สกู๊ป : บอลไทยยุคใหม่ "ปัจจุบันเป็นกรรมของอดีต" โดย ธีรพัฒน์ อัครเศรณี
บ้านเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีความหวังมาตลอดหลายสิบปีว่า “บอลไทยจะได้ไปบอลโลก” ละไว้ในฐานที่เข้าใจนะครับว่าเป็นทีมชายและต้องเป็นทีมชาติชุดใหญ่เท่านั้น
ที่ผ่านมาเรามีความพยายามในหลายๆด้าน รวมทั้งการปรับปรุงลีกอาชีพขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งผิดหูผิดตา จากยุคทีพีแอลมาจนถึงพีแอลที
แต่การเปลี่ยนตัวนายกสมาคมฯและการปฏิวัติสมาคมฟุตบอลอย่างถอนรากถอนโคน จะทำให้วงการลูกหนังบ้านเราดีขึ้นอีกได้มากน้อยขนาดไหน
และทำให้เราสร้างนักเตะที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขขึ้นมาทดแทนผู้เล่นอย่าง ดัสกร ทองเหลา, ธีรศิลป์ แดงดา และ ธีรเทพ วิโนทัย ที่นับวันมีแต่จะโรยราลงไปได้ทันหรือไม่
แค่ในปัจจุบันบรรดาประธานสโมสรใหญ่ๆต่างก็บ่นกันพึมแล้วว่า นักเตะไทยดีๆหายากเหลือเกิน ทั้งแพงและเอาแบบที่ยกระดับทีมได้นั้นเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร โควต้านักเตะชาติดูจะหาได้ง่ายกว่าด้วยซ้ำ!
ที่ผ่านมาหลายคนมีความเชื่อว่าถ้าลีกอาชีพบ้านเราประสบความสำเร็จ โอกาสบอลไทยไปบอลโลกก็จะก้าวใกล้ความจริงเข้ามา ที่แท้แล้วอาจเป็นความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
ยกตัวอย่างวงการฟุตบอลเยอรมันก็เคยมีลีก บุนเดสลีกาที่รุ่งเรือง แต่มีช่วงหนึ่งทีมชาติล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในยุค รูดี้ โฟลเล่อร์ คุมทีม จนต้องกลับไปหลบเลียแผลใจ ปรับแผนพัฒนากันใหม่แบบยกกระบิ
อังกฤษเองก็มีลีกที่คนนิยมทั่วโลก แต่นักเตะทีมชาติ “สิงโตคำราม” บางคนนั้น ไม่ติดแม้กระทั่งตัวจริงในสโมสรต้นสังกัดด้วยซ้ำ
ดังนั้นเราจึงต้องแยกสองประเด็นนี้ออกจากกันในบางมิติของการพัฒนา
ถึงวันนี้ก็เลยอยากจะฝากความหวังกับทีมงานสมาคมฟุตบอลชุดใหม่ที่นำโดย พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าท่านอย่ามัวแต่ห่วงพีแอลทีอย่างเดียว
อยากให้พัฒนาลีกสำรองหรือลีกเยาวชนควบคู่กันไปด้วยเพื่ออนาคต รวมทั้งการสนับสนุนทีมชาติชุดยู 16 และ ยู 19
ตัวแปรสำคัญน่าจะขึ้นอยู่กับประธานเทคนิคคนใหม่ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ที่คลุกคลีกับการสอนเด็กมาตลอดที่ชลบุรี ว่าจะนำประสบการณ์ที่เชี่ยวกรำทั้งจากต่างประเทศ ในประเทศ มาวางโครงสร้างและเลือกบุคลากรในการพัฒนาบรรดาแข้งไอ้แอ๊ดไทยได้ดีขนาดไหน
งานนี้คงต้องฝากอนาคตไว้ในมือ “โค้ชเฮง” รวมทั้งองคาพยพที่เกี่ยวข้องด้วยว่าจะพร้อมใจก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบด้วยกันทั้งหมดทั้งมวลหรือไม่
หลังฝุ่นหายตลบ ฮันนีมูนพีเรียดผ่านพ้น ภาพและทิศทางของสมาคมฟุตบอลยุคใหม่คงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เราคนนอกได้แต่เอาใจช่วย งานนี้คงต้องรอดูกันยาวๆแบบภาษิตที่ว่า “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”