ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน" ก่อนดวลกันคืนนี้!

ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน" ก่อนดวลกันคืนนี้!

ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน" ก่อนดวลกันคืนนี้!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากเอ่ยถึง "เยอรมัน-อังกฤษ" เราย่อมนึกถึงความเป็นอริและอาฆาต แต่บางครั้งโลกมนุษย์ก็มักมีความสัมพันธ์ที่สุดแปลกดังเช่นทั้งสองชาติดังกล่าวที่ใครจะเชื่อครับว่า ครั้งหนึ่งทั้ง อังกฤษ และ เยอรมัน นั้นเคยเป็นปึก "ผืนแผ่น" เดียวกัน

เดิมที "สิงโตคำราม" และ "อินทรีเหล็ก" กำเนิดมาจากชาติเดียวกัน ต้นกำเนิดของทั้งสองต่างเป็นชาว "เยอรมานิค" ก่อนที่ อังกฤษจะแตกหน่อออกไปยึดเกาะอังกฤษแล้วกลายเป็นชาว "แองโกล" นับตั้งแต่นั้น

ใช่ที่เราอาจเคยเห็นทั้งสองชาติรบกันเอาเป็น-เอาตายในสงครามโลกครั้งที่ 1, ถูกอีกที่เรื่องการเมืองของทั้งสองถือหางคนละขั้ว แต่ในรอยร้าวที่ปรากฏบนหน้าสื่อเบื้องลึกแล้วด้วยดีเอ็นเอที่เข้มข้นทั้งสองต่างยังคงรู้สึกว่าทั้งกันและกันยังคงเสมือนพี่น้องกัน

 1067213

กระทั่ง ฮิตเลอร์ ที่เคยมีบางรายงานกล่าวว่าเจ้าตัวเคยเลือกที่จะไม่ยิงทำลายล้างเมืองหลักๆของอังกฤษเนื่องเพราะความที่มีเชื้อไขเดียวกัน

แต่กระนั้นยังมีอยู่หนึ่งเหตุการณ์ในวงการฟุตบอลที่ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองชาติเกือบขาดสะบั้น เป็นเหตุการณ์ที่แม้ผ่านมาเนิ่นนานกว่า 51 ปีแล้วแต่จนถึงทุกวันนี้ยังกลายเป็นที่ถกเถียงไม่จบไม่สิ้น

เป็นชัยชนะกังขาที่ทำให้แม้ อังกฤษ ถูกจารึกชื่อในฐานะทำเทียบแชมป์โลกได้สมใจอยาก แต่นั่นก็ทำให้ความสำเร็จครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของพวกเขาถูกมองว่าเป็น "ตราบาป" ที่ประทับรอยอยู่และไม่มีวันหายไป

"โกสต์ โกล" หรือประตูผีของ "เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์" ในตำนาน!

 article-2291090-0004b0aa000

"ทางเดียวที่พวกอิงลิชชนจะเป็นแชมป์ก็คือจัดบอลโลกที่บ้านของมันเอง แล้วมันถึงจะมีโอกาสเป็นแชมป์แบบที่มันโกงพวกเรา"

คำปรามาส, ดูถูก, ถากถาง หรือไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้เลยว่าวลีนี้หาได้ทั่วไปและอยู่ในเบื้องลึกจิตใจของชาวเยอรมันแทบทุกคน

ก็ไม่แปลกครับที่พวกเขาจะคิดร้ายเช่นนั้น เมื่อครั้งหนึ่งพวกเขาเจอเหตุการณ์ "วิปโยค" ที่ทำให้พวกเขาต้องพบกับฝันร้ายที่คนยุคนั้นไม่มีวันลืมเลือน

30 กรกฏาคม 1966 นั่นคือวันที่ชาวที่เรียกตนเองว่าผู้ดีมีความสุขที่สุดในโลก ขณะเดียวกันแฟนบอลจากเมืองเบียร์ที่เข้าชมเกมดังกล่าว

 england-v-germany

อยู่ในสภาพไม่ต่างกับ "ตายทั้งเป็น"

ย้อนกลับไปเมื่อนัดชิงฟุตบอลโลกปี 1966 ในครั้งนั้นทีมชาติอังกฤษได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ปีนั้นลูกทีมของ เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ รวมถึงสาวกทั่วประเทศต่างหมายมั่นปั้นมือเนื่องจากมีอยู่หนึ่งตราบาปที่พวกเขาพวกเขาไม่เคยทำได้

นั่นก็คือการซิวถ้วย "เวิลด์ คัพ"

ก็แน่นอนว่าพอมาอีหรอบนี้สื่อในอังกฤษทั้งหลายที่ขึ้นชื่อเรื่องความโอเวอร์อยู่แล้วก็พร้อมใจกันที่จะประโคมความยิ่งใหญ่ของชาติบ้านเกิด และปลุกพลังแห่งความเชื่อขึ้น บนท้องถนนมีป้ายปลุกเร้ากองเชียร์ไม่เว้นแม้แต่บนหน้านสพ.ที่ประโคมข่าวทุกวี่ทุกวัน

 3089956

กระทั่งกาลเวลาเดินทางมาถึง 30 กรกฏาคม วันที่ว่ากันว่าทั่วท้องสนามเวมบลีย์ "ลุกเป็นไฟ"

หลังสร้างเรื่องช็อกฝ่าด่านทั้งฝรั่งเศส, อาร์เจนติน่า และ โปรตุเกส มาได้ ในตอนนี้เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นครับที่ฝันของแฟนผู้ดีจะกลายเป็นจริง แต่ขึ้นชื่อว่าปราการด่านสุดท้ายย่อมไม่มีคำว่าง่าย

ดวงดันสมพงษ์ให้ อังกฤษ มีคิวบู๊กับ เยอรมันตะวันตก ในนัดชิงพอดี

อดีตอันร้าวฉานก่อให้สนามลุกเป็นไฟ สงครามโลกที่เพิ่งจบลงไม่นานทำให้ความเร่าร้อนคู่นี้ช่างร้อนระอุ ฉับพลันที่เกมเริ่มต้นขึ้นทั้งสองใส่กันไฟแล่บชนิดไม่มีใครยอมใคร

 480012819

กระทั่งสถานการณ์ล่วงเลยมาถึงช่วงท้ายเกมแล้ว โวล์ฟกัง เวเบอร์ ก็มาซัลโวประตูไล่เจ๊าในนาทีสุดท้ายของเกมช่วยให้สกอร์จบลงที่ 2-2

นั่นทำให้ทุกอย่างต้องไปวัดที่ "ช่วงต่อเวลา"

ทุกสถานการณ์ล้วนมีฮีโร่ และกับศึกครานี้พระเจ้าก็กำหนดให้ชื่อของ "เจฟฟ์ เฮิร์สท์" กลายเป็นตำนานที่ถูกจารึกว่าเป็นผู้พา อังกฤษ คว้าชัยช่างน่าเศร้าครับที่นั่นกลับไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เพราะวีรกรรมของ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานโดยไม่รู้จบ ถึงจะถูกบันทึกว่าเป็นนักบอลคนเดียวจนถึงตอนนี้ที่ซัดแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศได้

แต่หนึ่งในประตูที่ทำได้ จังหวะซัดให้ทีมช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-2 (เกมจบ 4-2 และแน่นอน เจฟฟ์ เฮิร์สท์ คือผู้ซัดปิดท้าย) นำพาซึ่งปัญหาที่ถึงตอนนี้ก็ไร้ซึ่งคำตอบและยังค้างคา

 0c4120e5c61b9b687676adb8c1fc2

หลัง อลัน บอลล์ เปิดมาให้ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ก็จัดการเกี่ยวบอลลงหนึ่งทีก่อนเอี้ยวตัวยิงเข้าไป แต่นั่นไม่ใช่การซัลโวที่เข้าไปแบบธรรมดาๆหากแต่บอลเจ้ากรรมดันเด้งไปตรงเส้นแล้วปลิ้นออกมา

ในยุคที่ไร้โกลไลน์ ช่างเป็นการยากที่จะตัดสิน ฝั่ง อังกฤษ วิ่งเฮเนื่องจากเชื่อว่าบอลคาบเส้นแล้วแต่ทว่าทางเยอรมันค้านหลังชนฝา พวกเขาพยายามแย้งกระทั่งสุดท้ายผู้ตัดสิน ก็อตต์ฟรีด เดนส์ท ตัดสินใจให้เป็นประตูหลังไปปรึกษากับไลน์แมน

และนั่นอังกฤษสร้างประวัติศาสตร์และตำนานแชมป์โลกสมัยแรกและครั้งเดียวไป

หลังเกมนัดนี้สื่อทั้งสองเปิดศึกใส่กันรวมทั้งแฟนบอลชนิดดุเดือดไปพักใหญ่ ในเวลาต่อมา เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ได้ยืนยันว่าประตูของตนนั้นเข้าไปแล้วอย่างชัดเจน

 geoff-hurst-england-world-c

เช่นเดียวกับ Skysports ที่พยายามทำภาพจำลองและใช้เทคโนโลยียืนยันเมื่อปีที่แล้วในวันครบรอบ 50 ปีเหตุวิปโยคว่ามันเข้าไปแล้วจริงๆ แต่พูดไปก็สองไพเบี้ย

ทุกวันนี้เรื่องราวยังคงคาราคาซังไม่ต่างกับคำถามทีไร้ซึ่งคำตอบ ด้าน อูเว่ ซีเลอร์ กัปตันทีมเยอรมันในวันนั้นก็เผยความลับว่า เจฟฟ์ เฮิร์สท์ เองคงสับสนเพราะกระทั่งเจ้าตัวก็ได้บอกกับตนว่ามันยังไม่ข้ามเส้นในเวลาต่อมา

"ผมอยู่ด้านตรงหน้าเหตุการณ์ในวันนั้นและเห็นว่าบอลนั้นยังไม่ข้ามเส้นชัดเจน ไม่มีใครในทีมเราเข้าใจเลยว่าผู้ตัดสินให้มันเป็นประตูได้ยังไง"

"ทุกวันนี้เมื่อผมเจอกับ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ เรายังมักหัวเราะกันอยู่เลยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เอาตามตรงนะ พวกเขาก็รู้ดีแก่ใจและบอกเองเลยว่ามันไม่เข้าไป เพราะพวกเขาก็เห็นตำตา"

 27gm_11wop_l

ผลฟุตบอลสดสกอร์เกมนี้อาจจบลงที่ 4-2 และพาอังกฤษกลายเป็นแชมป์โลก แต่สิ่งที่ตามมานำพาให้แมตช์นี้เข้าขั้นตำนาน ในเกมที่มีผู้ชมทางโทรทัศน์พร้อมกันกว่า 32 ล้าน นี่คือสถิติจำนวนผู้ชมที่มากที่สุดในเกาะอังกฤษแต่สิ่งที่ผู้คนพูดถึงกลับไม่ใช่การซิวถ้วยเวิลด์ คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขา, ไม่ใช่สกอร์ 4-2 ที่ดูเหมือนห่างชั้น

หากแต่เป็น "ประตูผี" ในตำนาน

คืนวันพุธนี้ทั้งคู่จะโคจรมาพบกันอีกครั้ง มันอาจจะเป็นแค่เกมกระชับมิตรที่คนรุ่นใหม่ก็น่าจะลืมไปหมดแล้ว แต่เชื่อเถอะครับว่าด้วยประวัติศาสตร์และความเคียดแค้นเก่าๆทั้งสองจะใส่กัน "ลืมตาย" แน่นอน

เพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคอ ต่อให้อุ่นแข้งก็ย่อม "ไม่มีใครยอมใคร"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook