สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเรื่อยๆที่ "เดอะ บริดจ์"

สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเรื่อยๆที่ "เดอะ บริดจ์"

สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเรื่อยๆที่ "เดอะ บริดจ์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มีอยู่ “บ่อยครั้ง” เหมือนกันนะครับที่ผมนั่งดูฟุตบอลแล้วไม่รู้จะ “คอมเมนต์” อะไรหลังจบเกม

หลัก ๆ คือ “เกมขาด” หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เหนือกว่าคู่แข่งค่อนข้างเยอะจนไม่ต้องพูดอะไรกันมาก

ประมาณว่ารู้ๆกัน คล้ายกับตัวเองเป็นคณะกรรมการตัดสิน The Voice แล้วได้ยินเสียงร้องดีๆ ฟังแค่ท่อนเดียวรู้ผล “เลือกได้” เข้าทีมทันที

โดยอาจต้องแข่งกับ “ครู” จากทีมอื่นๆที่เห็นพ้องต้องกัน ขณะที่กองเชียร์ทั้งบ้าน และห้องส่งต่าง “มั่นใจ” ว่านักร้องคนนี้จะเข้ารอบลึกๆได้

ครับ ในเชิงฟุตบอล ส่วนใหญ่จะเป็นทีมใหญ่เจอทีมเล็ก หาใช่ แมนฯซิตี้ - เชลซี “2 บิ๊กทีม” ปะทะกันเหมือนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เราได้เห็นเชลซีในสถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างมาก

ภาษาอังกฤษ เรียกเกมแบบนี้ว่า Outclass เหมือนเทควันโด้ที่กรรมยุติการแข่งขันแล้วชูมือให้ฝ่ายแต้ม “นำขาด” ชนะไปเลยโดยไม่ต้องเหนื่อยจนจบการแข่งขัน

หรือเหมือนมวยที่โดน 3 นับไม่จำเป็นต้องมีนับที่ 4, 5 หรือ 6

เชลซี เกมนี้ก็ไม่ต่างกันที่กว่าจะมีโอกาสยิง “เข้ากรอบ” ครั้งแรกได้ก็ปาเข้าไปนาทีที่ 70 จาก เอแดง อาซาร์

ตรงข้ามกับ แมนฯ ซิตี้ ที่ได้ล่อเป้าอย่างหวาดเสียวจากจังหวะ ดาบิด ซิลบา จ่ายหลุดทะลุให้ กุน อเกวโร่ ไปซัดให้ อัสเมียร์ เบโควิช ต้องออกแรงตั้งแต่ 20 วินาทีแรก

ก่อนอดีตนายทวาร สโต๊ค จะเซฟเวิลด์คลาสอีก 3 หน “เนื้อ ๆ” จากอเกวโร่ ชนิดที่ควรเป็นอย่างน้อย 1 ประตูอย่างมาก

อย่างไรก็ดีครับ สุดท้ายหัวหอกอาร์เจนไตน์ที่ลงตัวจริงนัดแรกก็ซัดประตู 1-0 ได้ในนาทีที่ 31 ใน 45 นาทีแรกที่ มานูเอล เปเญกรินี่ กล่าวว่าลูกทีมน่าจะได้สัก 3 ประตู

ครึ่งหลัง โจเซ่ มูรินโญ่ มีการเปลี่ยนตัวครั้งสำคัญที่กลายเป็น “ข่าวใหญ่” เพราะถอด จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมที่ไม่เคยถูก “น้ามู” เปลี่ยนตัวเลย 176 เกมภายใต้การทำทีมของเค้าออก แล้วส่ง เคิร์ต ซูม่า ลงมา “วิ่งเร็วๆ” แทน

สื่อผู้ดีหลายค่าย เช่น “เดลี่ เทเลกราฟ” ประโคมประเด็นว่า มูรินโญ่ หา “แพะรับบาป” เป็นเทอร์รี่ หลังสัปดาห์ก่อนที่ทำได้แค่เสมอสวอนซี 2-2 แพทย์ประจำทีม เอวา คาร์เนโร่ ก็โดนมาแล้ว

ตามด้วยก่อนเกมก็ไปแขวะ อาร์เซน เวนเกอร์ ว่าอยู่มานาน 15 ปี (จริงๆแล้ว 11 ปี) โดยไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ก็ไม่มีใครเชิญออกหลังถูกถามเกี่ยวกับ เปเญกรินี่ ที่ยังอยู่ในตำแหน่งหลังซีซั่นมือเปล่าปีก่อน

ดังนั้น “ภาพรวม” ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงค่อนข้าง “เนกาทีฟ” สำหรับ มูรินโญ่ และเชลซี ซึ่งยังมีเบี่ยงประเด็นว่าลูกทีมเล่นได้ดีกว่าในครึ่งหลัง

เอาเป็นว่า ส่วนหนึ่งต้องชมเชย แมนฯ ซิตี้ ที่ “ต่อยอด” ชัยชนะ 3-0 เหนือเวสต์บรอมฯ สัปดาห์ก่อนถึง เดอะ ฮอว์ธอร์น ได้ยอดเยี่ยม

เกมดังกล่าวก็ “ชนะขาด” เหมือนกัน และผมก็ได้พูดไปว่า เป็นเพราะเวสต์บรอมฯ เองก็ห่วยพอๆกับแมนฯ ซิตี้ที่เล่นได้ดีมาก (แต่เป็นอย่างหลังซะมากกว่า)

ความกระหายจะเล่นและอยากชนะกลับสู่ทีมชุดนี้ของ เปเญกรินี่ อีกครั้ง หลังซีซั่นที่แล้วเหมือน “ฮอลิเดย์” เล่นไปให้จบๆ หรือเล่นไปพักไป พออยากเล่นก็ชนะ พอไม่อยากก็เสียแต้ม โดยเฉพาะตอนเจอทีมกลางตาราง

ฉะนั้น เกมนี้กับสกอร์เดิม 3-0 ซึ่งมองได้ว่า “โชคดี” สำหรับเชลซีที่ไม่มากกว่านั้นจึง “เหมาะสม” และ “ตอกย้ำ” ว่า พวกเค้า เรือใบสีฟ้า กลับมาแล้วจริง ๆ

เช่นกัน เชลซี ไม่กระเตื้องครับ นับจาก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ถึงนัดนี้ที่ “สัญญาณอันตราย” แจ้งเตือนภัยเริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook