5 เรื่องต้องรู้ เมื่อ อาร์เจนตินา แพ้ โครเอเชีย ยับ 0-3

5 เรื่องต้องรู้ เมื่อ อาร์เจนตินา แพ้ โครเอเชีย ยับ 0-3

5 เรื่องต้องรู้ เมื่อ อาร์เจนตินา แพ้ โครเอเชีย ยับ 0-3
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่น่าเชื่อว่าเกมที่นิชนีนอฟโกรอด จะกลายเป็นแบบนี้ เมื่อเต็ง 1 ของกลุ่ม อาร์เจนตินา ผ่านไป 2 นัด เพิ่งจะเก็บได้แค่แต้มเดียว และใกล้ตกรอบเต็มที

ในขณะที่ โครเอเชีย พวกเขาเอาชนะอาถรรพ์ได้สำเร็จ และสามารถกรุยทางสู่รอบน็อคเอาท์ตามหลัง รัสเซีย, อุรุกวัย และ ฝรั่งเศส ได้เรียบร้อย

ไปดูกันว่ามีประเด็นใดน่าสนใจบ้าง ในเกมที่ ฟ้าขาว ถูกถล่มยับเยิน 0-3 เตรียมกลับบ้านตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้


5. ความหวังของแฟนบอลJean Catuffe/GettyImages

อาร์เจนตินา ก็ไม่ต่างอะไรกับ บราซิล มากนัก พวกเขารักฟุตบอล ผลิตนักเตะชั้นยอดออกมาได้เรื่อย ๆ และมีความฝันที่จะได้เห็นชาติของตนคว้าถ้วยสีทองมาชื่นชมอีกสักครั้ง

อาร์เจนตินา เป็นแชมป์โลกครั้งล่าสุดในปี 1986 ที่เม็กซิโก ปีที่กลายมาเป็นตำนานของ อาร์เจนตินา และชายผู้ได้ชายาว่า "หัตถ์พระเจ้า" ก็ถือกำเนิดในปีนั้น 

ผ่านมา 32 ปี ชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเก่งใกล้เคียงกับยุคของ มาราโดน่า ได้มาถึงจุดที่น่าจะพีคที่สุดในการเข้าร่วมฟุตบอลโลกแล้ว แฟนบอล อาร์เจนตินา จึงตั้งความหวังไว้มากมายว่านี่จะเป็นปีของพวกเขาในที่สุด ไม่นับการที่ทีมมีแต่ศูนย์หน้าชั้นยอดที่ต่างไประเบิดประตูในลีกต่าง ๆ อย่าง อเกวโร, ดิบาลา หรือ อิกวาอิน

การแพ้ โครเอเชีย จึงทำให้เราได้เห็นอารมณ์ร่วมของเหล่าแฟนบอลที่สนามนิชนีเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว และตราบใดที่ยังมีหวัง แฟนบอลของพวกเขาก็จะไม่ถอดใจในตัวนักเตะของทีมอย่างแน่นอน

4. ความบ้าบิ่นของ "ซามเปาลี"Jean Catuffe/GettyImages

ที่ต้องเรียกว่าบ้าบิ่นก็เพราะการเสี่ยงส่งชุดที่ "ไม่ได้ดีที่สุด" ลงสนามในเกมที่ยากที่สุดของรอบแบ่งกลุ่มนั่นแหละ

รายชื่อนักเตะอย่าง มาร์คอส อาคูญา, นิโคลาส ทาเกลียฟิโก้, เอ็นโซ เปเรซ หรือ มักซี เมซา ถูกหยิิบใช้ก่อน เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, กอนซาโล อิกวาอิน, เปาโล ดิบาลา, อังเคล ดิ มาเรีย หรือ เอแบร์ บาเนก้า ซึ่งแค่นั้นก็น่าจะทำให้ต้องขมวดคิ้วแล้ว

การเลือกเล่นในระบบหลัง 3 โดยเอาฟูลแบ็คธรรมชาติอย่าง ทาเกลียฟิโก้ และ แมร์คาโด้ มาเล่นเป็นเซ็นเตอร์มันยิ่งน่างงงวยเข้าไปใหญ่ ถึงมันจะเริ่มเป็นเทรนด์ในช่วงนี้ก็เถอะ กับการเอาฟูลแบ็คบีบเข้าเล่นตรงกลางแบบนี้

ซึ่งท้ายที่สุดเราก็ได้เห็นแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแผนของ ซามเปาลี หลัง 3 ตัวเล่นไม่เข้าขากันเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทาเกลียฟิโก้ ที่ดูเหมือนจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องยังไงไม่รู้ มันชวนให้ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ใช้หลังธรรมชาติอย่าง ฟาซิโอ และ โรโฮ แต่แรก หรือถ้าไม่ไว้ใจ โรโฮ จะเอา มาสเชราโน ลงไปเล่นก็ยังได้

 ในตำแหน่งกองหน้า อย่างน้อยถ้าจะเล่นหน้า 3 ส่ง เมสซี ลงเล่นกับ ดีบาลา และ อิกวาอิน ก็ได้นี่ อย่าลืมว่า อิกวาอิน และ ดิบาลา เคยเล่นระบบหน้า 3 มาแล้วที่ ยูเวนตุส วิ่งกองหน้าอีกคนที่ตูรินก็คือ มานจูคิช ของ โครเอเชีย นี่แหละ

 สรุปแล้ว ทีมชุดนี้ของ ซามเปาลี ดูไร้ที่มาที่ไปสุด ๆ เหมือนแค่อยากลองของ เอาแบบไม่จำเจไรงี้ ซึ่งสุดท้ายก็ได้ผลลัพธ์มาแบบไม่จำเจจริง ๆ คือ...แพ้ยับไง!!!

3. กาบาเยโร เอาอีกแล้วMB Media/GettyImages

เมื่อตอนที่รู้ว่า วิลลี กาบาเยโร จะได้เป็นมือ 1 ของทีมชาติชุดนี้ แฟนบอลฟ้าขาวหลาย ๆ คนคงจะส่ายหน้าและได้แต่สวดภาวนาอยู่ในใจ

มันมีสาเหตุที่ เป็ป กวาร์ดิโอลา ไม่เก็บเขาไว้ที่ แมนเชสเตอร์ เช่นเดียวกันกับที่ไม่มีใครวางใจให้เขาเป็นมือ 1 ต่อจาก กูร์กตัวส์ ที่ เชลซี 

เกมแรกที่ กาบาเยโร ลงกับ ไอซ์แลนด์ เราได้เห็นแวบ ๆ ว่าเขาสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเวลาโดนไล่บี้โดยแนวรุกคู่แข่ง โอเค นักเตะไอซ์แลนด์อาจจะตัวใหญ่เลยดูน่ากลัวก็ได้ แต่เกมนี้มันยิ่งชัดเจนเข้าไปอีกว่าเขารับมือกับสถานการณ์กดดันไม่ได้เลยเวลามีนักเตะคู่แข่งอยู่ใกล้ ๆ

จังหวะที่ อันเต้ เรบิช วิ่งห้อเข้ามาหา วิลลี จะหวดบอลไปทางไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่การชิพบอลให้ไปอยู่ในระยะยิงของ เรบิช แบบนั้น จังหวะที่เสียลูกที่ 2 เขาก็ประมาท โมดริช ไปหน่อย ส่วนลูกที่ 3 นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาถอดใจ เพราะ วิลลี เลิกตามบอลแล้วตั้งแต่เห็นว่า ราคิติช ยืนอยู่ตรงนั้นโล่ง ๆ ทั้งที่จริง ราคิติช ก็ยังใช้เวลาแต่งบอลอยู่สักพักถึงปล่อยบอลออกจากเท้า

ถ้าเกมหน้า กาบาเยโร ยังได้ลงอีก เตรียมเก็บของกลับบ้านได้เลย เหล่านักเตะฟ้าขาวทั้งหลาย

2. โอกาสของตราหมากรุกMB Media/GettyImages

โครเอเชีย ไม่เคยเป็นทีมเต็งลุ้นคว้าแชมป์ถ้วยอะไรกับเขาอยู่แล้ว เป็นได้อย่างมากก็แค่ผู้ท้าชิงอันดับ 2-3-4 และยิ่งกับบอลโลก การเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายก็น่าจะเพียงพอแล้วกับทีมระดับนี้

แต่ในปีนี้ดูเหมือนจะต่างกันออกไป จนถึงตอนนี้ ไม่มีทีมใหญ่ไหนเลยที่ดูจะแข็งแกร่งทิ้งฝีเท้าห่างจาก โครเอเชีย ขนาดนั้น ทีมบิ๊กเนมที่ฟอร์มดีที่สุดอย่าง เบลเยียม เล่นกันเหมือนยังไม่ตื่น เอาชนะคู่แข่งอย่าง ปานามา ทีมที่เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายด้วยสกอร์ได้เสียติดลบ ในขณะที่ สเปน แม้จะยิง โปรตุเกส ไป 3 ลูก มีศูนย์หน้าอย่าง คอสต้า เกมล่าสุดกับ อิหร่าน ทำให้เห็นว่าพวกเขาเองก็มีปัญหาเหมือนกันกับการรับมือกับทีมใจสู้แบบนั้น

 ไม่ต้องหันไปดูทีมอื่น ๆ เลย อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อุรุกวัย, โปรตุเกส เอาชนะคู่แข่งที่ฟอร์มด้อยกว่ากันเยอะมาแบบหืดจับ อาร์เจนตินา ก็แพ้พวกเขาไปแล้ว เยอรมนี, โปแลนด์, โคลอมเบีย นี่แพ้มาด้วยซ้ำ 

 เพราะอย่างนั้น ปีนี้เราอาจได้เห็น โครเอเชียทะลุถึงรอบเซมิไฟนอลก็ได้ ดีไม่ดีอาจจะไปถึงรอบชิงได้เหมือนกัน

1. ไอซ์แลนด์ คือ โครเอเชียMB Media/GettyImages

การแพ้ของ อาร์เจนตินา ในเกมนี้ ทำให้ ไอซ์แลนด์ อาจจะเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ทันทีที่เข้ามาเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก

 ไอซ์แลนด์ กับ อาร์เจนตินา มี 1 แต้มเท่ากันในตอนนี้ แต่จากการแพ้ โครเอเชีย ยับเยิน อาร์เจนตินา จึงตกเป็นรองจากทีมเกาะไปแล้ว -3 ประตู 

 หาก ไอซ์แลนด์ เก็บ 3 คะแนนจาก ไนจีเรียได้ ต่อให้ยิงได้แค่ลูกเดียว พวกเขาก็จะมีสกอร์ได้เสียห่างกับ อาร์เจนตินา ถึง 4 ลูก แถมมีแต้มมากกว่า 3 แต้ม อีกต่างหาก ซึ่งหมายความว่าแค่ไปเสมอกับ โครเอเชีย ได้ในเกมสุดท้ายก็เพียงพอที่จะเข้ารอบแล้ว

ดูจากฟอร์มในเกมกับ อาร์เจนตินา ของ โครเอเชีย แล้วคงฟังดูเหมือนยากที่ ไอซ์แลนด์ จะเอาชนะได้ แต่อย่าลืมว่า ไอซ์แลนด์ อยู่ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกกลุ่มเดียวกันกับ โครเอเชีย นะ และเคยเอาชนะมาแล้วด้วย (แม้จะแพ้หากนับเฮดทูเฮดก็ตาม)

เพราะอย่างนั้นมันจึงเป็นไปได้สุด ๆ ที่ ไอซ์แลนด์ จะเข้ารอบ และอาจสร้างปรากฏการณ์แบบเดียวกับที่ โครเอเชีย เคยทำเมื่อปี 1998 ก็เป็นได้

และหาก  ไอซ์แลนด์ ทำได้จริง เกมที่จะถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือการเสมอกับ อาร์เจนตินา 1-1 นั่นแหละ ที่เป็นต้นตอของทุกอย่าง รวมถึงการทำให้ อาร์เจนตินา ต้องตกรอบด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook