คัมแบ็กได้หรือเปล่า...?

คัมแบ็กได้หรือเปล่า...?

คัมแบ็กได้หรือเปล่า...?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 หลังจาก เลสเตอร์ พ่ายให้กับลิเวอร์พูล 1-4 เคลาดิโอ รานิเอรี่ พาลูกทีมจิ้งจอกกลับมาได้ในเกมเยือน คลับ บรูซ ตามด้วยการเอาชนะ เบิร์นลี่ย์

 สัปดาห์นี้มีคำถามเกิดขึ้นอีกครั้ง จะกลับมาได้อีกหรือเปล่าหลังจากพ่ายให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-4 ในเกมที่ต้องเจอกับปอร์โต้ตามด้วยเซาแธมป์ตัน

 นาทีนี้ต้องบอกว่าการันตียากจริงๆ ไม่ใช่แค่การคัมแบ็กเฉพาะหน้า แต่มองกันยาวๆ เพราะแต่ละนัดไม่สามารถคาดหวังได้ว่าผลงานของเลสเตอร์จะเป็นอย่างไร การออกสตาร์ตในพรีเมียร์ ลีกแบบไม่ปรู้ดปร้าด โอกาสป้องกันแชมป์ห่างหายออกไปเรื่อยๆตั้งแต่เริ่มต้น

 ในขณะที่ถ้วยใหญ่ของยุโรป อาจจะสร้างเรื่องราวชะลอการวิจารณ์ลงไปได้บ้างด้วยการเอาชนะคลับ บรูซในนัดแรก ทว่าภาพรวมทั้งหมดก็ยังคงคาใจไม่น้อย

 ฤดูกาลที่แล้ว เลสเตอร์สร้างผลงานผ่านทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,แมนเชสเตอร์ ซิตี้หรือเชลซีที่มีนักเตะมูลค่ามหาศาลอยู่ในทีม มีการซื้อนักเตะเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง

 ในขณะที่รานิเอรี่ และทีมไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายแต่กลายเป็นแชมป์ เรื่องเซอร์ไพรส์แบบสุดๆอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่การเกิดซ้ำขึ้นมานั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

 หลายอย่างเริ่มแสดงผลออกมาตั้งแต่ต้น ผลงานคือสิ่งที่สามารถยืนยันเรื่องราวได้เป็นอย่างดี แม้ว่าต้องลุ้นกันยาวๆ แต่ภาพมันเริ่มฟ้องชัดเจนมากขึ้นทุกวัน

 การออกสตาร์ตช้าคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก เป็นที่คาดกันว่า "จิ้งจอกสยาม"จะเสียนักเตะตัวหลักให้ทีมใหญ่เงินเยอะหลายคน

 ทว่านักเตะอย่าง เจมี่ วาร์ดี้,ริยาด มาห์เรซ กลับเซ็นสัญญาฉบับใหม่ ที่เสียไปจากทีมมีแค่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เท่านั้น นั่นทำให้แฟนบอลรู้สึกได้ว่า ต้องเดินหน้าได้ดีอีกครั้งแน่นอน

 ประสบความสำเร็จอีกหรือไม่นั่นยังไม่รู้ แต่แฟนบอลย่อมวาดฝันต้องเดินหน้าด้วยการออกสตาร์ตได้หวือหวาเหมือนเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย

 นัดแรกประเดิมด้วยการพ่ายให้ฮัลล์ ซิตี้ เป็นเรื่องช็อกแฟนบอลไม่น้อย ทว่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นไปที่ความพร้อมของทีมอาจจะยังไม่เต็มที่

 แต่การพ่ายให้กับลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มส่งสัญญาณว่าการออกสตาร์ตแบบนี้สามารถที่จะเรียกได้เต็มปากว่าเชื่องช้ากว่าที่จะคาดหวังเรื่องความสำเร็จซะแล้ว

 แม้ว่าจะมีเกมเจ๊ากับอาร์เซนอลซึ่งเป็นทีมใหญ่ เหมือนจะบ่งบอกในระดับหนึ่ง เลสเตอร์สู้กับทีมระดับนี้ได้ดีเหมือนฤดูกาลที่แล้วได้อีกครั้ง แต่การพ่ายทั้งหงส์แดงและผีแดง บ่งบอกเหมือนกันว่าเสียแต้มให้ทีมใหญ่จะประสบความสำเร็จยาก

 เป็นแค่การเริ่มต้นของฤดูกาล ทุกอย่างต้องว่ากันยาวๆ แต่แฟนบอลมั่นใจได้มากน้อยแค่ไหนว่า เลสเตอร์ทีมนี้จะกลับมาได้ในเมื่อการออกสตาร์ตเป็นแบบนี้ คงต้องปล่อยให้ทุกอย่างคาใจกันไปก่อนครับ

 นอกจากประเด็นออกสตาร์ตที่ไม่หวือหวาของเลสเตอร์แล้ว ปัจจัยต่อมาที่บ่งบอกว่า งานของ รานิเอรี่และลูกทีมจะยากมากขึ้นทุกวัน นั่นก็คือบรรดาทีมใหญ่ทั้งหลายตื่นจากหลับใหลกันแล้ว

 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศเปลี่ยนกุนซือกลางฤดูกาล ส่งผลให้ผลงานของทีมแผ่วลงไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของฟาน ฮัล พยายามสร้างทีมกันใหม่แต่ทำอย่างไรทีมก็ไม่ลงตัว

 ทางด้านของเชลซีผลงานแย่ถึงขั้นไล่ โจเซ่ มูรินโญ่ ออกจากตำแหน่ง ในขณะที่อาร์เซนอลอาจจะขับเคี่ยวกันในระดับหนึ่ง แต่เหี่ยวปลายเป็นปกติ

 ทีมใหญ่เหล่านี้มีปัญหาทั้งหมดในฤดูกาลที่ผ่านมา ทว่าตอนนี้ยักษ์ทั้งหลายตื่นขึ้นมาแล้ว เรือใบเปลี่ยนโค้ชเป็นกวาร์ดิโอล่า พร้อมกับปรับเปลี่ยนทีมและสไตล์การเล่นจนผลงาสนกระฉูดอยู่ในขณะนี้

 ผีแดงทุ่มทุนสร้างอีกครั้งด้วยการดึงนักเตะเข้ามาร่วมทีม รวมถึง กุนซือ โจเซ่ มูรินโญ่ เชลซีอาจจะกระท่อนกระแท่นหน่อย แต่หลายคนยังมองว่า อันโตนิโอ คอนเต้ จะพาทีมดีขึ้นมากว่านี้ได้แน่

 ในขณะที่อาร์เซนอล เวนเกอร์ โดนกดดันจากแฟนบอล รวมถึงนักเตะตัวเดิมๆบาดเจ็บ ต้องซื้อนักเตะเพิ่มในที่สุด อีกทั้งสเปอร์สและลิเวอร์พูลก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 ถึงตอนนี้ รานิเอรี่ คงรู้แล้วว่า ยักษ์ทั้งหลายตื่นขึ้นมาจากหลับใหลอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อการออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่ไม่ได้อย่างใจ รวมกับบรรดาทีมใหญ่ปรับปรุงตัวเองขึ้นมา คำถามที่ว่าเลสเตอร์จะประสบความสำเร็จหรือเปล่า เริ่มขยับถอยลงมาว่าจะจบด้วยอันดับท็อปโฟร์ได้มั๊ย

 ส่วนแชมเปี้ยนส์ ลีกการเริ่มนัดแรกด้วยชัยชนะนั้นเป็นประสบการณ์ที่หอมหวานของทีมและนักเตะ รวมไปถึงแฟนบอล พอจะหยุดคำพูดที่ว่าจะเป็นทีมแจกแต้มแม้เป็นแชมป์จากพรีเมียร์ ลีก

 แม้การคาดหวังในถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก จะยังคงไม่เต็มที่เหมือนเดิม การผ่านไปเล่นในรอบน็อคเอาท์ให้ได้ อาจจะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของสโมสร

เป้าหมายแค่ตรงนี้อาจจะเป็นรางวัลเดียวของเลสเตอร์ก็ได้ ถ้าทำได้จริงสามารถที่จะปลอบใจเรื่องราวทั้งหมดได้ในระดับหนึ่ง เพราะการคาดหวังที่จะป้องกันแชมป์หรือกระทั่งการติดท็อปโฟร์สัญญาณมันชัดมากว่ายากเย็นแสนเข็น

ทดเจ็บ3นาที : ดามัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook