ไลป์ซิก น้องใหม่ ร้ายบริสุทธิ์ (โดย นุสรณ์ ศิลปพันธ์)

ไลป์ซิก น้องใหม่ ร้ายบริสุทธิ์ (โดย นุสรณ์ ศิลปพันธ์)

ไลป์ซิก น้องใหม่ ร้ายบริสุทธิ์  (โดย นุสรณ์ ศิลปพันธ์)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

20 พฤศจิกายน 2016 "แอร์เบ ไลป์ซิก" ทีมน้องใหม่บุนเดสลีกา คือทีมจ่าฝูงทีมใหม่ ในลีกสูงสุดของเยอรมนี

25 พฤศจิกายน 2016  “ไลป์ซิก บุกถล่ม ไฟร์บวร์ก หนีห่างบาเยิร์น 6 แต้ม”

19 พฤษภาคม 2009 ย้อนหลังไป 7 ปี ”เร้ด บูล” กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลังยักษ์ใหญ่ ตกลงเซ็นสัญญา ซื้อสิทธิ์การทำทีมฟุตบอล จาก ทีม "เอสเอสเฟา มาร์ครานสตัดต์" (SSV Markranstad) ทีมจากลีกระดับ ดิวิชั่น 5 ของเยอรมนี

ก่อนที่จะมาลงเอยที่ "เอสเอสเฟา มาร์ครานสตัดต์" กลุ่มทุน ”เร้ด บูล” เคยสนใจอีกทีมในไลป์ซิกอย่าง "ชาร์คเซ่น ไลป์ซิก" (FC Sachsen Lepizig) มาก่อน แต่ด้วยปัญหาทางด้านกฎหมายกับ สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี รวมถึงการต่อต้านจากแฟนบอลของทีม ชาร์คเซ่น เอง ทำให้แผนการเดิมต้องล้มลงไป

เหตุการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน กับทีมในเมือง ดุสเซลดอร์ฟ และแม้กระทั่งในเมือง มิวนิค ซึ่งเป็นอีก 2 เมืองที่ "เร้ด บูล" พยายามเสนอตัวเข้าเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอล



กลุ่ม "เร้ด บูล" หวนกลับมาที่เมือง ไลป์ซิก อีกครั้ง ด้วยมองเห็นถึงศักยภาพทางด้านการตลาดที่มีโอกาสเจริญเติบโต เนื่องจาก ไลป์ซิก เป็นหนึ่งในเมืองเก่าของเยอรมันตะวันออก มีจำนวนประชากรสูง และยังไม่มีทีมฟุตบอลระดับชั้นนำในเมือง ทำให้กลุ่ม "เร้ด บูล" ลงเอยกับ "เอสเอสเฟา มาร์ครานสตัดต์" ด้วยความที่เป็นสโมสรขนาดเล็ก และอยู่ในลีกต่ำสุดของเยอรมัน ทำให้ ไม่จำเป็นต้องทำตามกฎที่ยึดถือกันมายาวนาน ทีมมีการเปลี่ยน โลโก้ และชุดทำการแข่งขัน ใหม่ทั้งหมด สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลดั้งเดิมของทีม

การเจรจาตกลงซื้อขายทีม เป็นไปอย่างรวดเร็ว งบประมาณก้อนใหญ่ 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 3800 ล้านบาท ถูกใช้ทันที เพื่อเป้าหมายหลักที่ชัดเจนคือการขึ้นสู่บุนเดสลีกา โดยใช้เวลาน้อยที่สุด

นอกจากงบประมาณแล้ว ไลป์ซิก ยังแอบเจ้าเล่ห์ ในการบริหารงาน โดยเฉพาะในเรื่องกฎ 50+1 ที่ทีมฟุตบอลในเยอรมนี ต้องการให้แฟนบอลถือหุ้นใหญ่ และมีสิทธิ์ออกเสียงในการบริหารทีมอย่างเต็มที่ แต่ที่นี่ไม่ต้องการแบบนั้น บอร์ดบริหารตั้งใจละเมิดกฎ 50+1 แบบเนียนๆ ยกตัวอย่างเช่น บาเยิร์น มิวนิค มีสมาชิกอย่างเป็นทางการของสโมสรมากกว่า 224,000 คน แต่ละคนจ่ายเงินค่าสมาชิกรายปีเพียง 60 ยูโร

ขณะที่ ดอร์ทมุนด์ มีสมาชิกทางการราว 139,000 คน และเสียค่าสมาชิก เพียงปีละ 62 ยูโร แต่สำหรับแฟนบอลที่ต้องการเป็นสมาชิกของทีมไลป์ซิกต้องจ่าย 1000 ยูโร เพื่อแลกกับการเป็นโกลด์ เมมเบอร์ แต่ขอโทษครับท่าน แม้จะถือบัตรทองก็ยังออกเสียงโหวตไม่ได้นะถ้าอยากออกเสียงโหวต ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1000 ยูโร (ที่ตั้งราคาสูงลิบลิ่ว ก็เพื่อกีดกันแฟนบอล ในการมีสิทธิ์ออกเสียง อำนาจเบ็ดเสร็จยังอยู่กับ เร้ด บูล ล้วนๆ ครับ)

ต่อมา เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี บีบให้ทีม เปิดเผยโครงสร้างของแฟนบอลที่มีสิทธิ์ออกเสียง เพื่อแลกกับใบอนุญาติในการลงเล่นลีกสูงสุด ปรากฏว่ามีสมาชิกเพียง 17 คนเท่านั้นที่ออกเสียงได้ และทั้งหมดล้วนแต่ทำงาน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับสโมสร



แต่มีด้านมืด ก็มีด้านสว่าง แม้จะเจ้าเล่ห์ขนาดไหน ก็ต้องยอมรับว่า แอร์เบ ไลป์ซิก โชว์ผลงานในสนามได้อย่างน่าชื่นชมในช่วง 1 ใน 3 ของฤดูกาลแรกใน บุนเดสลีกา พวกเขาขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ด้วยผลงาน 12 เกม ชนะ 9 เสมอ 3 และไม่แพ้ต่อทีมใดเลย มี 30 แต้ม

เว็บไซต์ Bundesliga.com พูดถึงเหตุผล 10 ข้อที่ ทำให้น้องใหม่ อย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก กลายเป็นจ่าฝูงบุนเดสลีกา ดังนี้  
1) พวกเขาคือ "จอมทุบสถิติ"
ที่ผ่านมาไม่เคยมีทีมน้องใหม่ ที่สามารถลงสนามใน 11 เกมแรก โดยไม่แพ้ใคร ทำให้เกมเอาชนะไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 3-2 เป็นเกมที่ทำให้พวกเขา ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ บุนเดสลีกา เรียบร้อยแล้ว

2) ทีมมีฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่อง
ชนะมาถึง 7 เกมรวด เป็นชัยชนะที่ติดต่อกัน มากกว่าทีมร่วมลีกทีมอื่น

3) พวกเขาทำให้ชาวตะวันออกภาคภูมิใจ
เป็นทีมแรกจากฝั่งเยอรมันตะวันออกที่ขึ้นเป็นจ่าฝูง บุนเดสลีกา ทำให้แฟนบอลฟากฝั่งนี้ ต่างให้กำลังใจพวกเขาอย่างอบอุ่น ส่งผลให้ทีมมีฟอร์มในบ้านที่แข็งแกร่ง

4) ฟอร์มที่น่ากลัวนอกบ้าน
ไลป์ซิกเป็นทีมที่มีสถิติเล่นนอกบ้านดีที่สุดในลีก เก็บได้ถึง 17 แต้มจากทั้งหมด 21 แต้ม

5) มีทีเด็ดในการไล่เก็บแต้ม
10 จาก 12 เกมที่ผ่านมา ไลป์ซิก ทำประตูออกนำคู่แข่งไปก่อน มีเพียง เกมแรกกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ (เสมอ 2-2) และเกมล่าสุดกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (พลิกชนะ3-2) ที่ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลัง แต่ลูกทีมของ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล แสดงให้เห็นแล้วว่า มีความเยือกเย็นมากพอ กับเกมที่ต้องเป็นผู้ตาม  

6) เรียกพวกผมว่าทีมจอมขยัน
ไลป์ซิก เป็นทีมที่นักเตะช่วยกันวิ่งตลอดทั้งเกมมากที่สุดในบุนเดสลีกา ด้วยค่าเฉลี่ยทั้งทีมวิ่งรวมกัน 116.4 กิโลเมตรต่อเกม ความขยันของพวกเขาทำให้คู่แข่งอ่อนล้า ไลป์ซิก จึงยิงประตูได้ถึง 8 ประตูในช่วง 15 นาทีสุดท้าย

7) ไลป์ซิก มีฟอร์สเบิร์ก
เอมิล ฟอสเบิร์ก จอมทัพสวีดิช ได้รับเครดิตเป็นอย่างมากในฐานะจอมทัพที่สร้างเกมรุกให้กับทีม เขายิงประตูได้ 5 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ ดาวเตะวัย 25 ปี คือทีเด็ดในเกมโต้กลับของทีมตรากระทิงแดง

8) แผนการ และผู้เล่น ที่ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
นอกจาก ไลป์ซิก เป็นทีมที่วิ่งกันไม่หยุด กดดันใส่คู่แข่งตลอดเวลาแล้ว พวกเขายังเปลี่ยนรูปแบบการเล่นได้ตลอดเวลาเมื่อจำเป็นอีกด้วย เทรนเนอร์ ฮาเซนฮุทเทิล เปลี่ยนตัวสำรองลงสนามไปยิงประตูให้กับทีมมาแล้ว 7 ครั้ง มากที่สุดในบุนเดสลีกา

9) เกมรับที่แข็งแกร่ง
ไลป์ซิก มีแนวรับที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่สอง ในลีกา 2 ซีซั่นที่ผ่านมา เสียประตูเพียง 32 ประตูจาก 34 เกม ส่วนซีซั่นนี้ 12 เกมที่ผ่านมา พวกเขามีเกมรับดีที่สุดเป็นอันดับสองเท่ากับ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต โดยเสียไปเพียง 10 ประตู  

10) ทีมพลังหนุ่ม ไม่กลัวใคร
อายุเฉลี่ยของนักเตะ 11 คนแรกของไลป์ซิกอยู่ที่ประมาณ 24 ปี ฮาเซนฮุทเทิล ดึงนักเตะวัยรุ่นเข้าสู่ทีมมากมาย รวมถึง ติโม แวร์เนอร์ (20), มาเซล ซาบิสเซอร์ (22), ยูสซุป โพลเซ่น (22) และนาบี้ เกอิต้า (21) มีเพียง เมอร์วิน คอมเปอร์ (31) กองหลังเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีอายุเกิน 30 ปี และลงเล่นให้กับไลป์ซิกตลอดทุกเกมที่ผ่านมา

ไลป์ซิก จะเป็นอย่าง ไกเซอร์สเลาเทิร์น ในซีซั่น 1997-98 ที่เพิ่งขึ้นชั้นมา และคว้าแชมป์ บุนเดสลีกาได้ทันที ได้หรือไม่ คงเร็วเกินไปที่จะตอบ แต่ในฐานะคนดูบอลเยอรมัน ก็แอบดีใจนะที่มีทีมขึ้นมาป่วนบาเยิร์น มิวนิค ได้อีกทีม บอกเลย หลงรักพวกนายแล้ว “แอร์เบ ไลป์ซิก”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook