เป้าหมายต้องอยู่เหนือ "ทอฟฟี่" และ "ปืน"

เป้าหมายต้องอยู่เหนือ "ทอฟฟี่" และ "ปืน"

เป้าหมายต้องอยู่เหนือ "ทอฟฟี่" และ "ปืน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : เหมือนกับจะได้ยินนะครับ เพราะหลังจากที่ผมเขียนเรื่อง "อดทนทรมานกันต่อไป" กับการเชียร์ลิเวอร์พูลหลังความพ่ายแพ้ 0 - 2 ติดกัน 2 แมตช์ก็ปรากฎว่า "หวยออก" เอากับแมตช์รับมือสวอนซีพอดี

ฟุตบอล ยามจะ "คลิ๊ก" อะไรก็ดีไปหมดเหมือนหนุ่มสาวเพิ่งจีบกันแล้วรู้สึก "ว่าใช่" ดังนั้นจึงไม่แปลกครับว่า ไฟนอลสกอร์จะ "มโหฬาร" ปานโต 5 - 0

สำหรับคนได้ชมเกมนัดนี้แบบไม่คิดอะไรมาก คงจะได้เห็น "ความจริง" 2 - 3 ประการ เช่น

1.ลิเวอร์พูล ดูเหมือนจะเล่นดีซะเหลือเกิน และทำอะไรก็ "ง่าย" ไปหมดในการหาโอกาสเข้าโจมตีทีม "หงส์ขาว"

2.สวอนซี ดูแล้วไม่เหมือนทีมของ ไมเคิล เลาดรู๊ป ที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้จักมาตลอดฤดูกาลนี้ เพราะพลาดง่าย เสียง่าย และเหมือน "ไม่เต็มที่" เอาซะเลย

ก่อนจะไปเฉลย ผมมีสถิติจาก "พรีเมียร์ลีก ทีวี" ที่คุณพิธีกร จอห์น ไดค์ สรุปเอาไว้ตอนพักครึ่ง และหลังจบเกมว่า ลิเวอร์พูลมีโอกาสยิงในครึ่งแรกทั้งเข้ากรอบ และออกนอกกรอบ 25 ครั้ง

นี่คือ สถิติ "สูงสุด" และมากกว่าทุกทีมในทุกแมตช์ฤดูกาลนี้ของพรีเมียร์ลีก หรือน่าจะเป็นของเกาะอังกฤษด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ดีครับ หงส์แดง ก็คือ หงส์แดงวันยังค่ำ เพราะจากโอกาสดังกล่าว ลูกทีมแบรนแดน ร็อดเจอร์ส จบสกอร์ได้แค่ 1 ดอก

แถมยังเป็น "จุดโทษ" จาก สตีเวน เจอร์ราร์ด อีกด้วย

จุดโทษลูกนี้ที่ หลุยส์ ซัวเรซ โดน เคมี่ อกุสติน แซะฟาล์วโดยที่หลายคนมองว่า ไม่น่าเป็นจุดโทษ แต่การสกัดลักษณะนี้ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า "Clumsy" หรือซุ่มซ่าม หรือประมาณไม่ดูตาม้าตาเรือเข้าสกัดทั้งที่ไม่จำเป็น

กรรมการจะให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผมมองว่า ผู้ตัดสินมักจะให้ ขณะเดียวกันในเกมนี้ก็ต้องยอมรับว่า ฮาวเวิร์ด เวบบ์ โดนกดดันอยู่มากเหมือนกันเนื่องจากต้องตัดสินใจหลายเหตุการณ์ในลักษณะนี้ในกรอบเขตโทษสวอนซี

เรียกได้ว่า รวม ๆ แล้ว ลิเวอร์พูลอาจจะได้ 4-5 จุดโทษได้เหมือนกันในเวลาที่อาจจะไม่ได้แม้แต่จุดโทษเดียวก็คงไม่ผิดแต่อย่างใด

ส่วนจุดโทษที่ 2 ตอนเกมจบไปแล้วที่ เวนย์ เราท์เลดจ์ ทำแฮนด์บอลแบบเนียน ๆ ก็เช่นกันที่ดูง่ายมากว่า ปีกขวาสัญชาติผู้ดีทำแฮนด์บอลจริงหรือไม่?

หน้าตา "สารภาพบาป" ของเราท์เลดจ์ บอกชัดเจน และเจ้าตัวเองก็ก้มหน้ายอมรับโดยดุษฎี

ทั้งนี้ครับ ความน่าสนใจเกมนี้อยู่ที่ หากลิเวอร์พูลไม่ได้ประตูที่ 2 เร็วชนิดแทบจะทันทีที่เปิดฉากครึ่งหลัง "ทำนบ" สวอนซีจะแตกหรือไม่?

เพราะต้องไม่ลืมนะครับ ลิเวอร์พูลมีปัญหาในเรื่องการเล่นอย่าง "อดทน" จนสุดท้ายต้องเสียประตูท้ายเกมหลังจากบุกแทบตายแล้วยิงไม่ได้เหมือนในเกมกับเวสต์บรอมฯ และเซนิตฯ ที่โดน 2 เม็ดท้ายเกม

ยิ่งเกมนี้ สวอนซียังอยู่ในเกม เพราะโดนแค่เม็ดเดียวในครึ่งแรก อะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้ในครึ่งหลัง และเมื่อถึงสถานการณ์ ณ ตอนนั้น ผมรับประกันได้เลยว่า ยังไม่มีใครคิดด่าการกระทำของ ไมเคิล เลาดรู๊ป ที่ดร็อปนักเตะตัวจริงถึง 7 คนในนัดนี้เป็นแน่

แต่ 3 ประตูใน 10 นาทีเริ่มสลุตโดย เฟลิปเป้ คูตินโญ่ ดาวเตะแซมบาวัย 20 ปี ต่อด้วยโฮเซ่ เอนริเก้ และซัวเรซ กับประตูที่ 18 ในลีกได้ตอกตะปูปิดฝาโรงเรียบร้อย

เขียนถึงตรงนี้ ผมเห็นใจ เลาดรู๊ปนะครับ เพราะเกมแพลนที่ "แก้ไข" ตอนพักครึ่งไม่น่าจะได้ใช้อะไรเลยไม่นับการโดนเป็นชุดถึง 4-0 เพียงนาทีที่ 55 ซึ่งไม่เหลืออะไรให้กุนซือทำได้เลย

จะเปลี่ยน มิชู ลงมาก็ไม่รู้จะลงมาทำไม หรือ ฯลฯ และ ฯลฯ

โดยอดีตโคตรแข้งเลือดเดนส์ก็ยอมรับ และ "ขอโทษ" แฟนบอลที่ตามมาเชียร์แบบแมน ๆ และก็พูดด้วยว่า ได้ "เรียนรู้" อะไรเยอะแยะที่แม้ไม่ได้บอกว่า เรียนรู้อะไร? ทุกคนก็คงพอเดาได้ครับว่า:

1.เลาดรู๊ป น่าจะได้รู้แล้วว่า ตัวสำรองของเค้า ไม่เก่งเท่าตัวจริง

2.ได้รู้ว่า ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมเกรดฟูแล่ม หรือคิว พี อาร์ ที่เค้าจะใช้ตัวผู้เล่นสำรองลงต่อกรด้วยได้

3.การจัดตัวโดยถอดตัวสำคัญอย่าง แอชลีย์ วิลเลียม กัปตันทีม และมิชู โดยทิ้งไว้เพียง มิเชล ฟอร์ม, พาโบล และโจนาธาน เด กุซมัน นั้นเสมือนประกาศให้นักเตะคนอื่น ๆ รู้ว่า เกมนี้ "ไม่เอา"
หรือ "แพ้" ตั้งแต่เกมยังไม่เริ่ม

อย่างไรก็ดีครับ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่อง "จัดตัว" ของเลาดรู๊ป หรือการบังเอิญมา "คลิ๊ก" ของพลพรรคหงส์แดง ทีมสวอนซีก็ไม่สมควรจะแพ้ง่าย และเสียง่าย ๆ ถึง 5 ประตูแบบนี้

โอกาสยิงทั้งเกม 35 ครั้งก็ถือว่า "มากสุด" ในฤดูกาลนี้ด้วยเช่นกัน แม้จะยังดีกว่านัดไหน ๆ ที่หงส์แดงเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นเป็นประตูได้ถึง 5 ครั้ง (จุดโทษ 2 ครั้ง)

ที่สำคัญ คือ มีการจดอัตราการยิง และประตูของซัวเรซไว้ที่ 18 ประตูจากโอกาส 107 ครั้งที่ก็ (อีกเช่นกัน) มากกว่าทุกหัวหอกในลีก

ที่น่าสนใจคือ สเปอร์สที่กำลังติดลมบนอยู่นี้ หากไม่ได้ประตูของ แกเร็ธ เบล คนเดียวล้วน ๆ 4 ประตู จาก 3 แมตช์ล่าสุด ทีมตราไก่ จะไม่ได้เก็บ 7 จาก 9 แต้มนะครับ

แต่จะไม่ได้สักแต้มอันหมายถึงพวกเค้าจะไม่ได้อยู่อันดับ 4 มี 48 แต้มเหมือนตอนนี้ แต่จะอยู่อันดับ 6 มี 41 คะแนนนำหน้าลิเวอร์พูลที่ตอนนี้อยู่อันดับ 7 เพียง 2 คะแนนโดยหงส์เตะมากกว่า 1 นัด

ครับ ผมกำลังชี้ให้เห็นถึงข้อ "แตกต่าง" ของการใช้โอกาส ไม่นับความพิเศษของประตูจากเบล เช่น ฟรีคิก ที่สร้างความแตกต่างได้มหาศาล

ลิเวอร์พูลตอนนี้ดูดีขึ้นทุกนัดที่มี แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ลงสนามมาแบ่งเบาภาระซัวเรซ และยิ่งได้คูตินโญ่ มาด้วยอะไร ๆ น่าจะ "ราบรื่น" ขึ้นแม้ฟาบิโอ บอรินี่ จะเจ็บยาวก็ตาม

โดยเป้าหมายสูงสุดนั้นน่าจะอยู่ที่การทำอันดับให้ดีกว่า เอฟเวอร์ตัน หรืออาร์เซนอล หรืออันดับ 5 ที่ดูพอเป็นไปได้มากที่สุดครับ

เรื่องโดย "Kai Muk Dum"

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ เป้าหมายต้องอยู่เหนือ "ทอฟฟี่" และ "ปืน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook