นัดตัดสินอนาคตของ "เวนเกอร์"

นัดตัดสินอนาคตของ "เวนเกอร์"

นัดตัดสินอนาคตของ "เวนเกอร์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากความพ่ายแพ้ต่อหงส์แดง “ลิเวอร์พูล” 1-3 ทำให้ความชอบธรรมของ “อาร์แซน เวนเกอร์” ในถิ่น “เอมิเรตต์ สเตเดี้ยม” ลดลงไปอีกจากอันดับในตารางพรีเมียร์ลีก ที่ห่างจากจ่าฝูง “เชลซี” ถึง 13 แต้มด้วยกัน ในแง่ทฤษฎีขุนพลปืนใหญ่ “อาร์เซน่อล” ยังมีโอกาสลุ้นแชมป์ลีกแต่ในแง่ปฏิบัติ แฟนปืนใหญ่ที่ดูบอลมากตลอดตอบได้คำเดียวว่า “แห้ว” อีกแล้ว

ถ้านับครั้งสุดท้ายที่ทีมเป็นแชมป์ลีก ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ฤดูกาล 2003/2004 ถือว่า “ยาวนาน” เกินไป สำหรับทีมใหญ่ที่ถูกมองว่ามีลุ้นแชมป์ทุกฤดูกาล แถมแชมป์บอลถ้วยอย่าง “เอฟเอ คัพ” 2 ครั้งหลังสุดในฤดูกาล 2013/2014 และ 2014/2015 ก็ไม่ได้ทำให้สาวกปืนใหญ่มีความสุขสักเท่าไหร่ เพราะเป้าหมายของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรคือ “แชมป์ลีก” กับ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก”

ในมุมมองของสื่อต่างประเทศ “อาร์เซน่อล” ถือเป็นทีมใหญ่ในยุโรปที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความสำเร็จอย่าง “แชมเปี้ยนลีก” ซึ่งมีทีมอย่าง “แมนฯซิตี้” เพื่อนร่วมลีก และ “ปารีส แซง แชร์แมง” กับ “แอตฯมาดริด” แต่ถ้าดูโอกาสของขุนพลปืนใหญ่ถือว่า “น้อยกว่า” ใครเพื่อน เพราะสถานการณ์ตอนนี้ต้องยิงเสือใต้ “บาเยิร์น มิวนิค” อย่างน้อย 4 ลูก โดยมีข้อแม้ห้ามเสียประตู หลังจากนัดแรกแพ้มา 1-5

ความสำเร็จในยุโรปที่ “เวนเกอร์” และลูกทีมเข้าใกล้มากที่สุดคือ “รอบชิงชนะเลิศ” ในฤดูกาล 2005/2006 ที่แพ้ต่อ “บาร์เซโลน่า” และนับตั้งแต่ฤดูกาล 2009/2010 จนถึงปัจจุบัน ทีมไม่เคยไปไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเลย

wengggggg3
ที่สำคัญ “อาร์เซน่อล” มีบทเรียนทุกปีในฟุตบอลรายการนี้ โดยเฉพาะการเจอ “บาเยิร์น มิวนิค” ที่เจอกันแทบทุกฤดูกาล เรื่องของตัวนักเตะหรือสภาพทีมก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่ฟังขึ้น เพราะตั้งแต่สร้างสนาม “เอมิเรตต์ สเตเดี้ยม” เสร็จ ทีมก็มีเงินจับจ่ายใช้สอยไม่น้อยกว่าคู่แข่งอย่าง “บาเยิร์น” หรือบางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

ดังนั้นถ้าจะโทษ “ความล้มเหลว” ที่เกิดขึ้นก็คงต้องโทษ “เวนเกอร์” เพียงคนเดียว แถมนัดแรกที่ “อัลลิอันซ์ อารีน่า” ซึ่งทีมโดนยิงไปถึง 5 ประตู ส่งผลให้ทีมมีสถิติที่ไม่น่าจดจำเกิดขึ้นอีกอย่างคือ เป็นทีมจากเกาะอังกฤษทีมแรกที่เสียประตูใน “แชมเปี้ยนลีก” ถึง 200 ประตู

เกมในวันนี้ถึงแม้จะเล่นกับ “บาเยิร์น มิวนิค” ในบ้าน ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะยิง 4-0 แล้วผ่านเข้ารอบอยู่ดี แถมตั้งแต่ “คาร์โล อันเชล็อตติ” มาคุมทัพพี่เสือ ทีมไม่เคยเสียประตูให้คู่แข่งเกิน 3 ลูกด้วยซ้ำ นอกจากนั้นขุนพลพี่เสือกำลังฮึกเหิมเกมรุกน่ากลัวมาก 3 นัดหลังสุดในลีก ยิงรวมกันไป 14 ประตู

wengggggg2
ในรายของ “เวนเกอร์” เอง ช่วงหลังก็ถูกวิพากย์วิจารณ์ไม่น้อยกับตำแหน่งหน้าที่ในถิ่นเอมิเรตต์ สเตเดี้ยม ถึงแม้จะไม่มีใครมากล้าไล่ออกกับสิ่งที่ทำไว้กับทีมในอดีต แต่ในหัวใจแฟนบอลเองก็คงต้องการความเปลี่ยนแปลงเพราะ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เวนเกอร์” ทำทีมต่อ ก็คงเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าเปลี่ยนกุนซือ บางทีผลงานของทีมอาจจะดีขึ้นหรือไม่ก็แย่ลง ไม่มีใครรู้แต่ก็ม่เหมือนเดิม

สุดท้ายนัดนี้ที่เจอกับพี่เสือ อาจจะเป็นนัดชี้ชะตาของ “เวนเกอร์” ในฐานะนายใหญ่ของทีมเพราะเจ้าตัวก็ยังไม่ได้ต่อสัญญาที่กำลังจะหมดลงกับทีมหลังจบฤดูกาลนี้ออกไป ถ้าทีมสามารถสร้างปาฏิหาริย์พลิกกลับมาเข้ารอบได้ก็คงทำให้เจ้าตัว “อยู่ต่อ” แต่ถ้า “ไม่” บางทีช่วงเวลาที่เหลือคงต้องเตรียมงานจากลาอีกหนึ่งตำนานที่กำลังจะเดินออกจากทีมไปครับ

แบงค์ พิพัช 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook