โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ภาคดาวซัลโว)

โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ภาคดาวซัลโว)

โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ภาคดาวซัลโว)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พรรคพวกเพื่อนฝูงบางคนกริ๊งกร๊างเข้ามาพูดคุยกับผม หลังได้อ่านคอลัมน์ "ซอยสามัคคี" เวอร์ชั่น "โหมโรง ศึกยูโร 2012" จบไปทั้ง 3 ตอน พร้อมกับตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่ผมแสดงความคิดเห็นออกไป ถึงการคาดการณ์ผลงานของทีมต่าง ๆ ในศึกยูโร 2012 หนนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นที่ผมกล้า "ฟันธง" ว่า ทีมสิงโตคำราม "อังกฤษ"  จะร่วงตกรอบแล้วนั้น ทำไมถึง "กล้า" ที่จะพูดอย่างนั้น

ผมตอบตามตรงเลยครับว่า ความจริงแล้ว ทีมสิงโตคำราม คิดผิดตั้งแต่แรกแล้วที่ปล่อย ฟาบิโอ คาเปลโล่ ออกจากตำแหน่ง และก็มาคิดผิด "ซ้ำสอง" ที่แต่งตั้ง รอย ฮอดจ์สัน เข้ามารับงานกุนซือทีมสิงโตคำราม

ผมยืนยันความคิดผมแบบตรงไปตรงมาเลยครับว่า ไม่เคยชื่นชอบสไตล์การทำทีมในแบบของ รอย ฮอดจ์สัน เลยสักนิดเดียว แม้เขาจะมีผลงานเด่น เคยนำ ฟูแล่ม ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก มาแล้ว และการทำหน้าที่ให้กับ เวสต์บรอมวิช ตลอดช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาก็ถือว่า "ไม่เลว"

ที่สำคัญ กุนซือทาถู "ฮอดจ์สัน" ก็เคยคุมทีมใหญ่อย่าง อินเตอร์ มิลาน หรือคุมทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ มาอีกต่างหาก

แต่! ไม่ว่าจะเหตุผลใด ๆ ผมก็ยังไม่เชื่อ "น้ำยา" ของกุนซือรายนี้อยู่ดีครับ การพา ฟูแล่ม เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศบอลยูโรป้า ลีก ได้ ผมอยากให้ลองคิด หรือย้อนไปดูทีมที่เข้าแข่งขันในปีนั้น ว่ามีทีมใดบ้าง และแต่ละทีมที่ลงแข่งขัน เขา "จริงจัง" กับถ้วยใบนี้ มากน้อยสักแค่ไหน หรือการพา เวสต์บรอมวิช อยู่รอดปลอดภัยแบบสบาย ๆ ในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ มันก็เป็นผลงานระดับ ธรรมดา ๆ ในฤดูกาลที่บรรดาทีมในพรีเมียร์ลีก ดูอ่อนยวบยาบจริง ๆ

จะเอาตอนคุม อินเตอร์ มิลาน 2 สมัย ก็ไม่เคยพาทีมประสบความสำเร็จอะไรเลย หรือตอนที่คุมทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ และถ้าจำไม่ผิด เคยคุมฟินแลนด์ด้วย ก็ทำผลงานแค่เกือบ ๆ ดีเท่านั้น

กับทีมสิงโตคำรามอังกฤษ ในซัมเมอร์นี้ ผมจึงไม่คิดว่า เขาจะทำได้ "ดี" จนถึงขนาดผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์หรอก เพราะด้วยศักยภาพของขุนพลสิงโตคำรามทีมนี้ ผมดูว่า ก็แค่ "ธรรมดา" เท่านั้น เมื่อบวกกับการที่ต้องขาด "หมูพลิ้ว" เวย์น รูนี่ย์ หัวหอกที่เป็นความหวังเดียว (จริง ๆ) ของทีมไปถึง 2 นัดในรอบแรก แล้วมันจะเหลืออะไร

เอาเป็นว่า ถ้า อังกฤษ ผ่านรอบแรกได้ ก็ถือว่าผม "หน้าแตก" แหกแบบหมอไม่รับเย็บเลยก็แล้วกัน และผมก็จะเขียนคอลัมน์ "ขอโทษ" แฟน ๆ ทีมสิงโตคำรามอีกเลยก็ได้ เอ้า!

มากันที่ เรื่องที่ "จั่วหัว" เอาไว้ในวันนี้ดีกว่าครับ กับเรื่องราวของคนที่จะก้าวมาเป็น "ดาวซัลโวสูงสุด" ของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 ในคราวนี้

4 ปีก่อน ดาวิด บีญ่า ยิงไป 4 เม็ด ก็เพียงพอที่จะครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ ในขณะที่เมื่อปี 2004 มิลาน บารอส กองหน้าจอมมุดของสาธารณรัฐเช็ก ซัดไป 5 ประตู ครองตำแหน่งยอดดาวยิงของคราวนั้นไป

สำหรับศึกยูโร 2012 ที่โปแลนด์ และ ยูเครน ในหนนี้ ตามความคิดของผม ก็ต้องไปดูจากแมตช์ที่ทีมของนักเตะตัวเต็งดาวยิงสูงสุดคนต่าง ๆ จะต้องเล่นว่า ยากหรือง่าย มากน้อยสักแค่ไหน และทีมใดที่มีโอกาสจะเข้ารอบลึกไปเรื่อย ๆ หัวหอกของทีม ก็ย่อมมีโอกาสที่จะก้าวไปครองตำแหน่งดังกล่าว

แน่นอนว่า สำหรับตำแหน่งดาวยิงสูงสุด ที่โปแลนด์ และยูเครน ในช่วงซัมเมอร์นี้ ผมเองก็มีมุมมองที่ไม่แตกต่างไปจากที่หลาย ๆ คนคาดคิดเอาไว้หรอกครับ

มาริโอ โกเมซ, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และ คลาส แยน ฮุนเตลาร์ คือ 4 นักเตะที่ผมมองว่า น่าจะมีโอกาสก้าวไปเป็นดาวยิงสูงสุดของศึกยูโร 2012 ได้เลย

จะเห็นว่า นักเตะทั้ง 4 รายที่ว่า มาจาก 3 ชาติที่อยู่ในกลุ่มซึ่งหินที่สุด ก็คือ กลุ่มบี ที่ถูกเรียกว่าเป็น "กรุ๊ป ออฟ เดธ" ของทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่า เป็นไปได้ยากมากที่ 1 ใน 4 คนที่ว่าจะก้าวมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดได้

แต่! ผมกลับมองว่า กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ "หิน" สุด ๆ ก็จริง แต่ก็จะเป็นกลุ่มที่แต่ละนัด มีการซัลโวประตูกันแบบ "ระเบิดเถิดเทิง" แน่ ๆ เนื่องจากว่า นอกจากทีมแดนโคนม "เดนมาร์ก" ที่มีสไตล์การเล่นประเภทเน้นความเหนียวแน่นเอาไว้ก่อน ตามสไตล์ถนัดของตัวเองที่ทำให้ได้ไปถึงแชมป์ยุโรปแบบพลิกความคาดหมาย เมื่อปี 1996 แล้ว อีก 3 ทีมที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็น เยอรมนี , เนเธอร์แลนด์ และ โปรตุเกส ต่างก็เป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นเกมรุกบุกแหลกด้วยกันทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้น เวลาที่ทีมเหล่านี้เจอกัน ความมันระดับ "5 ดาว" ย่อมหนีไม่พ้น และการเดินหน้าถล่มประตูเพื่อเอาชนะกันจะเป็นไปอย่างดุเดือด ประเภทชนะแค่ 1-0 หรือ เสมอกัน 0-0 ในแต่ละนัด ผมว่าในกลุ่มนี้ เราคงมีโอกาสได้เห็นน้อยมาก น่าจะเป็นเกมที่ใส่กันไฟแลบ ชนะกัน 2-1 หรือ 3-2 หรือมากมายกว่านั้น ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่า หัวหอกตัวเป้าของทั้ง 3 ทีมที่ว่า ย่อมมีโอกาสทำสกอร์แบบระเบิดเถิดเทิงแน่ ๆ

และเมื่อผ่านเข้ารอบลึกไปเรื่อย ๆ  ไม่ว่าจะเป็น โกเมซ, ฟาน เพอร์ซี่, โรนัลโด้ หรือ ฮุนเตลาร์ ก็มีหวังได้สะสมจำนวนประตูเพิ่มไปเรื่อย ๆ จนได้เป็นดาวยิงสูงสุดในที่สุด

อย่า! แปลกใจนะครับที่ ทำไมผมถึงไม่เลือกหัวหอกจากทีมแชมป์เก่า "กระทิงดุ" สเปน ว่ามีลุ้นจะก้าวไปเป็นดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์

ผมมองว่า การที่ ดาวิด บีญ่า ถอนตัวออกจากทีมกระทิงดุชุดนี้ไปเรียบร้อย ซึ่งแน่นอน ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายแต่อย่างใด และ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ก็น่าจะเตรียมการสำหรับการหาตัวตายตัวแทนของ บีญ่า เอาไว้ตั้งนานแล้ว ซึ่งไม่ว่าจะเป็น เฟร์นานโด ญอเรนเต้, โรเบอร์โต้ โซลดาโด้ หรือว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็ล้วนแล้วแต่มีศักยภาพดีพอที่จะก้าวไปถึงการได้ครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุด

แต่! การที่ทีมกระทิงดุ คือแชมป์เก่า และเป็นแชมป์โลก อีกทั้งยังเป็น "เต็ง 1" ที่จะคว้าแชมป์รายการนี้อีกคำรบ จะกลายเป็น "ดาบสองคม" ที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงพวกเขา เนื่องจากแต่ละนัดที่ลงสนาม ทีมกระทิงดุ จะต้องเจอกับแท็กติกการเล่นของคู่ต่อสู้ ที่จะมาอุดแหลก หวังแบ่งแต้ม หรือแพ้ให้น้อยที่สุด 

เพราะฉะนั้น ชัยชนะของทีมกระทิงดุ กว่าจะได้มาแต่ละนัดในทัวร์นาเมนต์นี้ มันย่อมเป็นไปอย่างยากเย็นแสนเข็ญแน่ ๆ ไอ้ประเภทจะยิงแบบระเบิดเถิดเทิงเหมือนรอบคัดเลือก รับรองว่า ไม่มีให้เห็นแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี, สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และ โครเอเชีย มีหวังทำเอาสเปน ลิ้นห้อยทุกทีม หรือแม้กระทั่งเมื่อเข้ารอบน็อกเอาต์ก็ตามที

ส่วนดาวยิงของชาติอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ผมมองว่าเป็นไปได้ยากมากที่จะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ แถมบางชาติจะยิงประตูได้มั่งหรือเปล่า

อันนี้น่าสนใจจริง ๆ ครับ

เฮียนอส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook