สำรวจความคิดเด็กวัย 16 ปี "ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา" ถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่

สำรวจความคิดเด็กวัย 16 ปี "ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา" ถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่

สำรวจความคิดเด็กวัย 16 ปี "ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา" ถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อตัวเลขบนหน้าจอสกอร์บอร์ด ภายในสนามช้าง อารีนา เดินทางมาถึงนาทีที่ 85 เสียงปรบมือจากผู้ชมโดยรอบสนามก็ดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง

“แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เด็กหนุ่มหน้าละอ่อน ปรากฏตัวอยู่ในชุดสีเหลือง ด้านหลังเสื้อสกรีนหมายเลข 29 พร้อมนามสกุล Mueanta (เหมือนตา) กำลังยืนพนมมือไหว้สนาม รอการเปลี่ยนตัว สีหน้าดูมุ่งมั่น ไม่ว่อกแว่ก หรือแสดงอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด

 

ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น กองหน้าสายเลือดคนศรีสะเกษ วิ่งลงไปในสนาม พร้อมกับ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ถูกขีดเขียนขึ้นที่นี่ ในฐานะ “นักฟุตบอลอายุน้อยสุดตลอดกาล ที่ลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่”

ถึงนาทีนั้นชื่อของ “ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา” ถูกพูดถึงในวงกว้าง โดยมีผู้ชมทั่วประเทศ ที่ดูการถ่ายทอดสดร่วมเป็นสักขีพยาน ให้กับเด็กมหัศจรรย์รายนี้

ศุภณัฏฐ์ ทำลายสถิติ ผู้เล่นอายุน้อยสุดที่ลงสนาม, ทำประตู ได้ในการแข่งขัน โตโยต้า ไทยลีก ติดทีมชาติไทยข้ามรุ่นทั้ง U-19, U-23 และชุดใหญ่ รวมถึงเป็นเจ้าของสถิติระดับทวีป ด้วยการเป็น แข้งอายุน้อยสุดที่ทำประตูได้ในศึกฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก

1

เขาทำทั้งหมดได้ในวัย 16 ปี 10 เดือน 3 วัน! ซึ่งหากว่ากันตามธรรมชาติของฟุตบอล ด้วยอายุเท่านี้ ลำพังแค่มีชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่ของสโมสร ก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว

เชื่อเหลือเกินว่าชายไทยนับแสน นับล้านคน ที่เล่นฟุตบอลเป็น ย่อมเคยมีความฝันอยากติดทีมชาติไทย แต่เด็กหนุ่มคนนี้ กลับได้ลงเล่นให้ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในขณะที่เจ้าตัวยังศึกษาอยู่ระดับ มัธยมศึกษา

มันอาจเป็นภาระความรับผิดชอบ ความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อย  ในฐานะ “นักฟุตบอลทีมชาติไทย” เมื่อเทียบกับอายุ และประสบการณ์ชีวิต อันน้อยนิดที่เขาเพิ่งผ่านพบมา…

2

แต่ในอีกมุมหนึ่งก็คงน่าสนใจไม่น้อย หากลองค้นลงไปในความคิดความเห็นของ นักฟุตบอลวัย 16 ปี เช่นเขา ผ่านบทสนทนานี้

มองย้อนกลับไปสักเมื่อประมาณ 7-8 ปีก่อน ตอนที่คุณเพิ่งหัดเล่นฟุตบอล เคยวาดฝันไหมว่าตัวเองจะมาติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในระยะเวลาที่เร็วขนาดนี้

ผมไม่ได้คิดไปขนาดนั้น ผมเล่นฟุตบอลเพื่อความสนุกสนานอย่างเดียว เพราะผมกับพี่ชายของผม (สุภโชค สารชาติ) เราสองคนเป็นเด็กต่างจังหวัด แถวๆนั้นมันก็ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรให้เราทำมากเท่าไหร่ในวัยเด็ก

3

ผมก็เตะบอลมาตลอด  มีโอกาสก็ไปแข่งเดินสายกับรุ่นพี่ๆ เพื่อนๆบ้าง สมัยที่ยังไม่ได้เข้ามาอยู่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อคาเดมี ตอนหลังผมเข้ามาคัดตัว ที่สโมสรบุรีรัมย์ฯ ตามพี่ชาย และได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดของสโมสร

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปลี่ยนวิธีคิดของเด็กคนหนึ่งที่เล่นฟุตบอลแค่สนุกไปวันๆ อย่างไร

จุดที่ทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนความคิด น่าจะเป็นช่วงที่ผมย้ายมาอยู่ที่อคาเดมี บุรีรัมย์ฯ ได้สัก 1 ปี ตอนนั้นพี่เช็ค ถูกส่งไปเล่นในดิวิชั่น 2 กับสุรินทร์ ซิตี้ (ปี 2015)

4

ผมเริ่มเกิดความรู้สึกว่า “ฟุตบอลมันยังมีไปได้อีกขั้นเหรอ” ผมอยากขยับขึ้นไปเล่นแบบนั้นบ้าง ตอนนั้นพี่เช็คเริ่มมีเงินเดือน ผมก็อยากมีรายได้เป็นของตัวเอง จะได้ไม่ต้องรบกวนขอเงินพ่อแม่

ยากแค่ไหน สำหรับเด็กคนหนึ่ง ที่ต้องมาใช้ชีวิตกินนอน อยู่ในอคาเดมี ที่ได้ชื่อว่า เต็มไปด้วยกฏระเบียบที่เคร่งครัด

ยากและเหนื่อยมากครับ เพราะเราต้องมีภาระความรับผิดชอบมากกว่าเด็กคนอื่นสองเท่า อย่างเพื่อนที่เรียนด้วยกัน เขามีหน้าที่แค่ไปเรียนหนังสือ เลิกเรียนกลับเข้าบ้าน แต่เราต้องมาฝึกซ้อมฟุตบอลหลังโรงเรียนเลิก ต่อด้วยทำการบ้านทุกวัน

5

อย่างที่ทุกคนรู้แหละครับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เน้นเรื่องระเบียบวินัย ปลูกฝังเรื่องนี้ให้นักฟุตบอล มาตั้งแต่เด็ก ทุกคนต้องอยู่ในกฏ ระเบียบ  เพื่อที่ตัวเองจะได้มีเงินเดือน มีอาชีพที่ดีต่อไปเรื่อย

ถ้าเราไม่ฝึกฝนให้ตัวเองมีระเบียบวินัยตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ก็คงยากที่จะโตไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ที่มีอนาคตดี ผมคิดแบบนี้นะ

เราทราบมาว่าคุณเป็น ผู้เล่นกำลังหลักของรุ่นอายุเดียวกันมาตลอด แต่พอวันหนึ่งที่ต้องขยับขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุยังน้อย บรรยากาศนั้นมันแตกต่างมากแค่ไหน

6

ผมถูกเรียกขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ครั้งแรก น่าจะอายุประมาณ 14 ปี ตอนนั้นเป็นช่วงรุ่นพี่ในทีมได้รับบาดเจ็บ แล้วตำแหน่งกองหน้า มีตัวเลือกไม่มาก ผมจึงถูกดันขึ้นมาซ้อมกับชุดใหญ่ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

ความแตกต่างอยู่ตรงที่ ถ้าเป็นรุ่นอายุเดียวกัน การแข่งขันมันไม่ได้ยากจนเกินไป เพราะนักเตะทุกคนก็อายุพอๆกัน เราสู้กันได้อยู่แล้ว

แต่พอขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ ผมก็เห็นว่ามันมีการแข่งขันภายในทีมที่สูง ทุกคนเป็นมืออาชีพมาก พยายามสู้เพื่อแย่งชิงโอกาสเป็นตัวจริง ตอนนั้นผมรู้สึกว่า ตัวเองยังดีไม่เท่ารุ่นพี่เลย จะไปคิดหวังถึงโอกาสลงสนาม คงเป็นไปได้ยาก

7

ยิ่งผมเป็นเด็ก ผมก็ต้องซ้อมให้หนักกว่า พยายามให้มากกว่ารุ่นพี่ เพื่อที่จะทำให้ได้เท่าๆ หรือแซงรุ่นพี่ชุดใหญ่ ผมต้องทำงานหนักเพื่อทำให้โค้ชเชื่อใจ และเห็นว่าผมสามารถเล่นได้ ถ้าให้โอกาสผมลงสนาม

หลังจากพยายามมาหลายเดือน ในที่สุด คุณก็ได้รับโอกาสลงสนามให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยสุดที่ลงเล่นและทำประตูได้ในไทยลีก

ตื่นเต้นครับ ทำอะไรไม่ถูกเลย เกมนั้นเจอ โคราช (นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี) จำได้ว่า แฟนบอลเข้ามาชมเกมเกือบเต็มความจุ แค่ตอนที่กรรมการชูป้ายเปลี่ยนตัว มองไปรอบๆสนาม ก็ตื่นเต้นมากแล้ว เพราะจะต้องไปเล่นต่อหน้าแฟนบอลที่จำนวนมากขนาดนี้ เราไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน

8

ยิ่งตอนที่ทำประตูแรกได้ (เกมกับ แอร์ฟอร์ซฯ) หัวสมองมันโล่งไปหมด คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูด ขาชาไปเลย กว่าจะตั้งสติได้ก็ต้องใช้เวลานาน 2-3 นาที แต่พอได้ลงสนามบ่อยขึ้น ก็เริ่มปรับตัว และควบคุมความตื่นเต้นได้ดีขึ้น

ในปีนี้ คุณได้รับโอกาสลงสนามเยอะขึ้นมากทั้ง ในสโมสร และทีมชาติ ถ้าเทียบกับอายุ แต่ก็ดูเหมือนว่า คุณต้องแลกกับการที่คุณต้องอยู่กับฟุตบอลอย่างเดียว โดยไม่มีชีวิตวัยเด็ก วัยรุ่น เหมือนเด็กทั่วไป

ผมไม่ค่อยคิดหรอกว่าเด็กคนอื่นเขาสบายกว่าผมหรือเปล่า ผมคิดแค่ว่า ถ้าผมทำงานหนักก่อนในตอนนี้ เดี๋ยวในอนาคตเราก็จะสบาย แต่ถ้าเราไม่เคยทำไว้ก่อน พอไปวันข้างหน้าเราก็ลำบากอยู่ดี

9

ถ้าเป็นช่วงปรีซีซั่น ช่วงเช้าผมจะเข้ายิม จากนั้นช่วงบ่ายเล่นกล้ามท้อง ตอนเย็นไปซ้อมชุดใหญ่ ทำแบบนี้ทุกวัน เวลาซ้อมก็ตั้งใจ พยายามทำให้โค้ชเห็นว่าเราสามารถเล่นได้

ผมชอบเปิดดูรูปนักฟุตบอลระดับโลกอย่าง (ลิโอเนล) เมสซี ก่อนเข้ายิม ผมรู้ดีว่า นักฟุตบอลอาชีพที่สามารถเล่นในระดับนั้นได้ ต้องมีร่างกายที่หนา ถ้าผมอยากเล่นให้ได้แบบนั้น ผมก็จำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแรง และความสามารถในการเล่นฟุตบอลที่ดี ควบคู่กัน ซึ่งมันก็เห็นผล จากที่เคยปะทะกับรุ่นพี่ไม่ได้ ก็เริ่มชนเขาได้ วิ่งเร็วขึ้น อะไรประมาณนี้

ผมเชื่อว่า ฟุตบอลต่อให้เรามีความสามารถที่ดีมากๆ แต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ก็ยากที่นักบอลคนนั้นจะได้ไปไกล

10

หลังจากคุณกลายเป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยสุด ที่ทำประตูใน เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ได้ นัดนั้น (เกมกับ ปักกิง กั๋วอัน) มันเป็นอารมณ์ ความรู้สึก ที่ตื่นเต้นกว่าตอนทำประตูแรก ในไทยลีก หรือเปล่า ?  

รู้สึกตกใจนิดนึง ตรงที่เลื่อนดูในโซเชียลฯ เจอแต่รูปตัวเองเต็มไปหมด แต่ถ้าเป็นแง่ของการใช้ชีวิต ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเก่งแล้ว ดีแล้ว

ตอนที่ผมยิงประตูได้ในเอเอฟซี ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร หลังจากยิงเข้า ผมยังรีบวิ่งที่ไปเอาบอลที่ก้นตาข่าย เพื่อเอากลับมาเล่นต่อ เพราะทีมโดนนำอยู่ ผมอยากช่วยให้ทีมได้แต้มมากกว่า

11

เพราะประตูนั้นสำหรับผม มันก็แค่ประตูที่ผมยิงเข้าในนัดนั้น ซึ่งตอนนี้มันเป็นแค่เกมหนึ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บมาเอาปลื้มอยู่ตลอดเวลา ผมแค่ต้องมองเกมต่อไป พยายามทำผลงานออกให้ดีที่สุด ไม่ใช่ยิงได้แค่นัดเดียว แล้วทุกอย่างจบ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น

ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน จากนักฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่น U-16 เมื่อไม่กี่เดือนก่อน แต่วันนี้คุณก้าวขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทย ชุดใหญ่

ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากครับนะครับ ผมก็ยังตั้งใจฝึกซ้อมในทุกครั้ง พยายามพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นกว่าเดิม

12

สำหรับผมการติดทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นชุดเล็กหรือชุดใหญ่ ผมรู้สึกดีใจเสมอ เพราะถือเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับใช้ชาติ

แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องหยุดพัฒนา เพียงเพราะผมได้ขยับขึ้นมาเล่นในรุ่นที่โตกว่า อย่าง รุ่น U-23 หรือชุดใหญ่ เพราะถ้าผมคิดแบบนั้น มันคงยากที่ผมจะไปต่อได้

ในวัย 16 ปี มีประสบการณ์ฟุตบอลครั้งไหนบ้าง ? ที่มอบบทเรียนที่ทำให้คุณเติบโตขึ้น

13

คงเป็นตอนไปเล่นทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และ 19 ปี ชุดคัดเลือกฟุตบอลโลก ซึ่งเรามีโอกาสทั้งสองรุ่น แต่ก็ตกรอบทั้งหมด ผมตั้งคำถามกับตัวเอง ทำไมทีมอื่นเขาถึงได้ไปบอลโลก แต่ทีมชาติไทยเราทำไมยังไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้

ผมก็เก็บบทเรียน ความพ่ายแพ้ตรงนั้นมาพัฒนาตัวเอง เพื่อดูว่า เรายังไม่ดี ไม่เก่งตรงไหน ต้องแก้ไขอย่างไร

สำหรับผมการเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง เป็นสิ่งที่จำเป็นมากของนักฟุตบอล เพราะทุกครั้งที่ผมย้อนกลับไปดูจังหวะที่ตัวเองเล่นไม่ดี ทำผิดพลาด แล้วหาวิธีแก้ไขจุดนั้น พอถึงวันที่ต้องเจอกับสถานการณ์แบบเดิมอีกครั้ง ผมก็จะสามารถแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ดีขึ้น

14

พี่ชายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเรามากแค่ไหน

อย่างที่ผมเคยพูดไป ผมมีความใฝ่ฝันอยากจะเล่น (ทีมชาติและสโมสร) ชุดใหญ่ร่วมกับพี่เช็ค นั่นทำให้ผมพัฒนาตัวเองขึ้นมาไม่หยุด เพื่อจะไปให้ถึงจุดๆนั้นให้ได้ ถึงแม้วันนี้ผมจะทำสำเร็จแล้ว

พี่เช็คก็ยังคอยสอนผมเสมอว่า “เวลาที่เราทำผลงานได้ดี เป็นธรรมดาที่จะมีคนเข้ามาติดตามเยอะ แต่อย่าเหลิง คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว” ผมโชคดีที่มีพ่อแม่ รวมถึงพ่อเนวิน (ชิดชอบ) ที่คอยให้คำแนะนำ และเตือนสติผมอยู่ตลอด

15

เคยคิดไหมว่า การลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ อาจเป็นภาระความรับผิดชอบที่ใหญ่เกินอายุของเรา

ไม่นะครับ ผมภูมิใจมากกว่า ที่ได้มาถึงจุดนี้ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน

ด้วยวัยแค่นี้ คุณรับมือกับความกดดัน และความคาดหวังของที่มีต่อตัวคุณอย่างไร

16

ผมเป็นคนที่ไม่ได้เก็บเอาเรื่องต่างๆ มาคิดมาก ใครจะคิดอย่างไรกับผม ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ผมแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีต่อไป ผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น

เวลาอยู่ในสนาม ผมจะไม่สนใจกับสิ่งที่อยู่ด้านนอกเลย โฟกัสแค่เกมฟุตบอลอย่างเดียว เพราะถ้าเผลอคิดถึงเรื่องอื่น แค่นิดเดียว สมาธิจะหลุดได้ง่ายมาก และไม่มีสมาธิกับการแข่งขัน ต้องโฟกัสกับฟุตบอลเท่านั้น แล้วความตื่นเต้นจะหายไปเอง

ถึงยังไง ก็ต้องขอบคุณ ที่มีคนพูดถึงผม ชื่นชมผม แต่ส่วนตัว ผมไม่ได้รู้สึกว่า ตัวเองเป็นความหวังใหม่ (ของทีมชาติไทย) ขนาดนั้นหรอกครับ ผมเพิ่งอายุแค่นี้เอง ยังทำผลงานไม่ถึงขั้นดีมาก ก็ต้องดูไปข้างหน้าครับว่า ผมจะไปถึงจุดที่คนเขาคาดหวังกันได้ไหม

17

ถ้าเปรียบความฝันของคุณเป็น บันได 10 ขั้น คิดว่าตอนนี้ตัวเองเดินมาถึงขั้นที่เท่าไหร่ ?

ผมว่าประมาณขั้นที่ 2 มั้งครับ

แล้วขั้นที่ 10 ของคุณอยู่ตรงไหน ?

18

ผมอยากไปเล่นฟุตบอลอาชีพที่ยุโรป คงเป็นบันไดขั้นสุดท้าย ที่ผมอยากไปให้ถึง แต่ผมรู้ดีว่าหนทางที่จะไปให้ถึงจุดหมายนั้น มันคงยากลำบากมากๆ

เห็นด้วยกับประโยคที่ว่า “If you're good enough, you're old enough” (ถ้าคุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ)  หรือเปล่า ?

อาจจะใช่มั้งครับ เพราะฟุตบอลคนที่ทำผลงานได้ดีกว่า ก็ย่อมมีโอกาสได้ลงสนามก่อนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้เกี่ยวกับอายุ แต่อยู่ที่ผลงาน ถ้าวันหนึ่งมีรุ่นน้องที่เก่งๆขึ้นมา ผมก็ต้องถีบตัวเองให้สูงขึ้นไปเรื่อย ไม่ใช่หยุดนิ่ง

หากเราไม่พัฒนาตัวเอง ไม่ปรับตัว สักวันหนึ่งก็จะมีคนขึ้นมาแทนที่เราอยู่แล้ว

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ สำรวจความคิดเด็กวัย 16 ปี "ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา" ถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook