10 ไฟต์ที่เงินค่าตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการมวยโลก

10 ไฟต์ที่เงินค่าตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการมวยโลก

10 ไฟต์ที่เงินค่าตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการมวยโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตามหลักเศรษฐศาสตร์แห่งวงการกีฬา กีฬาใดที่ได้รับความนิยมสูงจากแฟนๆ ตลอดจนกีฬาที่ตัวผู้เล่นนั้นมีความเสี่ยงสูง ก็ย่อมได้รับผลตอบแทนเป็นค่าตัว ค่าเหนื่อยที่สูงกว่าเป็นธรรมดา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มวยสากล ถือเป็นหนึ่งในกีฬาที่หากนักชกมีฝีมือจริง ก็มีโอกาสในการโกยทรัพย์ก้อนโต แต่ไฟต์ไหนบ้างที่สิงห์กำปั้นรับเงินจากการขึ้นชกมากที่สุด Main Stand รวบรวมมาให้คุณๆ ทั้งหลายได้อิจฉาเล่นๆ แล้ว

 

แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น เราขอชี้แจงก่อนว่า การจัดอันดับในครั้งนี้จะไล่เรียงตามเงินค่าตัวที่ถูกปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อให้เป็นปัจจุบัน, ตัวเลขที่ปรากฎคือเงินค่าตัวที่ได้รับการการันตีก่อนขึ้นชก ยังไม่รวมเงินที่ได้เพิ่มจากส่วนแบ่งเพย์เพอร์วิว (ซึ่งหากมีตัวเลขรายรับสุดท้ายปรากฎ เราจะเพิ่มเติมให้ท่านทราบ)

และแม้ขณะนี้ ไฟต์ที่มีเงินค่าตัวมากที่สุดจะเป็นการเจอกันระหว่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กับ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ เมื่อปี 2017 ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่า ฟลอยด์ได้เงินจากการชกสูงถึง 300,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วน "เกรียนไอริช" ได้เงินถึง 100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทว่าเราขอไม่นำมาติดอันดับคราวนี้ เนื่องจากไฟต์ดังกล่าวเป็นการพบกันระหว่างนักมวยสากลกับนักสู้ MMA

เมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว งั้นมาเริ่มกันเลย

10. อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ vs จอร์จ โฟร์แมน (1989)

35,300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปรับค่าเงิน

(ค่าเงิน ณ วันชก 20,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

 1

ไฟต์ดังกล่าวถูกขนานนามว่า "The Battle of the Ages" หรือ "ศึกต่างวัย" เพราะในขณะที่โฮลีฟิลด์กำลังอยู่ในช่วงวัยฉกรรจ์ด้วยอายุ 29 ปี แต่อายุอานามของโฟร์แมนนั้นปาเข้าไป 42 ปีแล้ว ทว่าไฟต์ดังกล่าวกลับเป็นไปอย่างสูสีเกินความคาดหมายของเกจิที่มองว่าโฮลีฟิลด์น่าจะมายำใหญ่ และแม้จะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ "บิ๊ก จอร์จ" ก็ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่ายังไม่แก่เกินแกง เพราะในปี 1994 เขาสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกอายุมากสุดได้อีกด้วย

9. ไมค์ ไทสัน vs ปีเตอร์ แม็คนีลี่ย์ (1995)

38,300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปรับค่าเงิน

(ค่าเงิน ณ วันชก 25,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

 2

แค่โปรยไฟต์สั้นๆ ว่า "He's Back" ก็ขายได้แล้ว เพราะนี่ถือเป็นการกลับสู่สังเวียนเลือดครั้งแรกของ "Iron Mike" หลังต้องไปชดใช้กรรมในคดีล่วงละเมิดทางเพศที่ทำไว้ในเรือนจำ ทว่าการชกไฟต์ดังกล่าวจะเรียกว่าเป็นการซ้อมใหญ่ก็ว่าได้ เมื่อไทสันจัดชุดใหญ่ใส่ตั้งแต่เสียงระฆังดังจนผู้จัดการส่วนตัวทนไม่ไหวต้องกระโดดขึ้นเวทีเพื่อเซฟแม็คนีลี่ย์ ยุติการชกไปด้วยเวลาเพียง 89 วินาที กลายเป็นไฟต์แสนสั้นที่ทำเงินให้อย่างมหาศาล ผู้แพ้อย่างแม็คนีลี่ย์ได้เงินไป 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ไทสันฟาดเรียบในส่วนที่เหลือ ว่ากันว่าไฟต์ดังกล่าวสร้างเม็ดเงินมหาศาลถึงเกือบ 100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ไม่มีเข็มขัดแชมป์เป็นเดิมพัน

8. มูฮัมหมัด อาลี vs โจ เฟรเซียร์ ภาค 3 (1975)

40,200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปรับค่าเงิน

(ค่าเงิน ณ วันชก 9,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

 3

"Thrilla in Manila" ไฟต์ปิดฉากความบาดหมางอันยาวนานระหว่าง มูฮัมหมัด อาลี กับ โจ เฟรเซียร์ ถือเป็นไฟต์ที่มีครบทุกอย่าง ทั้งปูมหลังที่ก่อนหน้านี้ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ, มหกรรม Trash Talk เหยียดหยามสารพัดจากปากของ "สิงห์จอมโว" อย่างอาลี ก่อนทุกอย่างจะไปตัดสินกันบนเวทีกับการดวลเดือดที่สุดท้ายไม่ต้องตัดสินด้วยการนับคะแนน ซึ่งแม้อาลีจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ทั้งคู่ต่างก็สะบักสะบอมสมกับที่เป็นศึกตัดสินเรื่องพิพาทอย่างแท้จริง

7. ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า vs เฟลิกซ์ ตรินิแดด (1999)

41,100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปรับค่าเงิน

(ค่าเงิน ณ วันชก 28,500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

 4

เมื่อ ดอน คิง และ บ็อบ อารัม โคตรโปรโมเตอร์แห่งยุค 1990s หันหน้าเข้าหากัน ผลลัพธ์คือ "The Fight of the Millennium" ซูเปอร์ไฟต์ครั้งสุดท้ายแห่งศตวรรษที่ 20 กับการจับยอดมวยรุ่นกลางที่ ณ ขณะนั้นยังไร้พ่ายกันทั้งคู่อย่าง ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า และ เฟลิกซ์ ตรินิแดด มาเจอกัน โดยหลังครบ 12 ยก "ติโต้" ยัดเยียดความปราชัยครั้งแรกให้กับ "โกลเด้นบอย" ด้วยเสียงส่วนใหญ่

6. ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ vs มิเกล ค็อตโต้ (2012)

41,800,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปรับค่าเงิน

(ค่าเงิน ณ วันชก 40,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

 5

หลังเก็บยอดมวยมาหลายรายไม่ว่าจะเป็น ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า, ริคกี้ ฮัตตัน, ฮวน มานูเอล มาร์เกซ, เชน โมสลี่ย์ ในที่สุด ก็ถึงคิวของ มิเกล ค็อตโต้ ซึ่งแม้ "The Money" จะต้องทำน้ำหนักขึ้นไปชก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ชนะไปด้วยคะแนนเอกฉันท์ โดยหลังจากการชกได้มีการเปิดเผยตัวเลขค่าตัว ซึ่ง มิเกล ค็อตโต้ ได้ไป 8,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ได้ไปอย่างน้อยๆ ก็ 45,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

5. ไมค์ ไทสัน vs อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ภาค 1 (1996)

45,900,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปรับค่าเงิน

(ค่าเงิน ณ วันชก 30,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

 6

หลังออกจากคุกและกลับสู่การเป็นแชมป์โลกได้สำเร็จ ก็ถึงเวลาแล้วที่โคตรมวยรุ่นเฮฟวี่เวตแห่งยุค 1990s อย่าง ไมค์ ไทสัน และ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ได้มาเจอกัน ซึ่งแม้ก่อนแข่งเกจิจะมองว่า "มฤตยูดำ" เป็นต่อบานเบอะ แต่การชกจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อ "The Real Deal" ดักทางอีกฝ่ายได้หมด ก่อนที่จะชนะ TKO ไปในยก 11 ... แต่เราก็รู้ ว่าสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงการเจอกันของทั้งคู่ ไม่ได้เกิดขึ้นในไฟต์แรกที่ทั้งคู่เจอกัน

4. อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ vs ไมค์ ไทสัน ภาค 2 (1997)

52,400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปรับค่าเงิน

(ค่าเงิน ณ วันชก 35,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

 7

เพราะสิ่งที่ทุกคนนึกถึงการเจอกันระหว่าง ไมค์ ไทสัน กับ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ เกิดขึ้นในไฟต์รีแมตช์อีก 1 ปีถัดมาต่างหาก แถมยังเป็นเรื่องราวฉาวโฉ่ เมื่อไทสันตบะแตกกัดหูขวาโฮลีฟิลด์จนแหว่ง แม้ทั้งคู่จะรับทรัพย์มหาศาล แต่ทุกคนคงรู้สึกไม่ต่างกัน … ไฟต์นั้นไม่น่าจบด้วยเรื่องแบบนี้เลย

3. ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า  vs ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ (2007)

60,200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปรับค่าเงิน

(ค่าเงิน ณ วันชก 52,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

 8

นี่ถือเป็นการเจอกันอีกครั้งระหว่างนิยามของคำว่า "คลื่นลูกเก่า" กับ "คลื่นลูกใหม่" ฝ่ายแรกคือแชมป์โลก 6 รุ่น ส่วนอีกฝ่ายเป็นแชมป์โลกที่กำลังมาแรงทั้งฝีมือและฝีปาก ก่อนที่สุดท้าย คลื่นลูกใหม่จะเป็นฝ่ายที่ซัดแรงกว่า คว้าชัยไปแบบไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ประเด็นสำคัญที่เราอยากพูดถึงก็คือ นี่ถือเป็นไฟต์สุดท้ายที่ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ได้เงินน้อยกว่าคู่ชก โดย "The Money" ได้เงินเพียง 25,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า ได้เงินมากกว่าเท่าตัวถึง 52,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

2. ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ vs คาเนโล่ อัลวาเรซ (2013)

82,500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปรับค่าเงิน

(ค่าเงิน ณ วันชก 80,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

 h

เมื่อนักชกไร้พ่ายมาเจอกัน ชื่อชั้นนั้นขายได้เสมอ แม้กาลเวลาจะทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนไป เมื่อ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กลายเป็นมวยจอมเก๋า ขณะที่ คาเนโล่ อัลวาเรซ กำลังมาแรงจนหลายคนเชื่อว่า นี่แหละคือคนที่จะยัดเยียดความปราชัยครั้งแรกให้ แต่ผลปรากฎว่าจอมเก๋าอย่างฟลอยด์เป็นฝ่ายสอนคาเนโล่ให้รู้จักคำว่าแพ้เป็นครั้งแรกแทน โดยไฟต์ดังกล่าว คาเนโล่รับทรัพย์ไป 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ยอดเงินสุดท้ายที่ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ได้จากไฟต์นี้ มากกว่า 100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

1. ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ vs แมนนี่ ปาเกียว (2015)

180,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

 10

ฝ่ายหนึ่งคือยอดนักชกไร้พ่าย อีกฝ่ายเป็นนักมวยขวัญใจมหาชน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือไฟต์ที่ทั้งโลกรอคอย แต่กว่าจะโคจรมาเจอกันได้ก็ต้องผ่านการเจรจากันหลายปี แถมผลการชกยังออกมาแบบคาใจ เมื่อ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เป็นฝ่ายชนะคะแนนไปแบบที่แฟนมวยทั่วไปมองว่า แมนนี่ ปาเกียว ชกได้เหนือกว่า แต่ที่แน่เป็นแช่แป้งก็คือ "ไฟต์แห่งศตวรรษ" ครั้งนี้ ทำเงินมหาศาลให้กับทุกฝ่าย เพราะแม้เงินค่าชกการันตีในตอนแรกจะอยู่ที่ 180,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หลังสรุปรวมแล้ว ทั้งคู่ได้เงินรวมกันมากถึง 300,000,000 ดอลลาร์หสรัฐฯ โดยฟลอยด์ได้เงินถึง 180,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนปาเกียวได้ไป 120,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ... นี่แหละคือบทพิสูจน์ถึงการเป็น "The Money" ตัวทำเงินทำทองของฟลอยด์อย่างแท้จริง

พิเศษ

ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น vs ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า (2019)

700,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

 11

แม้ เจสซี่ วาร์กาส อดีตแชมป์โลก 2 รุ่น คือนักชกที่ได้เงินมากที่สุดในโปรแกรมชกเดียวกัน โดยรับเงินถึง 1,200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ไฟต์ล่าสุดของ "เจ้าแหลม" ก็ทำให้อดีตแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต 2 สมัย เป็นนักชกไทยที่รับทรัพย์จากการขึ้นชกมากที่สุด โดยคณะกรรมาธิการกีฬารัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เผยว่า ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ได้ค่าตัวจากการชกไฟต์นี้สูงถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเราหวังว่าเขาจะมีโอกาสล่าแชมป์โลกสมัย 3 รวมถึงเงินค่าตัวที่มากกว่าเดิมในอนาคตอันใกล้

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ 10 ไฟต์ที่เงินค่าตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการมวยโลก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook