เนย์มาร์ยังหัวหมุน : "มาซาคาสุ โอคาเบะ" นักเตะธรรมดาที่มีทักษะการเลี้ยงบอลระดับโลก

เนย์มาร์ยังหัวหมุน : "มาซาคาสุ โอคาเบะ" นักเตะธรรมดาที่มีทักษะการเลี้ยงบอลระดับโลก

เนย์มาร์ยังหัวหมุน : "มาซาคาสุ โอคาเบะ" นักเตะธรรมดาที่มีทักษะการเลี้ยงบอลระดับโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนึ่งในทักษะที่ยากสุดของฟุตบอล คือ การเลี้ยงบอล บางคนมองว่าสิ่งนี้คือพรสวรรค์ที่พระเจ้าให้มา ไม่สามารถฝึกกันเองได้ และเชื่อว่ามีแต่นักเตะระดับโลกเท่านั้น ที่สามารถเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้ในสถานการณ์จนมุมถึงขีดสุด

ผู้ชายคนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ลบล้างความเชื่อที่หลายคนมีเกี่ยวกับการเลี้ยงบอล เขาคืออดีตนักฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัยและนักฟุตซอล ที่ไม่เคยเล่นฟุตบอลระดับสูงของโลก แต่กลับมีทักษะการเลี้ยงบอลแบบหาตัวจับยาก แม้แต่ โรนัลดินโญ่ ยังเอ่ยปากชื่นชม 

นี่คือเรื่องราวของ มาซาคาสุ โอคาเบะ นักออกแบบการเลี้ยงบอล เจ้าของเพจ Dribble Designer OKABE ที่กำลังบอกคนทั้งโลกว่า คุณสามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่รัก แม้จะมีเส้นทางต่างไปจากคนอื่นสักหน่อยก็ตาม

นักฟุตบอลโนเนม

ความฝันเดียวของ โอคาเบะ คือ การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และเส้นทางการค้าแข้งของเขาเริ่มต้นอย่างสวยงาม ด้วยวัยเพียง 7 ปี 

โอคาเบะ ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกของ อาซามิโนะ เอฟซี ทีมฟุตบอลระดับเยาวชน ก่อนพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ประจำจังหวัดคานางาวะ ได้เป็นตัวแทนเข้าแข่งรายการใหญ่ระดับประเทศอย่าง All Japan U-12 Soccer Championship

ความสำเร็จดังกล่าว กลายเป็นใบเบิกทางให้ โอคาเบะ เซ็นสัญญาเข้าสู่ทีมเยาวชนของ โยโกฮามา มารินอส (โยโกฮามา เอฟ มารินอส ในปัจจุบัน) 

ด้วยทักษะการครอบครองบอลที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่น โอคาเบะ จึงแบกอายุของตัวเอง ก้าวสู่ฟุตบอลเยาวชนระดับสูง ตั้งแต่อายุ 13 ปี

1

โชคร้ายที่พรสวรรค์ของ โอคาเบะ ไม่สามารถเอาชนะจุดอ่อนด้านสภาพร่างกาย เขาเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มที่มีส่วนสูงเพียง 168 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าตัวเล็กมากตามมาตรฐานนักกีฬาชาวญี่ปุ่น แถมกำลังขาของเขาก็น้อยเอามากๆ จึงไม่สามารถใช้ความเร็วในการเคลื่อนที่มาทดแทนจุดอ่อนตรงนี้ได้เลย

โอกาสการลงสนามของ โอคาเบะ ในทีม โยโกฮามา มารินอส ถูกบดบังโดย 2 นักเตะพรสวรรค์ร่วมรุ่น อย่าง จุงโงะ ฟูจิโมโต และ ยูโซะ คูริฮาระ ที่เพียบพร้อมทั้งเรื่องของความสามารถ รวมถึงสภาพร่างกาย จนก้าวสู่ทีมชาติญี่ปุ่นได้ในเวลาต่อมา

"ผมกินเยอะมากเพื่อที่จะทำให้ร่างกายใหญ่ขึ้น แต่ตัวผมก็ยังคงเล็กเท่าเดิม เมื่อมองย้อนกลับไป มันยังมีทักษะอีกหลายด้านที่ผมควรพัฒนา (โดยไม่คิดถึงเรื่องร่างกาย) แต่ผมไม่เคยสังเกตเห็นสิ่งเหล่านั้น" โอคาเบะ ให้สัมภาษณ์กับ toyokeizai

2

ความสนุกในการเล่นฟุตบอลเริ่มหายไปจากชีวิตของ โอคาเบะ อย่างช้าๆ เมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกดังกล่าว เขาจึงตัดสินใจออกจากทีมเยาวชนของ โยโกฮามา มารินอส และกลับมาเล่นให้กับทีมโรงเรียนมัธยมเอดะ ประจำจังหวัดคานางาวะ

ทักษะเฉพาะตัวของ โอคาเบะ ทำให้เขากลายเป็นดาวเด่นประจำโรงเรียน แต่จุดอ่อนเรื่องสภาพร่างกายยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตก 

ความฝันบนหนทางสู่นักฟุตบอลอาชีพมืดมนลงทุกขณะ ในที่สุด โอคาเบะจึงถึงจุดที่ต้องเลือกว่า เขาจะจมอยู่กับความทุกข์ที่ล้มเหลวบนเส้นทางความฝัน หรือ หันมามองความจริงที่อยู่ตรงหน้า และมีความสุขกับกีฬาฟุตบอลอีกครั้ง

"หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ผมตระหนักได้ตอนอยู่มัธยมปลาย คือผมไม่ได้มีพรสวรรค์มากพอจะคว้าทุกอย่างมาอยู่ในมือ ผมจึงมุ่งหน้าไปยังสิ่งที่ผมถนัดเพียงอย่างเดียว คือ การเลี้ยงบอล" โอคาเบะ เล่าถึงแนวคิดที่เปลี่ยนชีวิตของเขา

3

นับแต่นั้น โอคาเบะ มุ่งหน้าความสนใจไปยังการพัฒนาทักษะการเลี้ยงบอลเพียงอย่างเดียว เขาใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงเพื่อศึกษาการเล่นของ ปาโบล ไอมาร์ เพลย์เมคกกอร์ทีมชาติอาร์เจนตินา ที่ใช้ทักษะการเลี้ยงบอลเล่นงานคู่ต่อสู้จนหัวทิ่มหัวตำ จนกลายเป็นสุดยอดนักฟุตบอลของโลก แม้มีส่วนสูงเพียง 170 เซนติเมตร

โอคาเบะ พัฒนาทักษะการเลี้ยงบอลของเขา โดยเริ่มต้นจากการสัมผัสบอล ต่อด้วยการฝึกเลี้ยงแบบ 1 ต่อ 1 และค่อยๆเพิ่มคู่แข่งของเขาจาก 1 เป็น 2, จาก 2 เป็น 3 ไม่นานนัก โอคาเบะสามารถเลี้ยงบอลผ่านนักเตะทั้งสนาม แม้แต่เพื่อนร่วมทีมของตัวเอง โดยไม่มีใครหยุดเขาได้

"ผมคืออัจฉริยะด้านการเลี้ยงบอล ผมยิงประตูด้วยตัวเอง หรือเลี้ยงหลบคู่แข่งสองคนอย่างง่ายดาย มันอาจดูเป็นการเล่นฟุตบอลที่สับสน แต่มันก็เป็นเรื่องดี เพราะไม่มีอะไรมาบดบังทักษะในการเลี้ยงและยิงของผมอีกต่อไป" โอคาเบะ กล่าว

เลี้ยงบอลเก่งที่สุดในโลก 

ทักษะการเลี้ยงบอลของ โอคาเบะ ช่วยให้เขาถูกรับเลือกเป็นกัปตันทีมฟุตบอลมหาวิทยาลัยโตอินแห่งเมืองโยโกฮามา และพาทีมคว้าแชมป์ลีก รวมถึงบอลถ้วยประจำจังหวัดคานางาวะ แต่ถึงอย่างนั้น พรสวรรค์ของ โอคาเบะ ไม่มากพอจะเตะตาแมวมองในลีกฟุตบอลอาชีพ

โอคาเบะ จึงเบนสายสู่อาชีพนักกีฬาฟุตซอล เมื่อเรียนจบจากมหาวิทยาลัย เขาประสบความสำเร็จมากบนเวทีฟุตบอลโต๊ะเล็ก ด้วยการพาสโมสร บาร์ดราล อุรายาสึ คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย JFA All Japan Futsal Championship 

ในปี 2008 โอคาเบะถูกดึงตัวไปค้าแข้งที่ประเทศสเปน กับสโมสร ลากูนา พลายาส เดอ ซาลู อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง

4

การยอมรับจากสังคมในฐานะนักฟุตซอลที่มีความสามารถ คือสิ่งที่โอคาเบะประสบความสำเร็จดังหว้ง แต่ชีวิตของเขายังห่างไกลจากคำว่าสุขสบาย เพราะนักฟุตซอลในประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้มีรายได้มากเท่ากับนักฟุตบอล เขาจึงต้องทำงานเป็นครูสอนฟุตบอลแก่เยาวชนไปพร้อมกัน จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้โอคาเบะเลิกเล่นฟุตซอล เพื่อมาเปิดโรงเรียนสอนเลี้ยงบอลแบบเต็มตัว

"ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้" โอคาเบะกล่าวถึงเหตุผลที่เขาเลิกเล่นฟุตซอล เพื่อหันมาเป็นมืออาชีพด้านการเลี้ยงบอล

"ผมค้นพบว่าตัวเองสามารถเลี้ยงบอลได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าผมจะผอม และมีข้อด้อยเรื่องสภาพร่างกาย ผมจึงคิดต่อว่ามันจะดีแค่ไหนหากคนที่มีร่างกายเพียบพร้อมได้เรียนรู้ทักษะการเลี้ยงบอลจากผม?"

โอคาเบะ เริ่มต้นบทบาทครูสอนเลี้ยงบอล ด้วยการเริ่มต้นโครงการ Make Smile Project โรงเรียนสอนฟุตซอลเคลื่อนที่ให้แก่เด็กญี่ปุ่นทั่วประเทศ ก่อนพัฒนาสู่การอัพโหลดคลิปวิดีโอเลี้ยงบอลผ่านช่อง "Dribble Designer channel" และเพจ "Dribble Designer OKABE"

5

ทันทีที่ทักษะการเลี้ยงบอลของโอคาเบะออกสู่สายตาสาธารณะ คลิปวิดีโอของเขากลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลทันที เพราะความสามารถการเลี้ยงบอลของโอคาเบะ เรียกได้ว่าทัดเทียมกับซูเปอร์สตาร์โลกฟุตบอล เพราะไม่ว่าสิ่งกีดขวางจะเป็นอะไร โอคาเบะสามารถเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งของเขาได้ทุกครั้งไป

"การเลี้ยงบอลของผมมีโอกาสผ่านคู่แข่งราว 99 เปอร์เซ็นต์" โอคาเบะเล่าถึงประสิทธิภาพการเลี้ยงบอลของเขา

"การเลี้ยงบอลไม่ต่างอะไรจากการเล่นหมากรุก ในทุกจังหวะตัดสินเกม คุณมีเวลามากพอจะหลบหนีเสมอ หากคุณสามารถหลอกล่อคู่ต่อสู้ของคุณได้ มันมีโอกาส 99 เปอร์เซ็นต์ที่คุณจะเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้"

โอคาเบะ ยืนยันว่าการเลี้ยงบอลไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคล หรือการฝึกฝนทางปฏิบัติ แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้ทางทฤษฎีด้วย 

ไม่ว่าจะเป็น ระยะห่างระหว่างผู้เลี้ยงกับคู่แข่ง, การจัดระเบียบร่างกาย หรือ ศูนย์กลางแรงโน้มถ่วง เมื่อรวมความรู้เหล่านี้เข้ากับการฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น โอคาเบะ จึงได้ข้อยืนยันทางทฤษฎีว่าการเลี้ยงบอลของเขา สามารถผ่านคู่แข่งด้วยโอกาส 99 เปอร์เซ็นต์

นักเตะดีกรีทีมชาติญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ทาคาชิ อินุอิ, เกงกิ ฮารางุจิ และ ทาคาชิ อุซามิ จึงเดินทางมาให้ โอคาเบะ ฝึกสอนการเลี้ยงบอลเป็นการส่วนตัว ซึ่งสร้างความประหลาดใจแก่คนทั่วไปเป็นอย่างมาก เพราะทั้ง 3 คน ถือเป็นนักเตะประสบการณ์สูงที่ผ่านการค้าแข้งบนเวทียุโรป แต่ โอคาเบะ เป็นเพียงนักฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น

"การเลี้ยงบอลเป็นสิ่งที่ยาก เพราะถ้าคุณสร้างความผิดพลาด คุณต้องรับผิดชอบเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้น คุณจำเป็นต้องกระตุ้นตัวเองให้กล้าหาญ ไม่หวาดกลัวหากจะสร้างความผิดพลาดขณะเลี้ยงบอล" โอคาเบะ เล่าถึงการเลี้ยงบอลที่เกี่ยวข้องถึงจิตวิทยา

"ถ้าคุณกล้าเลี้ยง คุณมีโอกาสอย่างน้อย 3 ใน 10 ที่จะเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำประตู แต่นักเตะญี่ปุ่นส่วนใหญ่กลัวจะสร้างความผิดพลาด จึงไม่กล้าที่จะเลี้ยงบอล ผมหวังว่านักเตะทีมชาติญี่ปุ่นจะตัดสินใจ ด้วยความกล้าหาญ และเชื่อมั่นมากกว่านี้"

ส่งต่อความฝัน

ปัจจุบัน เพจ Dribble Designer OKABE มีผู้ติดตามมากกว่า 4 แสนคน และยอดผู้ชมวิดีโอในยูทูบมากกว่า 100 ล้านครั้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนักเตะชื่อดังของญี่ปุ่น และต่างประเทศ จะพาเหรดกันเข้ามาให้โอคาเบะฝึกสอนการเลี้ยงฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็น วินิซิอุส จูเนียร์, ยูโตะ นางาโตโมะ, ฮิโรกิ ยามาดะ และ ริตสึ โดอัน

ยิ่งไปกว่านั้น โอคาเบะ ยังเคยวัดฝีเท้ากับนักเตะระดับโลก อย่าง เนย์มาร์ และ เอดการ์ ดาวิดส์ รวมถึงได้รับคำชมจากตำนานทีมชาติบราซิล อย่าง ซิโก้ และโรนัลดินโญ่ มาแล้ว

อย่างไรก็ตาม การวัดฝีเท้ากับนักเตะระดับโลกไม่ใช่สิ่งที่ โอคาเบะ ต้องการ เป้าหมายต่อไปของเขาคือการเดินทางไปทั่วโลก เพื่อฝึกสอนเยาวชนแต่ละประเทศ เนื่องจากแรงบันดาลใจตั้งต้นที่ โอคาเบะ เลิกเล่นฟุตซอล เพื่อมาฝึกสอนการเลี้ยงบอล คือแบ่งปันทักษะของเขาให้แก่นักเตะรุ่นใหม่ที่ขาดความสามารถตรงนี้

"ตราบใดที่ผมยังคงทำหน้าที่ออกแบบการเลี้ยงบอล และสื่อสารความสำคัญของการตอบรับความท้าทาย ผมคิดว่าผมยังคงต้องพยายามให้มากขึ้นกว่านี้" โอคาเบะ กล่าวถึงเป้าหมายในอนาคต

"ตอนนี้ผมมีสองความฝันอยู่ในใจ อย่างแรกคือ เดินทางไปยัง 196 ประเทศทั่วโลก เพื่อฝึกสอนการเลี้ยงบอล ส่วนความฝันที่สองคือเห็นหนึ่งในลูกศิษย์ของผมคว้ารางวัลบัลลงดอร์"

9

ผู้ชายหนึ่งคนที่เริ่มต้นจากความฝันการเป็นนักฟุตบอล สู่ผู้ส่งมอบความฝันในฐานะนักเลี้ยงบอลขั้นเทพ ที่แบ่งปันเคล็ดลับแก่เยาวชนชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ และนักเตะดีกรีทีมชาติญี่ปุ่น อาจกล่าวได้ว่า โอคาเบะ มีส่วนพัฒนาฟุตบอลญี่ปุ่น ด้วยทักษะการเลี้ยงบอล

โอคาเบะ จึงเป็นตัวอย่างของบุคคลที่ค้นพบสิ่งที่รัก และส่งต่อสิ่งเหล่านั้นให้ผู้อื่นด้วยความตั้งใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า โอคาเบะ จะยังคงออกเดินทางถ่ายทอดทักษะการเลี้ยงบอลแก่เด็กรุ่นใหม่ทั่วโลก เพื่อจะเห็นเห็นรอยยิ้มของเยาวชนที่หลงรักกีฬาฟุตบอล เหมือนกับตัวเขาในวัยเด็ก

"การเล่นฟุตบอลที่ผมชอบและดีที่สุด คือการเลี้ยงบอล ผมก้าวผ่านความยากลำบากในชีวิตก็เพราะมัน และผมมีความสุขมาก หากได้ช่วยเหลือผู้คนให้มีความสุข จากการทำในสิ่งที่ผมชอบเช่นเดียวกัน" โอคาเบะ กล่าวทิ้งท้าย

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ เนย์มาร์ยังหัวหมุน : "มาซาคาสุ โอคาเบะ" นักเตะธรรมดาที่มีทักษะการเลี้ยงบอลระดับโลก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook