนั้น 

3

"เราเหมือนกันมากในฐานะสไตรเกอร์หรือผู้ยิงประตู แต่สิ่งที่แตกต่างคือ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ คริสเตียโน่ ในวัย 33 ปี (ปัจจุบันย่าง 36 แล้ว) มีสภาพร่างกายดีมากจนหาคนเทียบแทบไม่ได้ ไม่มีใครมีร่างกายแบบเขา และไม่มีใครทำในสิ่งที่เขาทำ (เพื่อผลักดันตัวเองถึงขีดสุด) ได้" R9 กล่าวไว้เมื่อปี 2018

"เรื่องของการฝึกซ้อมของเราไม่ต่างกันหรอก มันคือการตั้งใจทำงานหนัก แต่มันต่างกันตรงที่การให้ความสำคัญซึ่งตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง คริสเตียโน่ทุ่มเทแทบตายเพราะว่าเขารักที่จะทำแบบนั้น แต่ผมน่ะตั้งใจซ้อมเพราะมันเป็นหน้าที่มากกว่า" 

เมื่อเขาอธิบายเองแบบนี้ก็เป็นที่ชัดเจนที่สุดและไร้ข้อโต้แย้ง โรนัลโด้ทำตามหน้าที่จริงๆ แต่บางครั้งเขาก็ปล่อยให้กิเลสเอาชนะหน้าที่ เมื่อเขาเริ่มดังขึ้น เขาก็เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องวินัยบ่อยๆ อาทิ เรื่องที่เขาไม่ยอมรักษาตัวเองในช่วงที่กำลังบาดเจ็บตอนที่เป็นนักเตะของบาร์เซโลน่า แต่ดันหนีกลับบราซิลเพื่อไปเที่ยวงานคาร์นิวัล จนเพื่อนร่วมทีมเหม็นขี้หน้า เป็นต้น..

เด็กชายโรนัลโด้เป็นคนยังไง? 

เจตนาของโรนัลโด้นั้นชัดเจนมาก เขาแค่ตั้งใจทำงานหนักในสนามซ้อมเพียงเพราะว่ามันคือสิ่งที่เขาต้องทำ มันคืองาน มันคืออาชีพของเขา และบังเอิญมากตรงที่แค่นั้นก็มากพอสำหรับคนที่เกิดมามีพรสวรรค์อย่างเขา เร็วเป็นจรวด, พริ้วไหวเหมือนกับสายลม, แข็งแกร่งเหมือนกับนักเลงข้างถนน และเยือกเย็นเหมือนกับนักฆ่า นี่คือสิ่งที่เขาเป็น ทั้งๆที่เขาบอกว่าแค่ทำหน้าที่ให้จบๆไป น่าสนใจว่าหากเขาเป็นคนที่มีวินัยในทุกทาง R9 จะไปสิ้นสุดความยิ่งใหญ่ที่ตรงไหน? เพราะขนาดใส่ไม่เกิน 100% เหมือน CR7 เขายังมาได้ไกลขนาดนี้.. นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงได้ฉายาว่า "El Fenomeno" หรือ "ปรากฎการณ์"    

4

หากจะไล่ความสำเร็จของโรนัลโด้นั้นมันคงเป็นเรื่องที่ใช้เวลามากพอสมควร เอาเป็นว่านอกจากแชมป์ยุโรปในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เขากวาดมาหมดแทบทุกรายการที่ลงแข่ง อย่างไรก็ตาม ถ้วยรางวัลเหล่านี้ไม่ได้สำคัญมากที่สุดเสียทีเดียว แต่ความเป็นตัวตนของเขาและผลงานในสนามของเขาต่างหากที่ทำให้โลกจดจำยิ่งกว่าโทรฟี่ทั้งหลายทั้งปวง   

โรนัลโด้ยิงประตูมากมายและสร้างค่านิยมของกองหน้าในตำแหน่งหมายเลข 9 ขึ้นมาใหม่ โดยให้คำนิยามว่า "สมบูรณ์แบบ"  

5

และเมื่อเขาเป็นนักเตะที่มีถ้วยแชมป์มากมาย ได้รับการยอมรับจากแฟนบอลทุกคนบนโลกใบนี้ว่าคือยอดวรยุทธ์ สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนกับมนุษย์ทุกๆคน ที่ตอนเด็กๆนั้นมีความฝัน โหยหาเงินทองและชื่อเสียงจนพร้อมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง

แต่เมื่อเขาได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เขาก็อยากจะกลับไปสนุกสนานเหมือนตอนเป็นเด็กๆอีกครั้ง นั่นล่ะคือสิ่งที่โรนัลโด้เป็น และทำให้เขาเลือกย้ายกลับมาเล่นให้กับโครินเธียนส์ ทีมในลีกบราซิล เมื่อปี 2009.. เขากลับมาหาสิ่งที่เขาขาดหายไปในที่ที่เขาจะทำอะไรก็ได้ราวกับเป็นราชา

ความสุขจ๋าข้ากลับมาแล้ว

โรนัลโด้เล่นให้ยุโรปสโมสรสุดท้ายกับ เอซี มิลาน ณ เวลานั้น เขาไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมายนัก แม้จะพอมีประตูประปรายแต่ตัวเขาไม่ได้ปราดเปรียวเก่งกาจเหมือนเก่า อาการบาดเจ็บที่รบกวนมาตลอด ไหนจะน้ำหนักตัวที่มากขึ้นกว่าช่วงพีคๆถึง 20 กิโลกรัม อีกทั้งยังชอบปาร์ตี้มากขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่ในอิตาลี สุดท้าย มิลานก็เลือกที่จะไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปหลังจบฤดูกาล 2007-08    

6

แม้นั่นจะดูเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายสำหรับนักฟุตบอลคนหนึ่ง เมื่อถึงวันที่ต้องเจอกับวัฏจักรที่ใครก็หนีไม่พ้น แก่ตัวลง ใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็โดนขายทิ้ง รายได้หดหายไป อะไรอีกมากมาย แต่สำหรับโรนัลโด้ เขากลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เขามีความสุขดี แค่กลับไปบ้านไปรักษาตัวเองให้หายดี จากนั้นค่อยมาสนุกกับฟุตบอลบราซิลที่เขาห่างหายไปหลายปี นั่นคือตัวเลือกที่ไม่ได้แย่เลย  

นั่นอาจเพราะเขาเบื่อกับความคาดหวังและการพยายามจะเป็นนักเตะที่ไม่มีใครพิชิตได้ โรนัลโด้เริ่มเผยนิสัยของเขาออกมาทีละน้อยๆในช่วงที่เล่นให้กับเรอัล มาดริด มีเรื่องเล่าจาก อิบัน เอลเกรา ของหลังของทีมว่า โรนัลโด้จัดปาร์ตี้วันเกิดพร้อมเชิญเพื่อนร่วมทีมทั้งทีม อาทิ หลุยส์ ฟิโก, ซีเนดีน ซีดาน และ เดวิด เบ็คแฮม มาร่วมงาน ซึ่งนักเตะเหล่านี้ก็คิดว่าเป็นงานวันเกิดธรรมดาๆ จึงพาภรรยาและลูกๆของพวกเขามาด้วย

ทว่าเมื่อปาร์ตี้ดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง โรนัลโด้ก็โทรกริ๊งเดียว และมีรถบัส 1 คันมาจอดหน้าบ้านของเขา ทายสิว่ามีอะไรอยู่ในนั้น.. โรนัลโด้เรียกตัวสาวฮ็อตและเหล่านักเต้นระบำจากทั่วสเปนขึ้นมาเต็มรถบัสเพื่อมาเป็น "เด็กเอ็น" ในวันเกิดของเขา.. ซึ่งเอลเกราบอกต่อว่า หลังจากสาวๆพวกนั้นเข้าบ้าน เหล่าเมียๆของนักบอลก็แทบจะต้องดึงหูสามีของพวกเธอกลับบ้านโดยด่วน.. นั่นล่ะคำจำกัดความแบบ โรนัลโด้ สไตล์   

วกกลับมาตอนจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง โรนัลโด้เลือกกลับมาเล่นในบราซิลให้กับโครินเธียนส์ สาเหตุการเล่นให้กับโครินเธียนส์นั้น ว่ากันว่า Nike แบรนด์ที่สนับสนุนสโมสรจะช่วยออกค่าจ้างให้กับโรนัลโด้ ซึ่งก็เป็นพรีเซนเตอร์หลักของแบรนด์จำนวนหนึ่ง เพื่อให้เกิดโอกาสในทางการตลาดที่มากมาย อาทิ การจำหน่ายเสื้อลาย R9 ขณะที่สโมสรก็ขายเสื้อแข่งขันดีเป็นเทน้ำเทท่าเมื่อมีโรนัลโด้เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งดีลดังกล่าวก็นำมาซึ่งดราม่า เพราะก่อนหน้าการเซ็นสัญญา เจ้าตัวไปซ้อมเรียกความฟิตกับฟลาเมงโก้ ทีมคู่ปรับร่วมลีกถึง 4 เดือน แต่ R9 ก็ตอบกลับถึงกระแสวิจารณ์ว่า "ก็ทีมนั้นไม่ได้ยื่นสัญญามาให้เอง"

7

อย่างไรก็ตาม จะบอกว่าเขามาเพราะตัวเงินอย่างเดียวก็คงจะเป็นอะไรที่ดูถูกยอดแข้งอย่างโรนัลโด้เกินไปหน่อย เพราะเขากลับมาบราซิลครั้งนี้ด้วยความเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก แม้เข่าเขาจะเจ็บแล้วเจ็บอีก แต่โรนัลโด้ยังปรากฎตัวด้วยรูปร่างที่ "อ้วนกว่าเดิม" จะบอกว่าเอ็นจอยอีทติ้งก็คงพอไหว แต่ที่สำคัญคือเมื่อลงสนาม ดูเหมือนว่าน้องๆเด็กๆในลีกบราซิลจะรู้ได้ว่า แม้จะตัวอ้วนเทอะทะ แต่ห้ามดูถูกโรนัลโด้เด็ดขาด.. โรนัลโด้ก็คือโรนัลโด้ คือเขามีสไตล์เกินกว่าจะทำเป็นเล่นอย่างเดียว เขายังเหลือมุมของความเป็นมืออาชีพอยู่ เมื่อมีคนจ้าง เขาก็จะลงสนามและไปยิงประตูให้ได้ นั่นคือสไตล์ของเขา 

โรนัลโด้ยังคงเป็น "เอล เฟโนเมโน่" หรือปรากฎการณ์เสมอ เขายังจบสกอร์เฉียบขาด ยิงประตูได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมกับพัลไมรัส ซึ่งเป็นเกมเหย้าด้วย บรรยากาศวันนั้นแปลกตาไปมาก ผู้คนจากทั่วทั้งเมืองแห่เข้ามาในสนาม มีการจ้างเชียร์ลีดเดอร์มาเชียร์โรนัลโด้ตรงหลังประตู อีกทั้งผู้เล่นในทีมที่มองภาพเขาในฐานะไอดอลก็พยายามจะปั้นพี่ชายคนนี้อย่างเต็มที่ นั่นคือการปฎิบัติที่เขาได้รับจากคนรอบข้าง

ไม่มีใครหยุดโรนัลโด้ได้แม้วัยและร่างกายจะล่วงเลย เขาโยกหลอกกองหลัง 2 คนก่อนยิงปั่นโค้งด้วยเท้าขวาแต่บอลกลับไปชนคาน ทำเอาสาวๆเชียร์ลีดเดอร์ชักดิ้นชักงอด้วยความเสียดาย (ภาพที่กล้องถ่ายทอดสดจับได้) ก่อนที่อีกไม่กี่นาทีต่อมาเขาจะกระโดดโหม่งจากลูกเตะมุมเป็นประตูเข้าไป.. ประตูนี้ไม่สวยหรอก แต่ความสุดยอดคืออากัปกิริยาของผู้คนทั้งสนามต่างหาก ที่มันแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นที่นิยมและได้รับความเคารพขนาดไหน

โรนัลโด้วิ่งข้ามป้ายโฆษณาไปหาแฟนบอล ก่อนที่จะปีนรั้วกั้นในแบบสไตล์อเมริกาใต้ จากนั้นแฟนๆกว่า 100 คนวิ่งลงมาจากอัฒจันทร์กรูกันเข้ามาจากอีกฝั่งของรั้ว จนที่กั้นพัง.. ปรากฎการณ์เกิดขึ้นอีกครั้งในบ้านเกิดของเขา 

ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊กอย่างที่ใครเข้าใจ โรนัลโด้ทำแบบนี้ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแต่ละเกม เขายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ ยิงเยอะจนถึงขั้นที่ว่ามีการเรียกร้องให้เขากลับมาติดทีมชาติบราซิลชุดฟุตบอลโลก 2010 เลยทีเดียว มันเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น กองหน้าที่ใครๆก็บอกว่า "หมดแล้ว" หรือ "กลับมาตายรัง" กลับกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในลีกบราซิลเสียอย่างนั้น.. มันต้องมีเหตุผลสิที่เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

มอบความสุขให้ผม แล้วผมจะมอบความสุขให้คุณ 

เคล็ดลับนั้นไม่มีอะไรมาก การจะทำให้คนอย่างโรนัลโด้ในช่วงอายุที่ใกล้หมดไฟกลับมาทำประตูได้แบบหนุ่มๆนั้น อาศัยส่วนประกอบไม่กี่อย่าง สิ่งแวดล้อม ผู้คนรอบข้าง และให้อิสระกับเขา.. สิ่งเหล่านี้ทำให้เขามีความสุข และหากว่าเขาได้รับมัน เขาจะตอบแทนให้คุณอย่างคุ้มค่า 

แรกเริ่มเดิมทีกุนซือ มาโน่ เมเนเซส นั้นพยายามจะปฎิบัติกับโรนัลโด้เหมือนนักเตะทุกคนในทีม นั่นคือไม่ได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าใคร เขาต้องตั้งใจซ้อม มาสายปรับเงิน เล่นไม่ดีก็ต้องโดนเปลี่ยนออก แต่สุดท้ายเขาพบคำตอบว่า ไม่มีกฎข้อไหนขังโรนัลโด้ในวัย 30 กว่าๆได้ เขาจึงให้ในสิ่งที่โรนัลโด้ต้องการในท้ายที่สุด แม้จะมีการงัดข้อกันบ้างในก่อนหน้านี้

9

"โรนัลโด้ และ มาโน่ ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ไม่ได้มีการต่อสู้หรือก่อคลื่นใต้น้ำอย่างที่ใครเข้าใจ ทีมของเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเรารู้ดีว่าเป้าหมายในฤดูกาลนี้คืออะไร" เซบาสเตียน เอสกูเดโร่ นักเตะของทีมโครินเธียนส์ในชุดนั้นว่าถึงเรื่องปัญหาการกระด้างกระเดื่องของโรนัลโด้  

ฟังดูอาจจะเหมือนโกหก แต่สิ่งที่เมเนเซสได้จากการให้อิสระกับโรนัลโด้ คือ เขาสามารถรวบรวมนักเตะที่เหลือในทีมให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ นั่นคือสิ่งที่ทุกสโมสรฟุตบอลในโลกต้องการ โรนัลโด้เข้ามาและกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ เด็กๆในทีมรักและเคารพเขาจากผลงานในสนาม และที่สำคัญคือ "ความป๋า" ในแบบที่ทุกคนไม่เคยเห็น 

"ครั้งหนึ่งเราซ้อมกันทั้งวัน จนกระทั่งถึงวันพักพวกเราได้รับคำสั่งจากโค้ชว่า คืนนี้ไม่ต้องซ้อม พักผ่อนกันให้เต็มที่" มาตีอัส เดเฟเดริโก้ หนึ่งในนักเตะชุดนั้นเล่าถึงช่วงทีมทีมไปเก็บตัวพรีซีซั่น ในพื้นที่ไกลปืนเที่ยง ไม่มีความบันเทิง ไม่มีที่เที่ยว.. ดังนั้น การพักผ่อนในมุมมองของโค้ชคือนอนให้เต็มอิ่มเพื่อให้พร้อมสาหรับซ้อมในวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อมีโรนัลโด้ การเลี่ยงบาลีจึงเกิดขึ้น เพราะการพักผ่อนของเขา ไม่ใช่การเข้านอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม

"สนามซ้อมเราอยู่ห่างไกลความเจริญร่วม 300 กิโลเมตร แต่โรนัลโด้บอกว่า 'ไม่ ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่' สิ่งที่เขาทำคือโทรเรียกเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวมารับพวกเรา หลังจากนั้นแค่ 1 ชั่วโมง เครื่องก็ลงจอดบนหลังคาบ้านของเขา" เดเฟเดริโก้ กล่าว 

"ที่นั่นมีการ์ดส่วนตัว โรนัลโด้สั่งคนของเขาว่าจะต้องทำอะไรบ้าง สุดท้ายเขาก็ได้เนื้อจำนวนมากพอสำหรับคน 60 คน ซึ่งเขาเป็นคนลงมือปรุงและย่างเอง แน่นอนว่ารอบๆของเราคือปาร์ตี้ริมสระน้ำไปแล้ว ทีนี้ผมรู้แล้ว ทำไมเขาถึงถูกเรียกว่า 'เอล เฟโนเมโน่' ฮ่าๆ"   

10

รุ่นน้องในทีมที่เขาพามาด้วยต่างสนุกกับค่ำคืนที่พวกเขาไม่เคยสัมผัส ทุกคนกินดื่มกันเต็มที่ในปาร์ตี้ที่จัดขึ้นแบบด่วนๆ สุดท้ายพวกเขาก็ปาร์ตี้กันจนมืดค่ำ ในขณะที่ทุกคนเริ่มอ่อนเพลียและง่วงหลับ โรนัลโด้ปลุกทุกคนขึ้นและเรียกให้ขึ้นรถตอนเที่ยงคืนเพื่อเดินทางกลับไปยังสนามเก็บตัวให้ทันเวลารวมพลตอนเช้า.. แม้จะปาร์ตี้ แต่เขาก็ยังไม่ลืมว่าพรุ่งนี้มีหน้าที่ต้องทำ   

"เขาบอกพวกเราว่า 'เอาล่ะ เราต้องกลับกันด้วยรถยนต์ เพราะเฮลิคอปเตอร์นั้นบินตอนกลางคืนไม่ได้' เราจึงเดินทางกันแทบทั้งคืนและมาถึงสนามเก็บตัวกันในตอนเช้าอย่างทันเวลา เพียงแต่ว่าเมเนเซสรอจะจัดการกับพวกเราอยู่" มาถึงจุดนี้ทุกคนกะว่าเสร็จแน่ ทว่า โรนัลโด้ ที่รับบทลูกพี่พาเที่ยว ก็แทรกตัวเข้ามารับบทลูกพี่ที่แท้จริงในวินาทีสุดท้าย

"โรนัลโด้ บอกกับ มาโน่ ว่า.. นี่คือความผิดของผมเอง เด็กพวกนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจออกไปเที่ยวครั้งนี้ ปล่อยให้พวกเขาไปนอนหลับพักผ่อนเถอะ แล้วเรา 2 คนค่อยคุยกันว่าจะเอายังไง" เดเฟเดริโก้ เล่าตอนจบของเรื่องที่ทำให้เด็กๆในทีมเทใจให้กับโรนัลโด้ทันที 

11

หากถามว่า โรนัลโด้ กับ เมเนเซส หาทางออกกับเรื่องนี้อย่างไร? คำตอบก็คือ โรนัลโด้ได้ลงสนามทั้งหมด 38 เกมและยิงไป 23 ประตูในทุกรายการของปี 2009 ส่วนผลงานทีมนั้นคือคำตอบที่ชัดเจนยิ่งกว่าคำตอบใดๆ.. โครินเธียนส์คว้าดับเบิลแชมป์ คือแชมป์ประจำรัฐริโอ และ โคปา โด บราซิล อย่างยิ่งใหญ่ และมันทำให้เมเนเซสที่ตัดสินด้วยผลลัพธ์รู้สึกว่าเขาเลือกไม่ผิดที่ให้อิสระกับโรนัลโด้แบบนี้ 

"มิตรภาพเกิดขึ้นและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โรนัลโด้เป็นคนที่ดีมากๆสำหรับผม เราเป็นเหมือนคู่หูกันตลอดเวลา ผมจำวันแรกที่ผมเจอเขาในฐานะเพื่อนร่วมทีมได้ ผมประหม่ามากๆที่ได้เล่นกับไอดอล ในเกมกับพัลไมรัส เขายิงประตูได้ และหลังจบเกมเขาตะโกนหาผมว่า 'มาสิไอ้หมาน้อย มาเอาเสื้อตัวนี้ไป' ผมจำเหตุการณ์นี้ได้ดี" เดนตินโญ่ นักเตะวัย 18 ปี ณ เวลานั้น (ปัจจุบันเล่นให้กับ ชัคตาร์ โดเนสค์) พูดถึงลูกพี่ของเขา

12

โรนัลโด้ได้แชมป์สุดท้ายในชีวิตกับการเป็นนักเตะของโครินเธียนส์ ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2011 หลังร่างกายทรยศเขาจนไม่อาจเล่นฟุตบอลได้เก่งเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เหนือกว่านั้นคือเขาได้ความสุขกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นนักฟุตบอลแต่เขายังสนุกกับชีวิตในแบบที่ตัวเองตามหาได้ เขามีสิทธิพิเศษที่ต้องแลกมาด้วยการยิงประตู และที่สำคัญคือเขาได้กลายเป็นที่รักของคนรอบข้าง

"มอบความสุขให้ผมสิ แล้วผมจะมอบมันให้คุณกลับ" โรนัลโด้ สไตล์ ก็เป็นแบบนี้แหละ.. เขาจบเรื่องนี้ได้อย่างคลาสสิกเกินกว่าที่ใครจะปฎิเสธได้   

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ เลี้ยงเสือต้องเลี้ยงให้อิ่ม : "โรนัลโด้" หัวโจกในสนามและปาร์ตี้ริมสระน้ำที่ "โครินเธียนส์"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook