"เนย์มาร์" หลบไป : เมื่อดีลที่สร้างรายได้มหาศาลให้ PSG ไม่ใช่นักฟุตบอล?!

"เนย์มาร์" หลบไป : เมื่อดีลที่สร้างรายได้มหาศาลให้ PSG ไม่ใช่นักฟุตบอล?!

"เนย์มาร์" หลบไป : เมื่อดีลที่สร้างรายได้มหาศาลให้ PSG ไม่ใช่นักฟุตบอล?!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อพูดถึง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรมหาอำนาจลูกหนังฝรั่งเศสยุคใหม่ เชื่อได้ว่าแฟนฟุตบอลน่าจะนึกถึงชื่อของ เนย์มาร์ นักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก หรือไม่ก็ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เด็กนรกของวงการลูกหนังในยุคนี้ ที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

เปแอสเชต้องทุ่มทุนมหาศาลกว่า 400 ล้านยูโร หรือกว่า 14,000 ล้านบาท เพื่อคว้านักเตะทั้งสองคนมาร่วมสังกัด พร้อมความหวังว่าจะสร้างรายได้มหาศาลจากค่าตั๋ว, เงินรางวัล ตลอดจนสินค้าที่ระลึกพะชื่อของนักเตะทั้งคู่

 

แต่ใครเล่าจะเชื่อว่า ดีลที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับทีมดังแห่งเมืองหลวงแดนน้ำหอมแบบพลิกฝ่ามือที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่การทุ่มทุนสร้างซื้อนักเตะ แต่เป็นการยอมให้มีโลโก้หนึ่งปรากฎบนเสื้อ… แค่นั้นเอง

30 ปีแห่งความผูกพัน

ในวงการฟุตบอลซึ่งแต่ละสโมสรสามารถเฟ้นหาผู้สนับสนุนต่างๆได้อย่างอิสระ ไม่ถูกบังคับจากทางลีกให้ต้องใช้สินค้าแบรนด์เดียวกัน การที่ทีมใดทีมหนึ่งจะตกลงปลงใจผูกสัมพันธ์กับแบรนด์หนึ่งเป็นระยะเวลายาวนานถือเป็นสิ่งที่หายากยิ่ง

 1

แต่สิ่งนั้นก็ได้เกิดขึ้นแล้วกับเปแอสเช เมื่อพวกเขาเลือกที่จะสวมชุดแข่งจากแบรนด์เดียวเป็นเวลาถึง 30 ปี และแบรนด์นั้นคือ ไนกี้ ที่อยู่คู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 1989

จริงอยู่ว่าเราเคยเห็นภาพที่เปแอสเชสวมชุดแข่งจากแบรนด์คู่ปรับอย่าง อาดิดาส อยู่บ้าง แต่นั่นเกิดขึ้นในรายการที่สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส หรือ FFF เป็นผู้จัด (ในช่วงที่สหพันธ์ฯ ยังมีสปอนเซอร์เป็นแบรนด์สามแถบ) แต่ภาพทีมดังจากเมืองหลวงแดนน้ำหอมใส่เสื้อที่พะโลโก้ Swoosh หรือขีดถูกโค้งๆตามแต่คนจะมองนั้น ก็ได้ติดตรึงในความทรงจำของแฟนบอลมาโดยตลอด

แม้สัญญาฉบับปัจจุบันที่เปแอสเชมีต่อไนกี้จะสิ้นสุดที่ปี 2022 โดยมีมูลค่าเงินสนับสนุนอยู่เพียงราว 17.5 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาลเท่านั้น แต่แบรนด์กีฬาอันดับ 1 ของโลกก็ต้องการที่จะผูกสัมพันธ์กันต่อไป เนื่องจากเปแอสเชได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในมหาอำนาจแห่งวงการลูกหนังโลกในปัจจุบัน จากการที่กลุ่ม QSI (Qatar Sports Investments) โดย นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ เข้ามาลงทุนและทุ่มเงินซื้อนักเตะมหาศาล ผนวกกับฝั่งไนกี้เองก็มียุทธศาสตร์ที่ต้องการปักหมุดแบรนด์ตัวเองกับทีมประจำเมืองหลวงของประเทศต่างๆในยุโรปให้ได้

ซึ่งเปแอสเชคือหนึ่งในนั้น…

เมื่อโลกสองใบจับมือกัน

โดยปกติแล้ว เวลาที่สโมสรกีฬากับแบรนด์สินค้าต่างๆ ก็เพื่อต้องการที่จะผูกสัมพันธ์กันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ก็มักจะใช้วิธีการออกคอลเลคชั่นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อแข่งขัน, เสื้อลำลอง ฯลฯ เป็นหลัก แต่สำหรับไนกี้ พวกเขายังมีไม้ตายก้นหีบอีกอย่างที่เก็บไว้ใช้สำหรับเปแอสเชโดยเฉพาะ

 2

สิ่งนั้นคือการให้ จอร์แดน อีกแบรนด์ในเครือไนกี้จับมือเป็นพันธมิตรกับสโมสร ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่โลโก้ Jumpman จะไปปรากฎบนเสื้อแข่งขันในกีฬาฟุตบอลอีกด้วย… แต่เหตุใดเปแอสเชถึงได้รับสิทธิ์นั้นล่ะ?

เรื่องดังกล่าวต้องย้อนกลับไปถึงตัวผู้ก่อตั้งแบรนด์ นั่นก็คือ ไมเคิล จอร์แดน บุรุษผู้ถูกยกย่องให้เป็นนักบาสเกตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เพราะย้อนกลับไปในปี 1985 จอร์แดนซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเพียงนักยัดห่วงดาวรุ่งมีโอกาสได้ไปเยือนกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส และเกิดความชอบในเมืองนี้ ยิ่งในเวลาต่อมา เจ้าตัวยังมีโอกาสได้นำ ชิคาโก้ บูลส์ มาแข่งขันและคว้าแชมป์ในศึก McDonald's Championship ซึ่งเปรียบเทียบได้กับศึกบาสเกตบอลสโมสรชิงแชมป์โลกในปี 1997 ที่นี่ จากความชอบก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรักที่มีให้กับกรุงปารีสไปโดยปริยาย

ด้วยเหตุดังกล่าว จึงทำให้เมื่อตอนที่จอร์แดนตัดสินใจเปิดช็อปที่มีแต่สินค้าของแบรนด์จอร์แดนเท่านั้นแห่งแรกในยุโรป กรุงปารีส คือเมืองที่ได้รับเลือก โดยเปิดช็อป Jordan Bastille ในปี 2016 และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนของสหพันธ์บาสเกตบอลฝรั่งเศส และการแข่งขันสตรีทบาสเกตบอลชิงแชมป์โลก Quai 54 ซึ่งจัดแข่งขันในกรุงปารีสอีกด้วย

 3

ขณะเดียวกัน เนย์มาร์ ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การจับมือกันระหว่างจอร์แดนและเปแอสเชเป็นไปอย่างสะดวกโยธิน เพราะในปี 2016 นักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนนี้ซึ่งก็เป็นนักกีฬาที่ไนกี้ให้การสนับสนุน ได้กลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ออกคอลเลคชั่นสินค้าร่วมกับแบรนด์จอร์แดน ซึ่งปัจจุบัน เขาคือสตาร์หมายเลข 1 ของทีมดังแห่งกรุงปารีสนั่นเอง

ไม่ใช่แค่แบรนด์บาสฯ… แต่คือ "จอร์แดน"

หลังจากดีลดังกล่าวสำเร็จลุล่วง ไมเคิล จอร์แดน ได้เปิดใจถึงความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ว่า "แบรนด์จอร์แดนกับเปแอสเชนั้นต่างก็มีตำแหน่งทั้งในทางกีฬาและไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนด้วยกันทั้งคู่ การร่วมมือกันในครั้งนี้จึงถือเป็นความสัมพันธ์อันลงตัวและเป็นธรรมชาติสุดๆ"

 4

สิ่งดังกล่าวถูกขยายความเพิ่มเติมโดย นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ ประธานสโมสรเปแอสเชว่า "สิ่งที่เรามีเหมือนกันนั้น คือความมุ่งมั่น ทะเยอทะยานในการผสานสไตล์, ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไว้ด้วยกัน นี่คือโอกาสสำคัญในการสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ทั้งกลุ่มที่สนับสนุนทีมในปัจจุบันและกลุ่มใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ชื่อของเปแอสเชติดตลาดยิ่งขึ้นกว่าเดิม"

ขณะเดียวกัน การที่เปแอสเชจับมือกับจอร์แดน ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงค่านิยมที่ทั้งคู่มีร่วมกันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวตนของกรุงปารีสด้วยเช่นกัน โดย โลรองต์ นิโกลาส์ บัวร์วา หนึ่งในสมาชิกทีมเต้นฮิปฮอปคู่แฝด Les Twins ซึ่งเกิดที่ชานกรุงปารีสกล่าวว่า "ถ้าคุณได้ยินชื่อจอร์แดนในสหรัฐอเมริกา คุณคงนึกถึงกีฬาบาสเกตบอลไม่ก็ดนตรีฮิปฮอป แต่ที่ปารีส จอร์แดน ก็คือ จอร์แดน มันไม่ใช่แค่เรื่องราวของนักบาสเกตบอลหรือสังคมฮิปฮอปเท่านั้น แต่มันคือวิถีชีวิตของเรา ชาวปารีเซียงนี่แหละ แฟนตัวยงของจอร์แดนขนานแท้เลยล่ะ"

พันธมิตรทองคำ

นอกจากจะเป็นการสร้างการจดจำและสะท้อนตัวตนชั้นเลิศแล้ว ดีล เปแอสเช-จอร์แดน ก็ส่งผลดีทางการเงินให้กับทางเปแอสเชอย่างแท้จริง เพราะด้วยความที่จอร์แดนคือแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในสหรัฐอเมริกา จากการที่นักบาสเกตบอลคนดังอย่าง รัสเซลล์ เวสต์บรูค, เบลค กริฟฟิน, จิมมี่ บัตเลอร์ รวมถึงเซเลบริตี้อย่าง เดรก และ จัสติน ทิมเบอร์เลค สวมใส่รองเท้าแบรนด์นี้ เสื้อเปแอสเชพะโลโก้จอร์แดน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแข่งที่ทำไว้ใส่ลงเล่นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น รวมถึงเสื้อลำลอง, รองเท้า และอื่นๆ จึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่าตามไปด้วย

 5

เฉพาะแค่ในสหรัฐอเมริกาอย่างเดียว ยอดขายเสื้อแข่งในฤดูกาลนี้สูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 470% จน SportsPro Media คาดการณ์ว่า ยอดขายรวมตลอดทั้งฤดูกาลจะสูงแตะหลัก 1 ล้านตัวเป็นครั้งแรก เทียบเคียงกับทีมระดับท็อปอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด เลยทีเดียว

ด้วยเหตุดังกล่าว นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ จึงกล่าวด้วยความมั่นใจว่า ด้วยอิทธิพลของแบรนด์จอร์แดน เปแอสเชจะได้เงินจากการขายสินค้าที่ระลึกของทีมที่มีโลโก้ Jumpman ได้มากกว่า 170 ล้านปอนด์ในปีเดียว... เมื่อบวกกับแผนการในอนาคต ทั้งการต่อสัญญากับไนกี้และจอร์แดน รวมถึงการเซ็นสัญญาสปอนเซอร์คาดหน้าอกใหม่ เปแอสเชจะสามารถผ่านเกณฑ์กฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ หรือ FFP ที่บังคับให้สโมสรในยุโรปต้องหารายรับมาให้มากกว่ารายจ่ายได้อย่างไม่มีปัญหา

"พันธมิตรที่เรามีกับจอร์แดนนั้นน่าทึ่งมาก นี่แหละคือเหตุผลที่ผมบอกกับทุกคนว่าไม่ต้องห่วงกับ FFP เพราะเราสามารถหารายรับได้มากขึ้นแน่ ซึ่งอันที่จริงเรามีแผนอีกหลายอย่างเลยนะ แต่ด้วยความที่ทั้งเปแอสเชและจอร์แดนต่างก็เป็นแบรนด์ระดับโลกไปแล้ว นี่จะเป็นการเพิ่มรายรับให้กับสโมสรได้อย่างมหาศาล ทั้งในฤดูกาลนี้และอนาคต"

 6

นับตั้งแต่กลุ่มทุนจากกาตาร์เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็กลายเป็นสโมสรที่สะท้อนถึงความทะเยอทะยานสู่จุดสูงสุดมาโดยตลอด ทว่าการที่พวกเขายังไม่สามารถสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดได้เสียทีเดียว ก็ส่งผลให้พวกเขาประสบปัญหาไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ตามไปด้วย

หลายคนคิดว่า การทุ่มเงินซื้อนักเตะแบบมือเติบ จะเป็นตัวช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จทั้งในสนามและในสังคมธุรกิจได้เร็วที่สุด... ทว่าจากความสำเร็จแบบรวดเร็วฉับไวของพันธมิตร เปแอสเช-จอร์แดน บางที ดีลที่สร้างรายได้มหาศาลและภาพลักษณ์ระดับโลกให้กับทีม อาจไม่ใช่ชื่อที่พะบนแผ่นหลัง แต่เป็นโลโก้เล็กๆที่อยู่บนอกขวาต่างหาก

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ "เนย์มาร์" หลบไป : เมื่อดีลที่สร้างรายได้มหาศาลให้ PSG ไม่ใช่นักฟุตบอล?!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook