5 เรื่องต้องรู้ เมื่อ อาร์เจนตินา แพ้ โครเอเชีย ยับ 0-3
ไม่น่าเชื่อว่าเกมที่นิชนีนอฟโกรอด จะกลายเป็นแบบนี้ เมื่อเต็ง 1 ของกลุ่ม อาร์เจนตินา ผ่านไป 2 นัด เพิ่งจะเก็บได้แค่แต้มเดียว และใกล้ตกรอบเต็มที
ในขณะที่ โครเอเชีย พวกเขาเอาชนะอาถรรพ์ได้สำเร็จ และสามารถกรุยทางสู่รอบน็อคเอาท์ตามหลัง รัสเซีย, อุรุกวัย และ ฝรั่งเศส ได้เรียบร้อย
ไปดูกันว่ามีประเด็นใดน่าสนใจบ้าง ในเกมที่ ฟ้าขาว ถูกถล่มยับเยิน 0-3 เตรียมกลับบ้านตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้
5. ความหวังของแฟนบอล
อาร์เจนตินา ก็ไม่ต่างอะไรกับ บราซิล มากนัก พวกเขารักฟุตบอล ผลิตนักเตะชั้นยอดออกมาได้เรื่อย ๆ และมีความฝันที่จะได้เห็นชาติของตนคว้าถ้วยสีทองมาชื่นชมอีกสักครั้ง
อาร์เจนตินา เป็นแชมป์โลกครั้งล่าสุดในปี 1986 ที่เม็กซิโก ปีที่กลายมาเป็นตำนานของ อาร์เจนตินา และชายผู้ได้ชายาว่า "หัตถ์พระเจ้า" ก็ถือกำเนิดในปีนั้น
ผ่านมา 32 ปี ชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเก่งใกล้เคียงกับยุคของ มาราโดน่า ได้มาถึงจุดที่น่าจะพีคที่สุดในการเข้าร่วมฟุตบอลโลกแล้ว แฟนบอล อาร์เจนตินา จึงตั้งความหวังไว้มากมายว่านี่จะเป็นปีของพวกเขาในที่สุด ไม่นับการที่ทีมมีแต่ศูนย์หน้าชั้นยอดที่ต่างไประเบิดประตูในลีกต่าง ๆ อย่าง อเกวโร, ดิบาลา หรือ อิกวาอิน
การแพ้ โครเอเชีย จึงทำให้เราได้เห็นอารมณ์ร่วมของเหล่าแฟนบอลที่สนามนิชนีเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว และตราบใดที่ยังมีหวัง แฟนบอลของพวกเขาก็จะไม่ถอดใจในตัวนักเตะของทีมอย่างแน่นอน
4. ความบ้าบิ่นของ "ซามเปาลี"
ที่ต้องเรียกว่าบ้าบิ่นก็เพราะการเสี่ยงส่งชุดที่ "ไม่ได้ดีที่สุด" ลงสนามในเกมที่ยากที่สุดของรอบแบ่งกลุ่มนั่นแหละ
รายชื่อนักเตะอย่าง มาร์คอส อาคูญา, นิโคลาส ทาเกลียฟิโก้, เอ็นโซ เปเรซ หรือ มักซี เมซา ถูกหยิิบใช้ก่อน เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, กอนซาโล อิกวาอิน, เปาโล ดิบาลา, อังเคล ดิ มาเรีย หรือ เอแบร์ บาเนก้า ซึ่งแค่นั้นก็น่าจะทำให้ต้องขมวดคิ้วแล้ว
การเลือกเล่นในระบบหลัง 3 โดยเอาฟูลแบ็คธรรมชาติอย่าง ทาเกลียฟิโก้ และ แมร์คาโด้ มาเล่นเป็นเซ็นเตอร์มันยิ่งน่างงงวยเข้าไปใหญ่ ถึงมันจะเริ่มเป็นเทรนด์ในช่วงนี้ก็เถอะ กับการเอาฟูลแบ็คบีบเข้าเล่นตรงกลางแบบนี้
ซึ่งท้ายที่สุดเราก็ได้เห็นแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแผนของ ซามเปาลี หลัง 3 ตัวเล่นไม่เข้าขากันเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทาเกลียฟิโก้ ที่ดูเหมือนจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องยังไงไม่รู้ มันชวนให้ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ใช้หลังธรรมชาติอย่าง ฟาซิโอ และ โรโฮ แต่แรก หรือถ้าไม่ไว้ใจ โรโฮ จะเอา มาสเชราโน ลงไปเล่นก็ยังได้
ในตำแหน่งกองหน้า อย่างน้อยถ้าจะเล่นหน้า 3 ส่ง เมสซี ลงเล่นกับ ดีบาลา และ อิกวาอิน ก็ได้นี่ อย่าลืมว่า อิกวาอิน และ ดิบาลา เคยเล่นระบบหน้า 3 มาแล้วที่ ยูเวนตุส วิ่งกองหน้าอีกคนที่ตูรินก็คือ มานจูคิช ของ โครเอเชีย นี่แหละ
สรุปแล้ว ทีมชุดนี้ของ ซามเปาลี ดูไร้ที่มาที่ไปสุด ๆ เหมือนแค่อยากลองของ เอาแบบไม่จำเจไรงี้ ซึ่งสุดท้ายก็ได้ผลลัพธ์มาแบบไม่จำเจจริง ๆ คือ...แพ้ยับไง!!!
3. กาบาเยโร เอาอีกแล้ว
เมื่อตอนที่รู้ว่า วิลลี กาบาเยโร จะได้เป็นมือ 1 ของทีมชาติชุดนี้ แฟนบอลฟ้าขาวหลาย ๆ คนคงจะส่ายหน้าและได้แต่สวดภาวนาอยู่ในใจ
มันมีสาเหตุที่ เป็ป กวาร์ดิโอลา ไม่เก็บเขาไว้ที่ แมนเชสเตอร์ เช่นเดียวกันกับที่ไม่มีใครวางใจให้เขาเป็นมือ 1 ต่อจาก กูร์กตัวส์ ที่ เชลซี
เกมแรกที่ กาบาเยโร ลงกับ ไอซ์แลนด์ เราได้เห็นแวบ ๆ ว่าเขาสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเวลาโดนไล่บี้โดยแนวรุกคู่แข่ง โอเค นักเตะไอซ์แลนด์อาจจะตัวใหญ่เลยดูน่ากลัวก็ได้ แต่เกมนี้มันยิ่งชัดเจนเข้าไปอีกว่าเขารับมือกับสถานการณ์กดดันไม่ได้เลยเวลามีนักเตะคู่แข่งอยู่ใกล้ ๆ
จังหวะที่ อันเต้ เรบิช วิ่งห้อเข้ามาหา วิลลี จะหวดบอลไปทางไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่การชิพบอลให้ไปอยู่ในระยะยิงของ เรบิช แบบนั้น จังหวะที่เสียลูกที่ 2 เขาก็ประมาท โมดริช ไปหน่อย ส่วนลูกที่ 3 นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาถอดใจ เพราะ วิลลี เลิกตามบอลแล้วตั้งแต่เห็นว่า ราคิติช ยืนอยู่ตรงนั้นโล่ง ๆ ทั้งที่จริง ราคิติช ก็ยังใช้เวลาแต่งบอลอยู่สักพักถึงปล่อยบอลออกจากเท้า
ถ้าเกมหน้า กาบาเยโร ยังได้ลงอีก เตรียมเก็บของกลับบ้านได้เลย เหล่านักเตะฟ้าขาวทั้งหลาย
2. โอกาสของตราหมากรุก
โครเอเชีย ไม่เคยเป็นทีมเต็งลุ้นคว้าแชมป์ถ้วยอะไรกับเขาอยู่แล้ว เป็นได้อย่างมากก็แค่ผู้ท้าชิงอันดับ 2-3-4 และยิ่งกับบอลโลก การเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายก็น่าจะเพียงพอแล้วกับทีมระดับนี้
แต่ในปีนี้ดูเหมือนจะต่างกันออกไป จนถึงตอนนี้ ไม่มีทีมใหญ่ไหนเลยที่ดูจะแข็งแกร่งทิ้งฝีเท้าห่างจาก โครเอเชีย ขนาดนั้น ทีมบิ๊กเนมที่ฟอร์มดีที่สุดอย่าง เบลเยียม เล่นกันเหมือนยังไม่ตื่น เอาชนะคู่แข่งอย่าง ปานามา ทีมที่เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายด้วยสกอร์ได้เสียติดลบ ในขณะที่ สเปน แม้จะยิง โปรตุเกส ไป 3 ลูก มีศูนย์หน้าอย่าง คอสต้า เกมล่าสุดกับ อิหร่าน ทำให้เห็นว่าพวกเขาเองก็มีปัญหาเหมือนกันกับการรับมือกับทีมใจสู้แบบนั้น
ไม่ต้องหันไปดูทีมอื่น ๆ เลย อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อุรุกวัย, โปรตุเกส เอาชนะคู่แข่งที่ฟอร์มด้อยกว่ากันเยอะมาแบบหืดจับ อาร์เจนตินา ก็แพ้พวกเขาไปแล้ว เยอรมนี, โปแลนด์, โคลอมเบีย นี่แพ้มาด้วยซ้ำ
เพราะอย่างนั้น ปีนี้เราอาจได้เห็น โครเอเชียทะลุถึงรอบเซมิไฟนอลก็ได้ ดีไม่ดีอาจจะไปถึงรอบชิงได้เหมือนกัน
1. ไอซ์แลนด์ คือ โครเอเชีย
การแพ้ของ อาร์เจนตินา ในเกมนี้ ทำให้ ไอซ์แลนด์ อาจจะเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ทันทีที่เข้ามาเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก
ไอซ์แลนด์ กับ อาร์เจนตินา มี 1 แต้มเท่ากันในตอนนี้ แต่จากการแพ้ โครเอเชีย ยับเยิน อาร์เจนตินา จึงตกเป็นรองจากทีมเกาะไปแล้ว -3 ประตู
หาก ไอซ์แลนด์ เก็บ 3 คะแนนจาก ไนจีเรียได้ ต่อให้ยิงได้แค่ลูกเดียว พวกเขาก็จะมีสกอร์ได้เสียห่างกับ อาร์เจนตินา ถึง 4 ลูก แถมมีแต้มมากกว่า 3 แต้ม อีกต่างหาก ซึ่งหมายความว่าแค่ไปเสมอกับ โครเอเชีย ได้ในเกมสุดท้ายก็เพียงพอที่จะเข้ารอบแล้ว
ดูจากฟอร์มในเกมกับ อาร์เจนตินา ของ โครเอเชีย แล้วคงฟังดูเหมือนยากที่ ไอซ์แลนด์ จะเอาชนะได้ แต่อย่าลืมว่า ไอซ์แลนด์ อยู่ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกกลุ่มเดียวกันกับ โครเอเชีย นะ และเคยเอาชนะมาแล้วด้วย (แม้จะแพ้หากนับเฮดทูเฮดก็ตาม)
เพราะอย่างนั้นมันจึงเป็นไปได้สุด ๆ ที่ ไอซ์แลนด์ จะเข้ารอบ และอาจสร้างปรากฏการณ์แบบเดียวกับที่ โครเอเชีย เคยทำเมื่อปี 1998 ก็เป็นได้
และหาก ไอซ์แลนด์ ทำได้จริง เกมที่จะถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือการเสมอกับ อาร์เจนตินา 1-1 นั่นแหละ ที่เป็นต้นตอของทุกอย่าง รวมถึงการทำให้ อาร์เจนตินา ต้องตกรอบด้วย