สะกดจิตให้เป็นปีศาจ : ไมค์ ไทสัน กับพรสวรรค์ระดับอสูรกายในวัย 15 ปี

สะกดจิตให้เป็นปีศาจ : ไมค์ ไทสัน กับพรสวรรค์ระดับอสูรกายในวัย 15 ปี

สะกดจิตให้เป็นปีศาจ : ไมค์ ไทสัน กับพรสวรรค์ระดับอสูรกายในวัย 15 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความพยายามมีค่าเสมอและไม่เคยทำร้ายใคร นั่นคือสิ่งที่เราได้ยินมาทุกเมื่อเชื่อวันตั้งแต่เด็กจนโต อย่างไรก็ตามหลายสิ่งที่ได้เจอ มันได้บอกว่าคำพูดดังกล่าวไม่ได้จริงไปทั้งหมด 100% มันควรเติมท้ายไปว่า "ความพยายามมีค่าเสมอและไม่เคยทำร้ายใคร ... แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พยายามมากกว่า = เป็นผู้ชนะ" 

นี่คือเรื่องราวของสิ่งที่ความพยายามเอาชนะไม่ได้ นั่นคือพรสวรรค์ คนบางคนเกิดมาเพื่อสิ่งบางสิ่ง ... เช่น ไมค์ ไทสัน แค่เขาหยิบนวมมาใส่ ผู้คนต่างมั่นใจว่าแชมป์โลกคนใหม่อยู่ที่นี่ 

ติดตามพรสวรรค์ระดับปีศาจที่ใครก็ไม่อาจต้านได้ของ ไมค์ ไทสัน ในวันที่เขาอายุแค่ 15 ปี และคว่ำทุกคนที่ขวางหน้าด้วยการส่งลงไปนอนหมอบกับพื้น หรือที่ทางเทคนิคเรียกกันว่า "น็อกเอาต์ 100%" ... 
 

พลังที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ 

"ผมเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ที่มีหน้าที่ปีนหน้าต่างเข้าไปปลดล็อกประตูให้กับพวกพี่ๆ ในแก๊ง ในกลุ่มอาชญากรเล็กๆ นี้ นี่คือโรงเรียนของผม และผมก็เป็นนักเรียนเกรดเอที่กำลังดื่มด่ำกับชีวิตยามค่ำคืนและแสงสีซะด้วย" ไทสัน เล่าให้ Sports Illustrated ฟัง

ช่วงเวลาที่ ไทสัน ทำกิจกรรมในฐานะอาชญากรเด็ก เขามีอายุแค่ 10 ขวบเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาคือผลิตภัณฑ์ที่มีความร้ายกาจแฝงอยู่ในตัว หากไม่ได้รับการเสี้ยมสอนให้ถูกทิศถูกทาง เด็กคนนี้จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์จากนรกอย่างแน่นอน 


Photo : ABC News 

การเกิดมาแบบไม่มีพ่อ และแม่ก็เลี้ยงแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ทำให้อนาคตของ ไทสัน สุ่มเสี่ยงอย่างที่สุด เรื่องราวแย่มากๆ ที่เขาทำตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขาถูกส่งเข้าโรงเรียนดัดสันดานที่ชื่อว่า "ทรายออน สคูล ฟอร์ บอยส์" เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แต่สุดท้ายแล้วมันไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ไทสัน ยังคงเป็นปีศาจที่หูดับ ไม่สนคำพูดของใคร เขาคือหัวโจกของโรงเรียนรวมพลเด็กตัวแสบ แม้อายุน้อยกว่าแต่ไม่มีใครกล้าแหยมกับ ไทสัน เลยแม้แต่น้อย

"ที่นั่นผมยังชกทุกคนที่ขวางหน้า ผมชกนักเรียน ผมชกการ์ดของโรงเรียน ใครที่มันกล้ายุ่งกับผม ผมจะรอเวลาเพื่อจัดการมัน" ไทสัน ว่าถึงวัยเด็กของเขาต่อ 

ทุกคนที่โรงเรียนดัดสันดานต่างเอือมระอา มอง ไทสัน เป็นเพียงเด็กเหลือขอที่ไร้อนาคต โตไปก็จะเป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม พวกเขาจึงเล่นไม้แข็งกับ ไทสัน ที่อายุแค่ 12 ปี ด้วยการจับขังคุกมืด ทำทุกอย่างให้เด็กคนนี้รู้ว่าเขามีโอกาสดีแค่ไหนในชีวิตที่มี "อิสระ" หากเขายังคิดไม่ได้ ปลายทางคือคุกมืดที่แสนทรมานแบบที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้

สำหรับเด็กอายุ 12 ปี ที่เคยซ่ากับทุกคนไม่เคยมีใครหยุดได้ การเข้าไปอยู่หลังลูกกรง ไม่ได้พูดได้คุยกับใคร ไม่ได้เจอเพื่อน หันไปทางไหนก็มีแต่กำแพง มันคือช่วงเวลาที่แม้แต่ปีศาจอย่าง ไทสัน ยังสำนึกได้ นานวันเข้าเขาโหยหาอิสระและร้องขอเป็นครั้งแรกในชีวิต 


Photo : Sport.net 

บ็อบบี้ สจ็วร์ต นักสังคมสงเคราะห์จะต้องมาประเมินเด็กๆ ในโรงเรียนดัดสันดานนี้ทุกๆ เดือน ไทสัน ได้พบกับเขาและบอกว่าเขาอยากจะมีอิสระ หน้าที่ของนักสังคมสงเคราะห์ คือการจัดหากิจกรรมให้เด็กๆ ที่มีความประพฤติดี พร้อมกลับมาเป็นคนที่ไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน และ 1 ในกิจกรรมที่เหมาะสำหรับ ไทสัน คือค่ายมวยแห่งหนึ่งในย่านบร็องซ์ ของ กัส ดามาโต้ ครูมวยผู้สร้างนักชกระดับฮอลล์ ออฟ เฟม ถึง 3 คน คือ ฟลอยด์ แพทเทอร์สัน, ร็อคกี้ กราเซียโน่ และ โฮเซ่ ตอร์เรส  

ค่ายมวยของ กัส ในระยะหลัง ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ที่ให้โอกาสเด็กในพื้นที่เสื่อมโทรมในมหานครนิวยอร์ก แบบที่ ไทสัน ซึ่งเป็นคนเมืองนี้โดยกำเนิดเป็น ... ไทสัน เอ่ยปากของร้อง สจ็วร์ต ด้วยตนเอง เพื่อขอโอกาสครั้งสำคัญสำหรับชีวิตของเขา

"ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นนักสู้ ผมยอมทำทุกอย่างที่คุณขอผมให้ทำ ... ได้โปรด"  ไทสัน ว่าไว้ เขาเลิกอวดตัวว่าตัวเองคือผู้อยู่บนจุดสูงสุดที่ใครๆ ก็ต้องยอม เขาโอนอ่อนต่อโลกความจริง และเมื่อนั้นพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวของเขาก็ได้เผยโฉมออกมา ภายใต้การดูแลของครูมวยระดับแชมป์โลก กัส ดามาโต้ ที่ได้เห็นความตั้งใจจะรับผิดชอบชีวิตของตัวเองเป็นครั้งแรกของ "ปีศาจ" ที่ใครต่อใครขนานนาม 
 

พลังที่ไม่เคยเจอ 

การต่อยทุกคนที่ขวางหน้าเมื่อครั้งยังเด็ก กับการยืนอยู่บนเวทีและดวล 1-1 กับคู่ชกที่มีกติกานั้นไม่เหมือนกัน ไทสัน ได้รับการขัดเกลาจาก กัส ให้พบความจริงข้อนั้น

มีฟุตเทจการซ้อมของ ไทสัน เมื่อตอนที่เขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่ม ในคลิปวีดีโอนั้น กัส สอน ไทสัน ถึงทักษะแทบจะทุกอย่างตั้งแต่การตั้งการ์ด การโยกหลบ การใช้สายตา และสำคัญที่สุดคือ 1 ในสิ่งที่ กัส สอนวันนั้น กลายเป็นท่าหากินหรือท่าไม้ตายตลอดกาลของเขา ซึ่งนั่นคือท่า "Peek-a-Boo" หรือหมัดซ่อนแอบนั่นเอง

Peek-a-Boo คือสไตล์ที่ กัส ตั้งใจจะมอบให้ ไทสัน อย่างแท้จริง เพราะเขาเป็นนักมวยรุ่นใหญ่ที่ตัวเล็กหากเทียบกับคนอื่นๆ (สูง 178 เซนติเมตร ช่วงชก 180 เซนติเมตร) การชกแบบ "มุดซ้ายมุดขวาด้วยความเร็ว ก่อนจะหาจังหวะโผล่ออกมาจากการ์ดแล้วซัดเปรี้ยง" คือสิ่งที่จะทำให้ ไทสัน ได้เปรียบ เพราะได้ทั้งเรื่องการป้องกันตัวเองจากการโดนหมัด อีกทั้งยังเพิ่มน้ำหนักหมัดไปในตัวอีกด้วย 

สิ่งที่ กัส และทุกคนได้เห็นจากการฝึกซ้อมของ ไทสัน คือความเร็วและพลังหมัดที่มาโดยธรรมชาติ มันหนักเกินกว่าเด็กอายุ 10 กว่าปีทั่วไป กัส ที่เคยเห็นนักมวยมามากมายหลายคน รู้แจ้งว่าพรสวรรค์ของ ไมค์ นั้นไม่มาให้เห็นกันง่ายๆ เขามั่นใจจนถึงขั้นที่เคยพูดกับ ไทสัน หลังจากซ้อมร่วมกันไม่กี่ครั้งว่า "เดี๋ยวเอ็งได้เป็นแชมป์โลกแน่"

"เขาเพิ่งจะเจอผมได้ไม่นาน แต่เขาบอกว่า ไอ้หนู เดี๋ยวแกจะได้เป็นแชมป์โลก ... ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง" ไทสัน เล่าเรื่องดังกล่าวในภายหลัง  

ไทสัน อายุย่างเข้า 14 ปี ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว จากเด็กปีศาจกลายเป็นนักชกปีศาจที่ต้องการปลดปล่อย ณ เวลานั้น เท็ดดี้ แอตลาส โค้ชพี่เลี้ยงของ ไทสัน มองว่าแค่สนามซ้อมไม่สามารถเอา ไทสัน อยู่แล้ว เขาจึงต้องการพาไทสันไปชกเกมอย่างเป็นทางการ เพื่อลองของให้รู้แล้วรู้รอดไปว่า ไทสัน จะเจ๋งแค่ไหนเมื่อต้องชกในสถานการณ์จริง มีเดิมพันจริงๆ ทว่าความต้องการของ เท็ดดี้ โดนเบรก เพราะไม่มีใครยอมรับ ไทสัน ณ เวลานั้น เนื่องจากอายุของเขาน้อยเกินเกณฑ์ สำหรับการเป็นนักมวยสากลสมัครเล่น ทุกคนกลัวว่า ไทสัน จะโดนซัดร่วงไปเสียก่อน และสำหรับเด็กอายุไม่ถึง 14 ปีมันอันตรายเกินไป 


Photo : ABC News 

ดังนั้น เท็ดดี้ จึงออกอุบายหลอกทุกคนว่า ไทสัน อายุ 18 ปี เขาเดินทางไปยังทุกที่ที่มีการแข่งขัน และหลังจากนั้นทุกคนในเวทีสมัครเล่นก็ต้องพบกับความฮือฮา เมื่อ ไทสัน ได้ลองขึ้นชกครั้งแรก เขาได้ชกกับเด็กอายุ 17 ปี และส่งเด็กคนนั้นลงไปกองอย่างหมดสภาพ

"อีกฝ่ายกำลังมองหาวิธีที่จะเล่น ไทสัน ให้น่วม แต่หลังจากระฆังดังได้ 1 นาที ไมค์ ก็ทำให้เด็กคนนั้นรู้ว่าสิ่งที่ตนเองหวังได้จบลงไปแล้ว เขาน็อกเด็กนั่นด้วยหมัดรัวดัง ปั้ง ปั้ง ปั้ง! สามหมัดซ้อน ก่อนซัดด้วยหมัดซ้ายอีก 1 ที หัวของเจ้าเด็กนั้นเอียงซ้ายเอียงขวา เดินเซตกเวทีไปเลย นั่นแหละ ตำนานเด็กนรกของ ไทสัน จึงได้เริ่มถือกำเนิดขึ้น" เท็ดดี้ แอตลาส กล่าวในช่อง Podcast ของเขา

นั่นยังไม่จบ การได้ชกคนแบบถูกกฎหมายไม่มีใครห้าม ทำให้ช่วงเวลานั้นเหมือนกับวิญญาณปีศาจของ ไทสัน ปลุกให้ตื่น เท็ดดี้ แอตลาส เล่าต่อว่า ณ ตอนนั้น ไทสัน ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองและอยู่ในเกมการชกได้ สติของเขาเหมือนกับถูกสั่งการให้เล่นงานคู่ชกให้เละ เละได้เท่าไหร่ยิ่งดี ... ซึ่งเรื่องนี้ แอตลาส ที่เป็นพี่เลี้ยงยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เขาหนักใจอย่างที่สุด

"ความเก่งของเขาเป็นปัญหา ... พี่เลี้ยงของเด็กคนนั้นขึ้นมาห้ามให้ ไมค์ หยุดชก ขณะที่เขาหูดับหน้ามืดผมกระโดดขึ้นเวทีไปหยุดเขา ผมบอกเขาว่า หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะหักกรามแก ดูสิเขายังเป็นเด็ก แกใจเย็นๆ ไม่มีใครทำร้ายแกแล้วโว้ย" แอตลาส ว่าต่อ 

ไทสัน มีพลังการทำลายล้างไม่มีที่สิ้นสุด คนอื่นอาจจะชกเพื่อเอาชนะ แต่เขาขึ้นชกเพราะเป้าหมายที่แตกต่าง นั่นคือการบดขยี้ทุกคนที่ขวางหน้า เขาไม่สน เมื่อขึ้นเวทีพร้อม นั่นเท่ากับว่าทุกคนเตรียมพร้อมที่จะเจ็บตัวและเสียสละตัวเองแล้ว เรื่องนี้มันมีที่มา มันไม่ใช่สัญชาติญาณดิบ หรือปมในวัยเด็กที่ฝังรากอยู่ลึกๆ แต่มันเกิดจากความตั้งใจของ กัส เอง ที่เชื่อว่าวิธีปลุกปีศาจในตัว ไทสัน คือวิธีเดียวที่จะทำให้เขาไปถึงแชมป์โลกได้ 


Photo : TV Sean 

"ผมกลายเป็นนักชกที่มีเป้าหมายเพื่อทำลายล้าง ... กัส เป็นคนบอกผมเอง เขาไม่ต้องการให้ผมมีอารมณ์อ่อนไหว เขาอยากให้ผมไร้ความรู้สึก เขาพูดว่า จงอย่ารู้สึกเด็ดขาด เพราะความรู้สึกไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย หากผมอ่อนไหวมันจะทำให้ผมเสียสมาธิ" ไทสัน ว่าถึงการฝึกของกัส

"ผมผ่อนคลายทุกครั้งที่ขึ้นชก ผมเหมือนกับเดินเข้าไปในความมืดที่ว่างเปล่า ตอนนั้นผมอายุแค่ 12 ปี และมันเหมือนกับการโดน กัส สะกดจิต เขาทำให้ผมสู้ไปพร้อมกับแสดงควาามโหดร้าย ผมกลายเป็นปีศาจไปแล้ว ณ ตอนนั้น"  
 

ปีศาจเต็มรูปแบบ 

ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ไทสัน บอกว่าเขาโดน กัส สะกดจิต และเขาเต็มใจจะกลายเป็นปีศาจนักชก หลังจากที่เขาอายุเข้าเกณฑ์สามารถลงแข่งขันใน โอลิมปิก จูเนียร์ ในปี 1981 ได้ ทุกคนยิ่งได้รู้ว่า ไทสัน คือนักชกที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรจะเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วยบนเวที 

ในการแข่งขันครั้งนั้น ไทสัน เอาชนะเด็กรุ่นๆ เดียวกันได้แบบง่ายดายราวกับกินขนมกรุบ เขาชนะโดยการน็อคเอาต์ตั้งแต่ยกแรกอันเป็นจุดขาย จนกระทั่งถึงนัดชิงเหรียญทองที่จะต้องเจอกับ โจ คอร์เตซ นักชกเชื้อสายเปอร์โตริโก ที่แก่กว่าเขาเกือบ 2 ปี ซึ่งตัวของ คอร์เตซ ณ เวลานั้นก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักมวยเด็กที่มีแววไม่แพ้ ไทสัน และว่ากันว่า ไฟต์นี้จะเป็นไฟต์ที่ ไทสัน ตึงมือที่สุด ... แต่สุดท้าย คอร์เตซ ก็ได้ลิ้มรสของจริง และเข้าใจว่าทำไม ไทสัน จึงถูกเรียกว่าเด็กปีศาจ 


Photo : Daily Star 

"ไอ้เด็กคนนี้เดินเข้ามาผมเร็วมากเว่อร์ เขาตั้งใจจับมาจับตายผม แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวทันทีที่ระฆังดัง ผมได้แต่เดินหนีเพื่อจะลองหยุดความเร็ว แต่ผมก็เสียท่าให้เขาตั้งแต่หมัดแรก ผมหยุดความเร็วของเขาไม่ได้" โจ คอร์เตซ เล่าถึงประสบการณ์เจอกับ ไทสัน

บรรยากาศในการชกวันนั้นเหมือนกับ ไทสัน เป็นปีศาจจริงๆ เขาเดินเข้าชิดและใช้ Peek-a-Boo สไตล์ทันทีตั้งแต่ 5 วินาทีแรก หลังจาก คอร์เตซ หลังพิงเชือกได้ไม่กี่วิ เขาก็ลงไปนอนกองกับพื้นเป็นเวลาทั้งหมด 8 วินาที ... 8 วินาทีก็เพียงพอแล้วสำหรับ ไทสัน ในการต่อยกับเด็กรุ่นเดียวกัน เหรียญทองจูเนียร์ โอลิมปิก สำหรับเขาต้องยอมรับว่ามันเป็นอะไรที่ง่าย ง่ายเกินไป เพราะแม้แต่ในการแข่งขันปี 1982 ไทสัน ที่ลงชิงเหรียญทองอีกครั้งก็ยังสามารถเป็นแชมป์ได้แบบสบายๆ ด้วยการชนะ เคลตัน บราวน์ แบบที่พี่เลี้ยงของอีกฝ่ายต้องโยนผ้าขาวยอมแพ้ตั้งแต่ยกแรก

หลังจากนั้นทุกคนลงมติชัดเจนว่า คนอย่าง ไทสัน ไม่ควรจะมาต่อยแบบสมัครเล่นอีกแล้ว 3 ปีหลังจากจากนั้น กัส ดามาโต้ ผลักดันเขาเข้าสู่วงการมวยอาชีพ และเมื่อนั้นทุกคนจึงได้รู้ว่า ไทสัน ไม่ใช่เก่งแค่กับเด็กรุ่นเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะชกกับใครเขาก็สามารถเอาลงได้ง่ายๆ ทั้งนั้น ... ยกเว้นเสียแต่ว่าเขาจะประมาทเอง

ไทสัน เริ่มเทิร์นโปรตอนอายุ 18 ปี ก่อนจะได้แชมป์โลกในวัยเพียง 20 ปี เท่านั้น นี่คือสถิติแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด ส่วนสไตล์การชกของเขายังคงเป็นในรูปแบบปีศาจนักชกที่เดินหน้าบดขยี้อย่างเดียว แม้ทุกคนจะรู้ว่าจุดอ่อนของเขาอยู่ที่การเป็นนักมวยคางเปราะ ตั้งรับไม่ดี เป็นมวยประเภทถอยหลังหกล้ม แต่สุดท้าย ไทสัน ในช่วงที่พีกที่สุดหรือในช่วงที่ยังมี กัส ดามาโต้ เป็นอาจารย์คู่กายก็ไม่เคยพลาดท่าให้กับใครเลย 

น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว ชายคนเดียวที่สะกดปีศาจตัวนี้ได้อย่าง กัส ดามาโต้ ต้องถอนตัวไปในปี 1985 เนื่องจากโรครุมเร้าก่อนเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม และที่น่าเสียดายยิ่งกว่านั้น คือการจากไปของ กัส มาถึงก่อนที่ ไทสัน จะได้เป็นแชมป์โลกที่มีชื่อเสียงและเงินทองล้นฟ้า ... 

เพราะเมื่อ กัส ไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป เมื่อนั้น ไทสัน ก็เริ่มจะหลงระเริงในชื่อเสียง เขาเหมือนกับปีศาจที๋โดนปลดปลอกคอออก จากนักชกปีศาจที่ว่ากันว่าจะยิ่งใหญ่เหนือ มูฮัมหมัด อาลี กลับกลายเป็นการยืนระยะที่สั้นจนน่าใจหาย แม้จะเคยได้แชมป์มากมายแต่ ไทสัน ก็มีเรื่องราวนอกสังเวียนในแง่ลบเยอะเกินไป จนส่งผลให้ฝีมือและพรสวรรค์ของเขาไม่สามารถถูกนำออกมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และแย่ที่สุดคือ เขาเกือบสูญเสียความเป็นคนเลยด้วยซ้ำ 


Photo : Boxing Daily

เรื่องราวทั้งหมดของ ไทสัน บอกเราให้รู้ว่าพรสวรรค์คือสิ่งที่มีค่า หากถูกเสริมด้วยความมุ่งมั่นที่เกินขีดจำกัด และผู้แนะแนวทางที่รู้จริงและหวังดีกับเราจริงๆ เมื่อนั้นชีวิตของคุณจะมีอิสระโบยบินไปไหนก็ได้อย่างที่ใจต้องการ 

ทว่าทุกสิ่งล้วนมีอนิจจัง ลาภ ยศ ชื่อเสียง เงินทอง ในวันที่มันมีมากเกินไป อะไรก็เปลี่ยนไปได้ทั้งนั้น สิ่งที่โลกเสียดายคือ ปีศาจไทสันที่เคยฉายแววตั้งแต่อายุ 15 ปี กลับจบอาชีพนักมวยแบบไม่สวยนัก ทั้งๆ ที่ด้วยองค์ประกอบทุกสิ่งอย่าง เขาควรจะไปได้ไกลยิ่งกว่าที่เป็น ... 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook